โฆษกพปชร.ขอบคุณและชื่นชมแพทยสภาทุกท่านที่พิจารณาอย่างตรงไปตรงมา ถือหลักการ ความเป็นจริงความถูกต้อง จ่อเตรียมข้อมูลนายกฯไปอังกฤษ ใช้งบไม่เหมาะสม โยกงบฯ ขัด รธนฯ มาตรา 144 มาดำเนินการต่อ
วันที่ 12 มิ.ย. 2568 พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า
“ตามที่คณะกรรมการแพทยสภา ได้ประชุมพิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการ ที่มีสิทธิลงคะแนนทั้งคณะ ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ.2568 มีกรรมการเข้าร่วมประชุม 68 คน จากจำนวนกรรมการแพทยสภาที่มีสิทธิลงคะแนนเสียง 69 คน
และกระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติต่อไปอย่างเป็นทางการนั้น
กรณีนี้ ต้องขอขอบคุณและชื่นชมคณะกรรมการแพทยสภาทุกท่านที่ พิจารณาอย่างตรงไปตรงมา ถือหลักการ ความเป็นจริง ความถูกต้อง มากกว่าประโยชน์ของคนบางคน โดยเฉพาะคำกล่าวของ ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกฯที่กล่าวว่า ขอเป็นตัวแทนแพทยสภา ขอบคุณท่านทั้งหลาย คนไทยทั้งหลาย ที่คิดว่าวันนี้ได้แสดงซึ่งชัดเจน อยากให้แพทย์สภาดำรงไว้ซึ่งความถูกต้องรักษาไว้ซึ่งจรรยาบรรณวิชาชีพ และวันนี้กรรมการแพทยสภาได้ทำสิ่งเหล่านี้แล้ว ขอส่งเหล่านี้ส่งกลับทุกท่าน กำลังใจที่ส่งมาได้ส่งผลแล้ว
ในขั้นต่อไป เหลือเพียงรอผล การแจ้งผลการพิจารณาอย่างเป็นทางการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเท่านั้น จากการพิจารณาของแพทยสภาเป็นการตอกย้ำเมื่อความปรากฏชัดเป็นเช่นนี้แล้วแสดงให้เห็นว่า นายทักษิณฯ อดีตนายกรัฐมนตรี “ป่วยทิพย์” ไม่ได้ป่วยในภาวะวิกฤติที่ต้องรับการรักษาตัวนานถึง 180 วัน จะทำให้การส่งตัวมารับการรักษา การควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ช่วงเวลาดังกล่าว ตลอดจนการรับโทษจำคุก 180วัน เป็นไปโดยผิดกฎหมาย ถือว่า ไม่มีการควบคุมตัวมาก่อนทำให้ขาดคุณสมบัติในการขอพระราชทานอภัยโทษ 1 ปีที่เหลือด้วย
นอกจากนี้ ผลการพิจารณาดังกล่าว ยังส่งผลกระทบถึง น.ส. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีด้วย เนื่องจากตัวท่านนายกฯ ได้ เข้าเยี่ยมและ ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนถึงอาการป่วย ของนายทักษิณ ชินวัตร เพื่อให้ประชาชนและศาลฯ หลงเชื่อว่า นายทักษิณฯ มีอาการป่วยหนักจริง
ตลอดจนการให้สัมภาษณ์ ของนายดนุพร ฯ โฆษกพรรคเพื่อไทย ที่บอกว่า ได้รับแจ้งอาการป่วยจาก หัวหน้าพรรค ก็คือ ตัวท่านนายกฯเองว่า นายทักษิณฯป่วย เป็นเส้นเอ็นเปื่อยยุ่ย ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลอันเป็นเท็จที่หลอกลวงประชาชนทั้งประเทศ และหลอกลวงศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองด้วยเช่นเดียวกัน
กรณีนี้ หากมีผู้ร้องเรียน ท่านนายกฯอาจจะต้องถูกดำเนินคดีด้วย ตอนนี้ ทางพรรค พปชร.จะคอยมอนิเตอร์ คาดว่า ปปช. และ ศาลฎีกาฯ คงจะมีมาตรการ คำสั่ง และคำพิพากษา ไปในทิศทางเดียวกัน กับแพทยสภา เพราะมีองค์กรวิชาชีพได้ดำเนินการสอบสวนและตัดสินเบื้องต้นเป็นแนวทางแล้ว”
พล.ต.ท.ปิยะกล่าวว่าต่อว่า “ กรณีท่านนายกฯ เดินทางไปราชการเกี่ยวกับเปิดช่องทางการค้า อียู ที่ประเทศอังกฤษ ทั้งๆที่ ประเทศอังกฤษได้ออกจากอียู หรือ เบร็กซิทเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2563แล้ว โดยใช้งบประมาณทางราชการ กว่า200 ล้านบาท ว่า
เป็นการใช้งบประมาณซึ่งเป็นภาษีของประชาชนอย่างเหมาะสมหรือไม่ และ กรณีการโยกงบประมาณฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 ยังเป็นประเด็นที่ พปชร.ให้ความสนใจ และเตรียมคณะทำงานเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อดำเนินการต่อไป“