สตม.แถลงผลงานประจำสัปดาห์รวบ 2 โอปป้าค้าไอซ์ผ่าน GRAB
เวลา 10.30 น. วันที่ 29 ก.ค.64ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.แถลงผลจับกุมคดีน่าสนใจ ประจำสัปดาห์ 3 คดี
คดีที่ 1 พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ ผกก.สส.บก.ตม.1จับกุม MR.NAM อายุ 37 ปี MR.SHIN อายุ 38 ปี 2ผู้ต้องหาชาวเกาหลี และหญิงวัยรุ่นไทยอายุ 22 ปี อีก 2 คน
พร้อมยาไอซ์ชนิดเกล็ดสีขาว บรรจุในซองซิปใสขนาดเล็ก ยัดใส่เมาส์ คอมพิวเตอร์ 1 ตัว และยาไอซ์บรรจุในซองซิปใสขนาดเล็ก ในกระเป๋าสะพายอีก 3 ถุง น้ำหนักรวม 16.88 กรัม
จับกุมผู้ต้องหารายแรกได้ที่หน้าศูนย์การค้าฟอร์จูน ถนนรัชดาภิเษก แขวงและเขตดินแดง ก่อนขยายผลจับกุมผู้ต้องหาอีก 3 ราย ที่ห้องพักไม่ไกลกันพร้อมของกลาง ยาคีตามีน 1.57 กรัม และกัญชา อีก 39 กรัม
สอบสวน MR.NAM และ MR.SHIN ยอมรับเข้ามาอยู่ในประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมายหลายเดือนจนพูดไทยได้และมีเครือข่ายเอเย่นต์ค้ายา
สามารถสั่งซื้อไอซ์ กัญชา และคีตามีน มาเสพเอง ตลอดจนแบ่งขายให้พรรคพวกทั้งเกาหลีและไทยได้ผ่านการสั่ง GRAB ให้มารับไปส่ง
เมื่อจะส่งของให้ลูกค้าก็จะนำไอซ์มาแบ่งใส่ถุงซิปขนาดเล็กยัดใส่เมาส์คอมพิวเตอร์เสียก่อน เพื่อพรางตาเจ้าหน้าที่และผู้พบเห็น
ส่วนหญิงไทยอีก 2 คน ที่อยู่ในห้องพักมาร่วมเสพยาด้วยกันได้ประมาณ 2 วัน
ควบคุมตัว MR.NAM และ MR.SHIN นำส่งพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง แจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย ร่วมกันมีคีตามีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย และร่วมกันมีกัญชาไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย
ส่วนหญิงไทยอีก 2 ราย ถูกแจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย ด้วยเช่นกัน
คดีที่ 2 พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม. นำกำลังจับกุม นายเติ้ง อายุ 32 ปี และ นายต้ง อายุ 36 ปี สองผู้ต้องหาชาวจีน
ตามหมายจับศาลจังหวัดนครราชสีมา ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยผิดกฎหมาย
จับกุมนายเติ้ง ได้ที่ห้องพักย่านวังทองหลาง กทม. ส่วน นายต้ง ถูกตามไปจับกุมได้ที่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
สืบเนื่องจาก ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ได้ชักชวนชาวจีนเพื่อน ที่พักอยู่ใน จ.นครราชสีมา ลงทุนในตลาดสกุลเงินดิจิตอล ผ่านเว็บไซต์ cqnyys.com
ให้ผู้เสียหายโอนเงินค่าประกัน user เพื่อใช้ถอนเงินออกไป สร้างความเสียหาย 5.1 ล้านบาท สุดท้ายเว็บไซต์ดังกล่าวก็ถูกปิด ทำให้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความและนำสู่การออกหมายจับ
เบื้องต้น ยึดเงินคืนกลับมาได้ 1.7 ล้านบาท อยู่ระหว่างขยายผลติดตามผู้ต้องหาที่เหลืออีก 1 ราย กบดานอยู่ในประเทศลาวมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
คดีที่ 3 พ.ต.ท.พลสิทธิ์ สุทธิอาจ รอง ผกก.สส.บก.ตม.1 นำกำลังจับกุม น.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์จับกุมได้ในบ้านพักย่านทองหล่อ
ทั้งนี้สืบเนื่องจากช่วงเดือน ธ.ค.63 ที่มีผู้เสียหายชื่อ นางน้อย แม่หม้ายชาวไทยรู้จักกับ นายหวัง (ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง)อ้างเป็นลูกครึ่งแคนาดา-จีน ทำงานเป็นวิศวกรแท่นขุดเจาะน้ำมัน ผ่านแอพพลิเคชั่นหาคู่ LINKEDIN
โดยนายหวัง อ้างว่าทำงานอยู่ที่ประเทศตุรกี ขอให้ นางน้อย ช่วยเป็นธุระเรื่องจ่ายค่าภาษีศุลกากรการนำเข้าเครื่องจักรที่ต้องการนำมาลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ยอดเงินจำนวนหลายล้านบาท
นางน้อย หลงเชื่อโอนเงินเข้าบัญชีคนไทย ซึ่งระบุเป็นชื่อ ของ น.ส.บี แล้วก็ไม่สามารถติดต่อนายหวัง ได้อีก
ชุดจับกุมจึงตรวจสอบเส้นทางการเงินกระทั่งจับ น.ส.บี เอาไว้ได้
เจ้าตัวอ้างว่า ก่อนหน้านี้รู้จักกับ นายหวัง หรือ MR.ANTHONIO ชาวมาเลเซีย ผ่านแอพพลิเคชั่นหาคู่ชื่อ SKOUT
เมื่อคุยกันถูกคอ นายหวัง ขอให้ช่วยเปิดบัญชีธนาคารและทำบัตรเอทีเอ็มของประเทศไทยให้ เพื่อนำมาใช้โอนและถอนเงินสดภายในประเทศไทย
โดยนายหวัง ให้ตนส่งสมุดบัญชีและบัตรเอทีเอ็ม ไปให้ที่ประเทศมาเลเซีย และไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ไปปักใจเชื่อ จึงคุมตัว น.ส.บี ส่งพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ดำเนินการตามกฎหมาย
ส่วน MR.ANTHONIO ชาวมาเลเซีย จะประสานตำรวจสากลติดตามตัวมาดำเนินคดีร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ด้วยต่อไป
