กรณีเหตุคนร้าย 2 คน ใช้ปืน.38 จำนวน 3 กระบอกบุกปล้นชิงทรัพย์ร้านทองเยาวราชกรุงเทพ ในห้างเทสโก้โลตัส สาขาไชยา ริมถนนทางหลวงเอเชีย 41 ต.เลม็ด อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ยังมีประชาชนออกไปจับจ่ายซื้อสินค้าอยู่ ได้ทรัพย์สินสร้อยทองรูปพรรณ 40 เส้น น้ำหนัก 33.5 บาท มูลค่าประมาณ 1.3 ล้านบาท โดยนำรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุไปทิ้งคลองชลประทานบ้านในไร่ หมู่ที่ 3 ต.เวียง อ.ไชยา ห่างที่เกิดเหตุประมาณ 3.7 กิโลเมตร แล้วหลบหนีไป เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 มกราคม 2567
ต่อมาเวลา 09.30 น.วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 67 พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 พล.ต.ต.นิพนธ์ พานิชเจริญ รอง ผบช.ภ.8, พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภ.8, พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พร้อมกำลังตำรวจควบคุมตัวผู้ต้องหา 4 คนไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังที่เกิดเหตุ
มี 1.นายสรายุทธ หรืออิฐ ฉิมกล่อง อายุ 38 ปี พื้นเพเดิมเป็นชาว จ.สุราษฎร์ธานี หัวหน้าแก๊ง ทำหน้าที่บุกปีนเข้าไปกวาดเอาทอง 2.นายภู อายุ 18 ปี ถือปืน 2 กระบอกทำหน้าที่คุ้มกัน3.นายอโนชา หรือบอล แซ่หลี อายุ 33 ปี ทำหน้าที่ดูเป้าหมาย 4.นายโชค อายุ 15 ปี ทำหน้าที่ดูต้นทาง ส่วนคนที่ 5.จิ๊กโก๋ อายุ 14 ปีขี่รถจักรยานยนต์มารับคนร้ายที่จุดทิ้งอำพรางรถในคลองยังจับตัวไม่ได้
พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 กล่าวว่า คดีนี้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.8 ร่วมกับ กก.5 ป.,กก.สส.ภ.จว. สุราษฎร์ธานี และ สภ.ไชยา เร่งรัดสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายให้ได้โดยพบว่ามีคนร้าย ทั้งหมด 5 คน เป็นเยาวชนอายุ 14-15 ปีอยู่ 2 คน ทั้งหมดเป็นชาว อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับและหมายเรียกในข้อกล่าวหาร่วมกันปล้นทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีและใช้อาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม
จากการสืบสวนทราบว่า นายสรายุทธ ก่อนหน้านี้อาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ เป็นหนี้พนันออนไลน์ 2 ล้านบาท จึงเดินทางกลับมายัง จ.สุราษฎร์ธานี และคิดปล้นร้านทองหาเงินใช้หนี้ แต่ไปดูลาดเลาแล้วไม่สามารถลงมือได้
มาบอกนายอโนชา หรือ บอล ซึ่งเป็นญาติและมีพฤติกรรมจำหน่ายยาเสพติด ให้ร่วมก่อเหตุ และได้ชักชวนกลุ่มวัยรุ่นที่เป็นลูกน้องส่งยาเสพติดอยู่แถวชุมชนใต้โค้ง ต.ท่าข้าม อ.พุนพิน ร่วมก่อเหตุแบ่งหน้าที่กันทำงาน นายสรายุทธ คนวางแผนและตัวการสำคัญหลบหนีตามไปจับกุมได้ที่ อ.แกดำ จ.มหาสารคาม อีก 3 คนจับได้ในพื้นที่ อ.พุนพิน และเหลือเยาวชนอายุ 14 ปีจะได้ตัวเร็วๆนี้
“ ทั้งหมดให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมกันวางแผนโดยมาดูเป้าหมายก่อนลงมือก่อเหตุ 1 สัปดาห์ หลังก่อเหตุได้แยกย้ายกันหลบหนี และนำทองคำที่ปล้นมาได้ไปขายที่กรุงเทพฯ และจังหวัดต่างๆ ในภาคตะวันออก จากนั้นนำทองคำและเงินที่ได้จากการขายมาแบ่งกัน โดยตำรวจใช้เวลา 10 วันสามารถปิดคดีได้ซึ่งนายสรายุทธ ตัวหัวโจกเป็นผู้ชักชวนชี้นำเยาวชนที่เปราบางมีปัญหามาจากครอบครัวร่วมก่อเหตุด้วยความฮึกเหิมและคึกคะนอง เป็นที่น่าวิตกห่วงใยมาก ” พล.ต.ท.สุรพงษ์ กล่าว