เด็กหนุ่มจาก จ.กาญจนบุรี ลูกชายคนโตจาก 5 คนของครอบครัวอดีตนายทหาร ตั้งเป้าชีวิตไม่ทหารก็ตำรวจ เพราะนอกจากจะได้เป็นในสิ่งที่ชอบแล้ว ยังได้ดูแลพ่อแม่ ดูแลครอบครัว
จบโรงเรียนวัดบวรนิเวศ สอบเทียบได้ตั้งแต่ ม.5 มุ่งมั่นสอบเข้าเตรียมทหารผ่านแค่รอบแรก ชีวิตยังเคว้ง หันกลับมาเรียนเศรษฐศาสตร์ เพราะชอบมากกว่านิติฯ แต่จังหวะสุดท้าย ดูอายุแล้วยังสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยฝันเดิมได้ เลยไปสอบเข้าโรงเรียนตำรวจนครบาลจบรุ่น 63 แล้วใช้โควตาสอบเข้านักเรียนนายร้อยสามพรานรุ่นที่ 48
เส้นทางรับราชการ ปี 2538 ติดยศ ร.ต.ต.รับราชการ รองสวส.สน.ปทุมวัน, รอง สว.กก.สส.บก.น.6 ยุค บิ๊กใหม่-สุชาติ ธีระสวัสดิ์ เป็นผกก. จากนั้นเลือกชีวิตตัวเองผันตัวลงใต้ไปเป็น รอง สว.สส.สภ.เมืองภูเก็ต, สวป.สภ.เมืองภูเก็ต, สวป.สภ.สวี ชุมพร, สว.สป.สภ.เมืองกระบี่,
รอง ผกก.ดส.ศสส.ภ.8., ผกก.ฝอ.บก.สส.ภ.8, ผกก.สส. ภ.จว. ระนอง. รองผบก. ภ.จว.สุราษฏร์ธานี รองผบก.สส.ภ.8 และติดยศนายพล เป็นผบก.ภ.จว.ระนอง คำสั่งวาระปี 65
บนถนนสีกากี เริ่มต้นจากวันครองยศ ร.ต.ต.ตำแหน่งรองสว.ส.สน. ปทุมวัน มาถึงพล.ต.ต.ตำแหน่งผบก.ภ.จว.ระนอง ในวันนี้
ผู้การชิว เล่าว่า
ชีวิตมีเป้าหมาย ตั้งใจจบจากโรงเรียนไม่เกินลำดับที่100 สุดท้ายจบลำดับ 40-50 เลือกลงสน.ปทุมวันเพราะชอบคอมพิวเตอร์จะได้ไปเรียนคอมฯที่จุฬาฯ
อยู่สอบสวนประมาณสักปีหนึ่ง รู้ว่าไม่ใช่ทาง เห็นสืบเหนือ ใต้ ธน โดยเฉพาะไอดอล อย่าง พล.ต.ท.วรรณรัตน์ คชรักษ์ พล.ต.ท.โสภณ วาราชนนท์ คิดว่าทำไมท่านเก่งจัง แม้กระทั่งชั้นประทวนที่อยู่สืบเหนือ ใต้ ธน ทำไมพวกพี่ๆ เขาเก่ง เราอยากเป็นนักสืบแบบนั้น
เริ่มชีวิตสืบด้วยงานธุรการ
จนเหนือ ใต้ ธน แตกเป็น บก.1-9 ไปอยู่ที่สืบนครบาล 6 ยุค พล.ต.ท.สำเริง สุวรรณพงษ์ เป็น ผกก.แต่เพราะเป็นน้องเล็ก เลยถูกให้ดูงานธุรการ
แต่นั่นคือข้อดี ธุรการกองสืบเหมือนงานธุรการโรงพัก ทำทั้งหมดนโยบาย แผน คำสั่ง จัดกำลัง คำสั่งออก แผนออก ไม่ว่าจะเรื่องเงินเดือน จัดซื้อจัดจ้าง ทำให้เข้าใจงานเกือบทั้งหมด โดยไม่เคยอยู่งาน ฝอ.มาก่อน
เรียนรู้วิชาจาก”บิ๊กใหม่”
จนพี่ใหม่ สุชาติ ธีระสวัสดิ์ มาเป็น ผกก.สืบ นายวรรณรัตน์ เป็น ผบช.น. ท่านเป็นไอดอลนักสืบระดับอาจารย์ แล้วพี่ใหม่มาปุ๊บ ก็ให้สิทธิ ผกก.สืบ เลือกขุนพลนักรบตัวเอง แล้วจับแข่งกัน 1-9 จับกันจนโจรไม่มีที่อยู่
อีกอันหนึ่งคือ นายวรรณรัตน์บอกว่า ใครที่เป็น รอง สว.ที่อยู่กองสืบ ต้องเข้าโรงเรียนสืบสวน เลยได้โอกาสตรงนั้น ก็มีวิชาที่เราชอบ อาจารย์ที่เราชอบ ไม่ว่าจะพี่ปั๊ด -สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข พี่แหม๋ว-รณศิลป์ ภู่สาระ ที่เขามาสอน
พอจบปุ๊บ อยากลองของ เดินงานเอง ลุยเอง ตอนนั้นพี่ใหม่ ให้ขึ้นจากธุรการไปอยู่ชุด แต่ยังต้องทำข้อมูลให้พี่เขาด้วย ทำให้ได้เรียนรู้งานสืบสวนสอบสวน เรียนรู้การบริหาร เลยได้หมด รู้มุม รู้อะไรต่างๆ หมด
ชีวิตต้องเติบโตย้ายไปภูเก็ต
แต่เราจะอยู่ตรงนี้ได้ยังไง เลยคิดว่าต้องพัฒนาตัวเอง อยู่สืบ 6 รวม 2 ปี เลยขอย้ายไปภูเก็ต อีกอย่างผมไม่ไปทางนครปฐม เมืองกาญจน์ เพราะญาติผมเยอะ ทำอะไรไม่ถนัด นี่คือเหตุผลสำคัญ แล้วพอไปตรงนั้น เอาสิ่งที่ได้รับการสั่งสอนจากนครบาลมา เอามาตรฐานการทำงานแบบนครบาล
มีโอกาสได้รู้จักกับพี่ๆ หลายคน ทำให้โรงพักเมืองภูเก็ตได้ที่ 1 รวม 3 ปี โรงพักเพื่อประชาชน พี่เขาบอกว่า เอ็งทำงานไป เรื่องอื่นไม่ต้องสนใจ เดี๋ยวพี่ดูแลให้ เรื่องสิทธิประโยชน์ เอ็งไม่ต้องวิ่ง เลยได้ สวป.น่าจะปี 2548 จากนั้นไปเป็น สวป.ที่สวี ชุมพร
เข้าสมรภูมิไฟใต้ช่วยงาน”บิ๊กใหม่”
ตอนนั้นมันมีเหตุสถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ท่านอดุลย์ แสงสิงแก้ว ไปเป็นหัวหน้า ศปก.พี่ย้อย-วรพงษ์ ชิวปรีชา ลงไป พี่ใหม่ ลงไป ผมก็คิดว่าเราลงไปดีกว่า เอาความรู้ไปทำประโยชน์ได้ ทำให้ได้ทำงานอีกมิติหนึ่ง ไปอยู่กับพี่ใหม่สักช่วงหนึ่งแล้วกลับมาสวี แล้วไปเป็น สว.สป.ที่โรงพักเมืองกระบี่
ร่วม”บิ๊กยาว”สร้างนักสืบภาค8
ปี 2551 ขึ้นเป็นรอง ผกก.เด็กสตรี บก.สส.ภาค8 ได้ทำงานกับพี่ยาว-พล.ต.ต.วีระศักดิ์ มีนะวาณิชย์ ผู้การสืบ ได้รับมอบหมาย ให้ทำคดีอุกฉกรรจ์ คดีสำคัญ ได้ประสบการณ์อีกแบบ ปัญหาการทำงานตอนนั้นคือ เด็กในพื้นที่ 3 จังหวัดในเรื่องของเทคโนโลยี ยังรู้น้อยมาก เลยคุยกับพี่ยาวว่า ต้องสร้างคนฝึกคน เลยเริ่มพัฒนาคน วางตัวเลือกโรงพักพื้นที่ที่มีอาชญากรรมสูงๆ คล้ายๆคนมาเป็นทีมแล้วมานั่งสัมภาษณ์กัน
ดีเทคทีฟทีมหลักสูตร2อาทิตย์
คล้ายๆ โรงเรียนสืบนครบาล แต่ของผมหลักสูตร 2 สัปดาห์ เรียนเฉพาะที่ต้องใช้ เช่น ผมต้องการให้เด็กไปเชื่อมเหล็ก ก็เอามาสอนวิธีเชื่อมให้ชำนาญเลย แล้วคัดมาเป็นทีมเอาเด็กที่สมัครใจ เรียกสัมภาษณ์ทีละคน บางคนสมัครใจแต่ไม่เหมาะ ก็ต้องคัดออก
ใช้เวลาสร้างนักสืบรุ่นใหม่ 3 ปี
ปรากฏว่า 40 คน รุ่นแรก ประสบความสำเร็จ พอมีรุ่นแรก ก็มีรุ่น 2 รุ่น 3 มีรุ่น 4 อีก สุดท้ายคือรุ่นแอดวานซ์ ทำไปทำมาบางเคส แทบไม่ต้องลงไปดูที่เกิดเหตุสามารถวิเคราะห์ได้ ใครเกี่ยวข้องบ้าง คือรุ่นๆนี้ ทำตั้งแต่ต้นจนจบ เรียนปุ๊บ พอมีคดีเกิดขึ้น ก็ทำรายงานสืบสวน ไปขอหมายจับเอง จับเอง ซักเอง อะไรต่างๆทำครบกระบวนการหมดเลย ตอนนั้น พี่ยาว อยู่ 5 ปี ผมทำตั้งแต่ปี 2555-2557 ประมาณ 3 ปี สร้างเด็กขึ้นมา
คลี่คดีฆ่า2นทท.อังกฤษที่เกาะเต่า
ขึ้น ผกก.ปี 2555 เป็น ผกก.ฝอ. ฝึกจากDetective Team รุ่นแอดวานซ์ ที่คัดเหลือ 30 ทำคดีสด ผลงานช่วงนั้นคือคลี่คดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า ปี 2557 พี่ยาวให้ลงไปดูที่เกิดเหตุ ในนามของสืบภาค
ผมเรียกน้องๆ รุ่นแอดวานซ์ บอกเฮ้ย มีนักท่องเที่ยวถูกฆ่าแบบโหดเหี้ยม ใครจะมาทำกับกูบ้าง ยกมือกันหมด บอกว่า ในชีวิตรับราชการ เอ็งไม่มีโอกาสได้ทำคดีอย่างนี้นะ ไม่มีนะ คดีสำคัญระดับประเทศระดับโลก น้องมันก็ยกมือกันหลายๆ คน
ตอนนั้นมีไอ้มด รองผู้การ ไอ้วิจักข์ ตารมย์ ไอ้แนน ไอ้ปทักข์ ขวัญนา ไอ้น้อย วิระชาญ ขุนไชยแก้ว ไอ้วุฒิ ภัทรวุฒิ อ่อนช่วย ไอ้เจ๋ง พงษ์พันธ์ ศิริภัทรนุกุล
เด็กพวกนี้เป็นตัว TOP ของภาค 8พวกนี้เราสร้างตั้งแต่ดีเทคทีฟปกติมาเรื่อยๆ สุดท้ายก็จับคนร้ายได้
ขึ้นศาลให้ข้อมูลการได้ตัวคนร้าย
เป็นคดีแรกที่ผมต้องขึ้นศาล ผมรับผิดชอบเรื่องกล้องวงจรปิด คือได้จากกล้องวงจรปิด คดีนี้คือจากเงาไปหาตัวต้องแบกทีวีไปตัวหนึ่งเปิดให้เห็นกล้องวงจรปิด ให้ศาลดู ต้องใช้จออีกจอหนึ่ง เป็นภาพเคลื่อนไหว อันนี้เป็นภาพนิ่ง แล้วที่เห็นจากภาพนิ่ง มาจากภาพเคลื่อนไหวอันนี้นะ รายละเอียดต่างๆอธิบายให้ศาลท่านรับฟัง จนศาลเข้าใจ สุดท้ายคดีนี้ ชั้นต้นประหาร อุทธรณ์ประหาร ฎีกาประหาร
จากนั้นไปเป็น ผกก.สืบระนอง เป็นจังหวัดเล็กๆ คดีก็น้อย อาชญากรรม ก็น้อย เริ่มฝึกชุดราชเดช กองสืบต้องฝึกหมดทุกคน ผู้การระนองท่านเห็น บอกว่า ถ้าฝึกก็เอาโรงพักมาด้วยสิ ก็ปรากฏว่า 60-70 คน ก็ฝึกประมาณ 2 เดือน
ร่วมทำคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา
ปรากฏว่า ช่วงนั้นมีคดีโรฮีนจา ดัง เลยชวนไอ้มด ไอ้แนน ฟอร์มทีมไปช่วยลงไปทำ ที่หาดใหญ่ รับผิดชอบเรื่องวิเคราะห์เรื่องการเงิน กับโครงสร้างองค์กรเอาข้อมูลคำให้การ รายงานสืบสวนมานั่งวิเคราะห์ ทำเป็นผังขนาดใหญ่ ทำชาร์ต
ผมมองทุกอาชญากรรมคือองค์กร มีการแบ่งหน้าที่กันทำก็แบ่งว่าใครเกี่ยวข้องอะไรยังไง แยกไปเลย สีเหลือง คือกลุ่มระนอง สีฟ้าคือกลุ่มโกลก สีนี้คือสตูล พวกนักการเมืองท้องถิ่นแถวนั้น หมายถึงพวกคดีที่เป็นพวกให้ที่พักพิง นำพาต่างด้าว ก็เลยทำ ก็ทำเป็นข้อมูลให้เห็นภาพว่า ใครเป็นบอส ใครเป็นอันเดอร์บอส ใครเป็นมดงาน ใครเป็นอะไรต่างๆ
คือลำพังคดีนี้ ถ้าเดิมเขาออกหมายจับ โดยใช้พยานหลักฐานทั่วไป พยานบุคคล พยานวัตถุอะไรต่างๆ พวกนี้ ออกหมายจับกันอยู่ประมาณ 4-5 คน แต่พอผมเอาเส้นทางการเงินไป เกือบ 100 คนสุดท้าย ศาลก็พิพากษาลงโทษ
สางคดีโจรใต้ระเบิดป่วน7จุด
เสร็จคดีนี้ มีระเบิด 7 จุด ที่ภูเก็ต พังงา สุราษฎร์ฯ นครฯ กระบี่ ส่วนใหญ่เป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่ภูเก็ต ก็ที่ป่าตอง ที่พังงา ก็ที่เขาหลัก ที่กระบี่ ก็ที่อ่าวนาง แล้วก็ที่สุราษฎร์ฯ แถวหน้าโรงพักเมือง แล้วก็ที่หัวหิน
เปิดเกมจับตัวเผาที่อ่าวนาง
ผมอยู่โน่น ก็จังหวะพอดี จนที่อ่าวนาง ไอ้ตัวผู้ต้องหาที่เข้าไปเผา ทำทีเข้าไปขอซื้อเสื้อ เอาระเบิดเพลิงไปซุกๆไว้ในร้านขายผ้า เสร็จแล้วมันมีจุดที่คิดว่ามันน่าจะมาขึ้นรถทัวร์คันนี้ เราก็ไล่ๆไล่ไปจนหารถทัวร์เจอ แล้วถามว่า มีคนตรงนี้ ไปลงรถที่คลองหวะ ตรงหาดใหญ่ คือเป้าหมายคือจะลงที่ท่ารถที่หาดใหญ่ แต่ไปลงที่หน้าโรงเรียน
ปรากฏว่ามีกล้องอยู่พอดี กล้องเห็นปุ๊บ แล้วเสื้อตัวนี้ ไปแมตช์กับที่ซื้อ ก็มาทำภาพ จนชัดเจน แล้วเสร็จแล้ว ไอ้ 2 ตัวนี้ ก็เดินๆ ข้าม ไปขึ้นรถบรรทุก
เป็นแนวร่วมฝาแฝดโจรใต้
เราตามหาคนที่อยู่ในรถบรรทุกเจอ มันใส่แมสก์ ฟันมันลักษณะยื่นๆ ก็ไปเอารูปมา ไอ้พวกนี้มันเคยถูกเรียกไปปรับทัศนคติ เอามาเสร็จปุ๊บก็ยืนยันใช่ มันเป็นฝาแฝด มันทำทั้งคู่ ก็เลยออกหมายจับ ตอนหลังถูกพี่แหม๋ว วิสามัญไปแล้วทั้งพี่น้อง
ขึ้นรองผู้การ-เจาะเส้นทางเงินยานรก
เป็น ผกก.5 ปี ครบขึ้นเป็นรองผู้การสุราษฎร์ฯ ปี2561 ได้รับมอบหมายจากพล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผู้การสุราษฏร์ รับผิดชอบงานสืบ กับเรื่องยาเสพติด
ผมบอกว่ายาเสพติด ตัวเลขผมไม่ดูนะ ผมจะดูเรื่องการขยายผลให้ แล้วก็สอนเด็กๆ เอาประสบการณ์เรื่องโรฮีนจา วิเคราะห์เรื่องเส้นทางการเงิน ไปสอน จับยาเสพติด ต้องทำมากกว่าสบคบ คือสมคบจับเสร็จก็อาจจะไปขยายวง 2 ได้แค่คนสองคน ก็เอาเรื่องนี้ไปสอนเด็ก
แล้วพอเราทำ ปรากฏว่ามีเคสหลายๆ เคส ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ก็ดูเรื่องของเส้นเงินในเรื่องของการฟอกเงิน เคสหนึ่ง ผมออกหมายจับ 40-50 หมาย ทำแบบนี้หลายเคสๆปรากฏว่า รูทอาชญากรรลดลง คือตอนที่ผมอยู่นี่ มือปืนรับจ้างไม่มีนะ
ตัดวงจรเงินค้ารายย่อย
ผู้การให้ผมคุมศูนย์ 191 ด้วย ปรากฏว่ามีเหตุที่ยิงใส่บ้าน แบบไม่มีเหตุอันควร พอเช็คทางลึก อ้าวเกี่ยวกับยาเสพติดนี่หว่า เลยเริ่มขยายผลออกหมายจับ จับกุมผู้ค้ารายย่อยในพื้นที่ โดนออกหมายจับเยอะๆ ก็หนีไปอยู่ฝั่งเมียนมา ก็กวาดจับพวกทำหน้าที่การเงิน ส่งขายอะไรพวกนี้ จับปุ๊บส่งยาไม่ได้ เมียนมา ก็ถีบออกมา ก็ไปจับตัว ไปรับตัว อยู่ 3 ปีทำหลายๆ เคส
กลับสืบภาค8 สยบอันดามัน
พอพี่ชัช ไปเป็นผู้การสืบภาค 8 เคยทำงานด้วยกันมาก่อน เลยมูฟไปอยู่ด้วย แล้วผู้การสุราษฎร์ฯขึ้นเป็น รอง ผบช.คุมงานยา ผมก็ทำงานคู่กับแกได้ เพราะแนวคิดเหมือนกัน เป็นพี่อีกคน ขยันมาก ๆ ทำงานเป็นระบบได้เรียนรู้การบริหารงานในฐานะผู้การจังหวัด ได้ความรู้เยอะมาก พอพี่ขึ้นเป็นรอง ผบช. คุมหน้างานยาเสพติด ไม่ต้องพูดเยอะ มองตาก็รู้ใจ เดินหน้าลุยงานทันที กระทั่งมีผลปฏิบัติการ สยบอันดามัน
เริ่มจากจับยาเสพติด 1,199 กิโลฯ จับที่พุนพิน สุราษฎร์ธานี พี่ใหม่ เป็น ผอ.ก็บอก จะให้พี่ช่วยอะไรบ้าง ก็บอกว่า พี่ มันมีตัวอยู่ข้างบน เออ เดี๋ยวกูจัดการให้ แกก็ไปจัดทีม เอาตัวมา คนที่เกี่ยวข้อง ทั้งตอนบน ตอนกลาง ตอนล่าง ก็ได้ทั้งหมด 11 ตัว
พบเงินยาพันกลุ่มพนันออนไลน์
ปรากฏว่า กลุ่มพวกนี้ จะมีพวกบัญชียาเสพติด สีเขียว บัญชีนอมินีแล้วไปพันกับบัญชี กลุ่มสีม่วง เงินหมุนเวียน 2 ปี คือปีหนึ่ง 1,400 ล้าน กลุ่มนี้คือกลุ่มพนันออนไลน์ มันน่าจะเป็นนายทุนรึเปล่า เราตั้งสมมติฐานอย่างนั้น แล้วพื้นที่ใช้งานจะอยู่ที่หาดใหญ่เป็นหลัก เลยออกหมายจับ ทั่วประเทศ เกือบ 40 หมาย
หารือ ตร.จัดแผนสยบ
ตอนนั้นพี่ต่าย พี่กิตติรัฐ พันธุ์เพ็ชร พี่ต่าย เป็น ผบช.ภ.8 เลยเอาเรื่องนี้ไปหารือ พี่ต่ายบอกว่า อันนี้ต้องเข้าแผนบริหาร ตร.เลยเอาไปคุยกับพี่มนู เมฆหมอก คุมศูนย์ยา ออกแผน สยบอันดามัน พอออกแผนปุ๊บก็วางแผน
คือเป้าหมายแต่ละเป้า ตร.นั่งหัวโต๊ะ รอง ผบช.ที่รับผิดชอบงานสืบ งานยา ผกก.สืบ เข้า ผมก็อธิบายคร่าวๆ ส่งข้อมูลเป้าหมายให้ ผกก.สืบ ผมทำเช็คลิสต์ให้หมดแล้ว เขาแค่ไปเอาตัว ไปยึดทรัพย์ให้ แล้วเดี๋ยวทีมขนส่งผมจัดการเอง ไปรับตัว จัดทีมสอบสวน
แต่เป้าหมายหลักผมไปที่หาดใหญ่ ไปตั้ง ศปก.ที่ ปปส.ภาค 9 แล้วเอาตัวมา อ้าวบัญชีม้า นี่หว่า รับจ้างเปิดบัญชีนี่หว่า คำถามคือแล้วมึงเปิดให้ใคร อ๋อ เปิดให้ลูกอดีต สส. พรรคการเมืองดังพรรคหนึ่ง เป็นคนที่ได้รับประโยชน์จากบัญชีนี้
คดีนี้ ผมเอาเข้า ปปง.ด้วย เนื่องจากคดีมันใหญ่ คดีสำคัญ ถ้าไม่ใช้ในเรื่องของการฟอกเงิน ไม่สามารถใช้กับอาชญากรรมพวกนี้ได้ เลยเอา ปปง.ไปด้วย บ้าน โฉนดที่ดิน 44 ล้าน ถูกยึดไปประมาณ 200 กว่าล้าน ตัวก็ติดคุกอยู่ นี่คือเคสสยบอันดามันครั้งแรก
มีอีกหลายเคส ใช้อีกหลายปฏิบัติการสยบอันดามัน ลงไปยึดทรัพย์ได้เป็น 100 ล.ทั้งของไอ้อันดัม สะละแมง น้องอุสมาน สะลาแมง นักค้ายาเสพติดระดับโลก ช่วงที่อยู่ ทำแต่คดีใหญ่ทั้งนั้น คือทีมงานดี ทีมงานเราเข้มแข็งก็ทำหลายๆ เคส
ช่วย“บิ๊กปั๊ด”ทำนักสืบ5 จี
ช่วงอยู่สืบภาค มีโอกาสได้มาช่วยพี่ปั๊ด-พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ขณะนั้น ทำนักสืบ 5 จี ทั้งวางโครงสร้างหลักสูตร การคัดเลือกคนเข้ามาเรียน การสัมภาษณ์ แล้วผมก็ไปช่วยทำช่วยคุม
มีสมรรถนะแล้วต้องเฟิร์มด้วย
หลักสูตร 5 จี เป็นหลักสูตรที่ไม่มีเครื่องหมาย คือเป็นแนวคิดของเอฟบีไอ คือนอกจากคุณเรียนคุณได้ความรู้แล้ว สมรรถนะคุณต้องดีด้วย เป็นนักสืบต้องมีความรู้ มีคุณธรรม มีร่างกายที่ดี มีความรับผิดชอบ
ขึ้นผู้การระนองปี65
ทำหลักสูตรนี้ เสร็จแล้วขึ้นเป็นผู้การระนอง ในคำสั่งตอนพี่ปั๊ด เป็น ผบ. 1 ต.ค.2565 ได้เป็นผู้การระนอง รับราชการปี 2538 ได้เป็นผู้การปี 2565 รวม 27 ปี เป็นผู้บริหารตำรวจ วิสัยทัศน์ของเรา คือผมยังชอบทำงานด้วยตัวเองเหมือนเดิม ถ้างานทั่วๆไปไม่สำคัญ ไม่เร่งด่วน ผมให้เด็กทำไป งานสำคัญ งานเร่งด่วนงานที่ต้องการเน้นคุณภาพ ทำเอง
ผมวิเคราะห์ง่ายๆ จุดแข็งของระนอง คือคดีน้อย จุดอ่อนคือ แต่ก่อนผมเปรียบเทียบ มันเป็นจังหวัดที่คดีน้อยที่สุด คดีอาชญากรรมต่างๆ ไม่ค่อยรุนแรง แต่มันก็มี นานๆ มีที มันเหมือนโอกาส กำลังตำรวจ 700 กว่า มี 9 โรงพัก กับ 1 กก.สืบ
เน้นนโยบาย ตร.”ชุมชนยั่งยืน”
แต่ในมิติของยาเสพติด ผมมาดูว่า ตร.ต้องการอะไร ตอนนั้นเรื่องโครงการชุมชนยั่งยืน เดิมผมก็แอนตี้คิดว่าไม่ใช่งานตำรวจ ทำทำไม ตอนนั้นเขาเน้นเรื่องการบำบัดคนเสพที่ออกมาก่อเหตุซ้ำซ้อน คลั่งก่อเหตุ เหมือนที่หนองบัวลำภู หรือในหลายๆที่ ก็บอกว่า เรื่องนี้ไม่ควรจะเกิดในพื้นที่เรานะ ผมตั้งไว้อย่างนี้
ตกผลึกปราบอาชญากรรมเชิงรุก
แล้วพอเปิดใจฟังคอลหลักของเรื่องนี้หน่อย เรื่องชุมชนยั่งยืน เออ จริงๆ มันก็งานตำรวจ คือลงไปแก้ไขปัญหาที่สาเหตุเลย ในเมื่อเรารู้อยู่แล้วว่า คนเสพคือคนที่เกี่ยวข้อง กับการกระทำความผิดอื่น คือผู้ใช้ยาจะเกี่ยวข้องกับความผิดอื่นประมาณ 70-80% การที่ผมลงไปตรงนี้ จะแก้ปัญหาได้ทั้งหมด มันคืองานปราบ ปรามอาชญากรรมเชิงรุก
เลือกเกาะสินไหจุดเริ่มต้น
คำถามแล้วจะทำตรงไหนดี พื้นที่ไหนที่มีคนเสพเยอะๆ ลูกน้องบอกที่เกาะสินไห มีคนเสพ 60-70 คน เลยลงไปปิดล้อมตรวจค้นก่อน คือการทำงานพวกนี้ เนื่องจากตำรวจมันมีมายด์เซ็ตที่ว่ามันไม่ใช่งานของตำรวจ ผมก็บอกว่า ใครจะมาทำกับผมบ้าง ผมพูดอย่างนี้ ก็มีตำรวจบางคนที่เขาชอบเรื่องพวกนี้ โอเค.ผมอยากทำ
สิ่งสำคัญคือก่อนทำต้องมีความรู้ จะได้เข้าใจตรงกันว่า เราจะทำแบบนี้นะ ผมก็เอาวิทยากรต้นแบบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาสอน แล้วลงไปทำได้งบจากท้องถิ่น จาก อบจ.4 แสน เทศบาลอีก 2.3 แสนลงไปทำ
4 เดือนผู้เสพ 86 คนเลิกหมด
พอไปทำๆมันติดคือผมทำตามระบบ เอาง่ายๆ ก่อนที่จะลงไปทำ ชาวบ้านที่เป็นอิสลามพอเจอตำรวจ ไม่ยิ้มแย้มกับเรานะ เหมือนเราไปจับญาติพี่น้องเขา เขาจะชอบไหมล่ะ บอกว่าตำรวจมาอีกแล้วมาแล้วก็ไป แล้วก็ทิ้งปัญหาให้ชุมชนเหมือนเดิม แล้วมันมีเคส คนคลุ้มคลั่ง จับเมียมัดจะเผาบ้าน อะไรต่างๆ
พอลงไปทำ ตอนแรกได้รับคำสบประมาทว่า มาเปิดแล้ว เดี๋ยวก็กลับ ผมบอกไม่ ผมจัดชุดกินนอนอยู่ที่นั่น 4 เดือน ทำตามรูปแบบ ผู้เสพประมาณ 87 คน ป่วยตายไปหนึ่ง เหลือ 86 คน ลด ละ เลิก เลิกหมดเลย
“ผบ.เด่น” ให้เกียรติปิดจ็อบ
ผบ.ตร.ท่านลงมาปิด ให้สำนักงานประสานมา คือผมบอกว่าปัจจัยมันเยอะในการเข้าเกาะ ห่างฝั่ง18 กม. ไม่ใช่จะขับเรือไปได้เลยนะ ต้องเช็คน้ำขึ้นน้ำลง ถ้าเข้าผิดเวลาต้องเดินลุยโคลนเข้าไป ถ้าออกผิดเวลา เรือติดสันดอนออกไม่ได้ มีที่จอด ฮ.เล็กๆ 2 ใบพัดได้ ถ้า 4 ใบพัด ลมจะแรงเกิน มันมีบ้านชาวบ้านหลังคาจะปลิว จอดได้ทีละลำ ต้องสับเปลี่ยน ทยอยลง ส่วนรถที่ดีที่สุดบนเกาะคือรถพ่วงข้าง รถซาเล้ง นั่นคือรถที่ดีที่สุดแล้ว
แล้วพี่เด่น แกเขี้ยวอยู่แล้ว ซอกแซก ถามโน่นนี่นั่น ถามคนขับรถ ว่าเป็นไงตอนนี้ผู้เสพ เป็นไงบ้าง คนค้ายา เป็นไงบ้าง ไม่มีแล้วครับ หมดแล้วครับ ผู้เสพก็เลิกหมดแล้ว โดยที่ไม่ได้เตี้ยมมาก่อนนะ แล้วเสร็จแล้วไม่ว่าไปที่ไหน แกก็เอาเรื่องนี้ไปพูดให้ฟัง เพราะเหมือนตอบโจทย์สิ่งที่แกคิดมาทั้งหมด
ชาวบ้านยิ้มยาเสพติดหาย
สิ่งที่ได้ในพื้นที่อีกอย่างคือ ยาหายไปเลย ชาวบ้านยิ้มแย้มขึ้น สิ่งที่มันเกิดคือเป็นเอฟเฟ็กซ์ พอทำตรงนี้สำเร็จ ตรงนี้ก็บอกว่า เมื่อไหร่จะโดนกูวะๆ มันก็หนี เพราะฉะนั้นตั้งแต่ผมมาอยู่ อาชญากรรมที่มันรุนแรง ที่มันพันกับเรื่องพวกนี้เลยไม่มี มันลดน้อยลงแบบมีนัยยะ
ต่อยอดท่าฉางx-rayผู้เสพ
ตอนนี้เลยไปขยายทำอีกที่หนึ่ง ที่ท่าฉาง อยู่ที่ราชกรูด ขึ้นกับ อ.เมือง ติดสนามบิน โรงพักราชกรูด รับผิดชอบ เขาเรียกบ้านท่าฉาง หนักกว่าที่เกาะสินไห ตอนนี้เจอผู้เสพ 182 คน พร้อมจะบำบัด ผู้เสพ 180 กว่าคน ชาวบ้านเขาเรียกร้องเหมือนกัน เป็นชุมชนอิสลามเหมือนกัน ประชากรทั้งหมด 4,000 กว่านะ ยอดการค้นหาผู้เสพสูงสุดของประเทศ
ส่องตั้งแต่อายุ 10-65ปี
จริงๆแล้วกลุ่มเป้าหมายเรื่องยาเสพติด ตามโครงการชุมชนยั่งยืน จะเอ็กซเรย์ 100% ตั้งแต่อายุ 12 ปีถึง 65 ปี แต่ที่เป็นมติข้อตกลงของชุมชนคือขอ 10 ปี มีเป้าหมายทั้งหมด 839 หลัง คือมีทั้งบ้านตามทะเบียนบ้าน บ้านเสริม บ้านเพิ่ม บ้านลด เสร็จแล้ว เราเอ็กซเรย์ทั้งหมด 100% พบผู้เสพทั้งหมด 183 คน เป็นผู้หญิง 8 คน ผู้ชาย 175 คน
คนเสพคือกลุ่มใช้แรงงานวัย 22-45
เสร็จแล้วผมให้จัดแบ่งช่วงอายุ ปรากฏว่าช่วงอายุที่เยอะๆจะมีสีม่วง คือผมจะแบ่งกลุ่มไว้ 7 กลุ่ม คือกลุ่มประถม ม.ต้น ม.ปลาย ปริญญาตรี ใช้แรงงาน พวกแรงงานอายุ 22-35 ,36-45 แล้ว 46-65 ถ้าไปดูสีม่วง 70 ว่าคน แล้วสีเขียว เยอะ สีแดง ไม่เท่าไหร่ 46-65
เพราะฉะนั้นคนที่ใช้ยาคือกลุ่มผู้ใช้แรงงาน ตั้งแต่ 22-45 ปี มีประมาณ 110 คน ก็ไล่แบ่งพื้นที่ มีคนรับผิดชอบดำเนินการ ตอนนี้จากบวก 183 ตรวจครั้งที่ 4 เหลือ 58 คน ต้องตรวจอย่างน้อย 12-16 ครั้ง
ละเลิกไม่ได้-ถึงศาลโทษสูงขึ้น
คือ 4 เดือน สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ตำรวจตรวจทุกวันอังคาร ตรวจทุกวันพฤหัสโดยสาธารณสุข จะมีกิจกรรมบำบัด เท่ากับเดือนละ 8 ครั้ง หลังจากนี้ ถ้าใครยังบวกจะถูกดำเนินคดี แล้วผมคุยทั้งระบบ ทั้งอัยการ ศาล คือคุณเข้าโครงการแล้วนี่ คุณไม่ได้ละเลิกจริง ผมจะหมายเหตุไปในสำนวนสอบสวน อัยการจะบันทึกท้ายฟ้องไป ศาลก็จะลงคือจากปกติโทษเท่านี้ ก็จะโทษสูงขึ้น อันนี้ก็อีกโครงการหนึ่ง ที่ทำอยู่ ให้จบภายใน 30 ก.ย.
ผลลัพธ์ชาวบ้านรักตำรวจขึ้น
แต่ที่ท่าฉาง ทั้งเรื่องยา เรื่องอาชญากรรมลัก วิ่ง ชิง ปล้น ชีวิตและร่างกายเยอะกว่า เป็นปัญหาที่ถูกหมักหมมเรื้อรังมากกว่า 10 ปี เลยลงไปทำ คือพวกนี้พอมันเสพ กลางคืนมันไม่นอน ไม่นอนแล้วไปขับรถเล่น แว้น บิดแข่งรถ รวมกลุ่มไปตรงนั้นบ้าง ตรงนี้บ้างไปเจอคู่อริ ตีกัน อย่างนี้ นี่คือมันจะเป็นเหตุที่ต่อเนื่อง
พอทำแบบนี้ปุ๊บ แล้ว ปรากฏว่าชาวบ้านบอกว่าเบาเลย สงบ เงียบเลย ทำให้ในพื้นที่มันสงบสุข เอาเป็นว่า ชาวบ้านรักตำรวจมากขึ้น
เท่าที่ได้คุย ผู้การชิว จัดว่าเป็นนายตำรวจที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องของการแกะรอยเส้นทางการเงินองค์กรอาชญากรรมด้วยการใช้เทคโนโลยีทันสมัยและทีมงานที่แข็งแกร่ง
เป็นนายตำรวจที่มีแสงสว่างในตัวเองอีกคนหนึ่งของยุทธจักรโล่เงินครับ
เฮียเก๋20/8/66