วันที่ 12 พ.ย.2564 เวลาประมาณ 14.27 น.มีคนร้ายเป็นชาย อายุประมาณ 30 ปีเศษ สูงประมาณ 170 ซม. สวมหมวกแก๊ปสีดำและสวมแมสปิดบังใบหน้า ทำทีเข้าไปใช้บริการที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาบ้านเก่า ม.3 ต.บ้านเก่า อ.พานทอง จ.ชลบุรีโดยกดบัตรคิวและเข้ารับบริการตามปกติ
เมื่อพบพนักงานธนาคาร คนร้ายได้ยื่นสมุดบัญชีเงินพร้อมแนบจดหมายน้อย เขียนข้อความข่มขู่ว่า “ห้ามคุยกับใคร ในกระเป๋ามีปืนทำตัวปกติ เอาเงินมา 4 ล้าน ถ้าพูดคุยกับใครมีคนตาย ซึ่งคุณเป็นคนแรก เอามาวางบนโต๊ะ”
พนักงานธนาคารเกิดความกลัวนำเงินในลิ้นชักให้กับคนร้ายไป 600,000 บาท(หกแสนบาทถ้วน) คนร้ายได้นำเงินใส่กระเป๋าสะพายเดินออกจากธนาคาร ขึ้นรถจักรยานยนต์แบบผู้หญิงหลบหนีไป
หลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. สั่งการให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.ภ.2 , พล.ต.ต.อิทธิพร โพธิ์ทอง รอง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ กิจจาหาญ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2
นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.2 , กก.สส.ภ.จว.ชลบุรี และ สภ.พานทอง จว.ชลบุรี สืบสวนหาตัวคนร้ายที่ก่อเหตุโดยเร็ว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ และสะเทือนขวัญของประชาชน
ต่อมาเวลาประมาณ 22.00 น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2 พ.ต.อ.มาโนต หวังสู้ศึก ผกก.สส.บก.สส.ภ.2 พ.ต.ท.ประจักษ์พงษ์ สุริยา รอง ผกก.สส.บก.สส.ภ.2 พ.ต.ท.สุวัฒน์ บริรักษ์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.ภ.2 พ.ต.ท.เอกกร วรรณทอง พ.ต.ต.อสวรรธน์ ศิระเวรินทร์ สว.กก.สส.บก.สส.ภ.2
นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.2 และพ.ต.อ.ศตวรรษ บุญมี ผกก.1 บก.ทล. เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงร่วมกันจับกุมตัว
นายสุริยา หรือยา อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลาง
1.เงินสดที่ได้มาจากการชิงทรัพย์ 595,000 บาท
2.อาวุธปืน(ปลอม) สีดำ 1 กระบอก
โดยกล่าวหาว่า ชิงทรัพย์โดยมีอาวุธและโดยใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกแก่การกระทำความผิดและพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม
จากการสืบสวนคนร้ายที่ก่อเหตุ ทราบชื่อว่า นายสุริยา ทำงานอยู่ที่โรงงานแห่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรม ต.ดอนหัวฬ่อ อ.เมือง จว.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามไปที่โรงงานและบ้านพักแต่ไม่พบตัว
ตรวจสอบจนทราบว่า นายสุริยาฯ ได้นำเงินสดที่ได้จากการชิงทรัพย์หลบหนี ไปพร้อมอาวุธปืน และจากการไล่กล้องวงจรปิด จนพบว่าผู้ต้องหาขึ้นรถตู้โดยสารไปที่กรุงเทพฯ แล้วต่อขึ้นรถยนต์โดยสารจากขนส่งหมอชิต กรุงเทพฯ มุ่งหน้าไปจังหวัดเชียงใหม่
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามผู้ต้องหาไปอย่างกระชันชิด และเกรงว่าผู้ต้องหาอาจเป็นอันตรายแก่ประชาชน และผู้คนสัญจรรถโดยสารประจำทางทั่วไปเนื่องจากเชื่อว่าคนร้ายมีปืนติดตัว และเพิ่งก่อเหตุชิงทรัพย์ธนาคารหลบหนี
ได้ร่วมกับตำรวจทางหลวง กก.1 บก.ทล.ในเส้นทางที่ผู้ต้องหามุ่งหน้าหลบหนีให้ช่วยกันสกัดจับ จนสามารถติดตามไปพบตัว นายสุริยาฯ ขณะอยู่บนรถยนต์โดยสารประจำทางสายกรุงเทพ – เชียงใหม่ บริเวณหน้าปั้ม ปตท. ถ.สายเอเชีย ต.ท่าโฉนด อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงตัวขอตรวจค้น พบเงินสดที่ได้มาจากการชิงทรัพย์ จำนวน 595,000 บาท (ของกลางลำดับที่ 1) ที่ตัว นายสุริยาฯ
โดยนายสุริยาฯยอมรับว่าเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุชิงทรัพย์ธนาคารกรุงเทพ สาขาบ้านเก่าจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จับกุมตัวดำเนินคดีในข้อหาชิงทรัพย์ฯ และขยายผลจนนำไปตรวจยึดอาวุธปืน(ปลอม) สีดำ 1 กระบอกทิ้งไว้ในถังขยะ ภายในสถานีขนส่งหมอชิต จตุจักร กรุงเทพฯ
จับกุมผู้ต้องหาบริเวณบริเวณหน้าปั้ม ปตท. ถ.สายเอเชีย ต.ท่าโฉนด อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท
สำหรับมูลเหตุในการก่อเหตุในครั้งนี้ นายสุริยาฯ ให้ข้อมูลว่า เกิดจากติดหนี้บัตรเครดิต บ้าน รถ จำนองที่นา มีหนี้สินจำนวนกว่า 3 ล้านบาท วางแผนก่อเหตุมาตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย.64 โดยไปดูลาดราวธนาคารมาก่อนหน้าแล้ว 4 แห่งก่อนลงมือกระทำความผิด พร้อมนายสุริยาฯรับว่าเขียนจดหมายน้อยเพราะไม่อยากให้คนมาใช้บริการธนาคารแตกตื่น.
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2 กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีอุกอาจ คนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์ธนาคารโดยมีอาวุธปืนซึ่งภายในมีประชาชนหลายคนกำลังใช้บริการ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถสืบสวนหาตัวคนร้ายได้รวดเร็ว จากกล้องวงจรปิดตามโครงการ สมารท์ เซฟตี้โซน 4.0 ( smart safety zone 4.0 ) เป็นนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.และพล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.ภ.2
จัดกำลังตำรวจ บก.สส.ภ.2 จำนวนหลายชุดออกติดตามคนร้าย พร้อมบูรณาการตำรวจทางหลวงเนื่องจากคนร้ายมีพฤติกรรมเป็นอันตรายแก่ประชาชน และผู้คนสัญจรรถโดยสารประจำทางทั่วไปเพราะคนร้ายมีอาวุธปืนติดตัว และเพิ่งก่อเหตุชิงทรัพย์ธนาคารหลบหนีกระทั่งจับกุมได้