Thursday, June 26, 2025
More
    Homeข่าวทั่วไปพปชร.ซัด“นายกอิ๊งค์”หมดความชอบธรรมบริหารปท.

    พปชร.ซัด“นายกอิ๊งค์”หมดความชอบธรรมบริหารปท.

    พปชร.พร้อมลงชื่อร่วมญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เชื่อมั่น ปชช.พร้อมลงชื่อไล่นายกฯด้วยเช่นกัน

    พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า “ตามที่พรรคภูมิใจไทย จะรวมกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน เช่น พรรคประชาชน พลังประชารัฐ เป็นธรรม และไทยสร้างไทย ร่วมลงชื่อยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในการปฏิบัติหน้าที่ที่ผ่านมาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 หลังจากเปิดสมัยประชุมสภาครั้งที่ 3 วันที่ 3 กรกฎาคมที่จะถึงนี้

    กรณีดังกล่าวนี้ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เห็นว่า การกระทำของท่านนายกฯ ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติยศ ศักดิ์ศรี และมีความเสี่ยงต่อการสูญเสียอธิปไตยของประเทศชาติ หมดความชอบธรรมที่จะบริหารประเทศต่อไป

    เช่นเดียวกับพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน และเห็นด้วยกับพรรคภูมิใจไทยที่จะยื่นญัตติ ไว้วางใจดังกล่าว เหลืออีก 10 กว่าเสียง พรรคร่วมฝ่ายค้านที่เหลือเห็นด้วยแน่ และเชื่อมั่นว่า หากประชาขนสามารถลงชื่อไล่นายกฯได้ ปชช.ก็พร้อมลงชื่อด้วยเช่นกัน

    สิ่งที่พี่น้องประชาชน คับข้องใจและเคลือบแคลงใจสงสัยการทำงานของท่านนายกฯและรัฐบาลเป็นอย่างยิ่ง นับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งระหว่างประเทศ ทาง ทภ.2 เสนอแนะให้ปิดด่าน เพื่อตัดกำลังการส่งสินค้า โดยเฉพาะ น้ำมัน ซึ่งถือว่าเป็นยุทธปัจจัย และการปิดด่าน ตัดไฟฟ้า อินเทอร์เน็ทเพื่อตัดกำลังและเส้นทางนักพนันที่เป็นกลุ่มทุนฝ่ายตรงข้าม

    แต่ฝ่ายรัฐบาลกลับนิ่งเฉย  สอดคล้องกับบทสนทนาที่ทางนายฮุนเซนฯ นำมาเผยแพร่ ตลอดจน การมองกองทัพภาค 2 และทหารไทยเป็นฝ่ายตรงข้าม ส่วนตนเองเป็นญาติ(หลานลุง)ฝ่ายเดียวกับนายฮุนเซนฯ และยินยอมทำทุกอย่างตามที่นายฮุนเซนฯต้องการทุกประการ เรื่องนี้ ไม่ต้องแปลความอะไรมากเพราะท่านนายกฯ พูดภาษาไทย คนไทยทั้งประเทศ ได้ยิน เข้าใจชัดเจน

    ขอชื่นชม พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และพลโท อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 ที่สั่งปิดด่าน ตามแนวพรมแดนไทย-กัมพูชา เพื่อสกัดกั้นภัยคุกคามต่างๆ และอาชญากรรมคนร้ายข้ามชาติ ตลอดจนแก๊งคอลเซ็นเตอร์และไฮบริดสแกม ถือว่า เป็นการตัดท่อน้ำเลี้ยงฝ่ายกัมพูชาได้ผลเป็นอย่างดี ช่วยคนไทยไม่ให้ตกเป็นเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์อีกทางหนึ่ง

    ในส่วนรัฐบาล มีเพียงลมปาก ส่วนความสามารถและความจริงใจในการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์ ไม่มีเป็นรูปธรรมชัดเจนแต่อย่างใด

    หากท่านนายกฯแน่จริง สั่งให้ ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงค์ชาติ ตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินที่ผ่านจากประเทศไทยไปประเทศกัมพูชาในรอบสองปี ที่เพื่อไทยมาเป็นรัฐบาล จะได้เห็นว่ามีเงินโอนออกจากประเทศไทยไปยังประเทศกัมพูชาจำนวนเท่าไหร่ ผ่านช่องทางใดบ้าง และรัฐบาลมีปัญญาทวงเงินนั้นกลับคืนมาหรือไม่

    สังเกตง่ายๆ ธุรกรรมทางการเงิน ทุกรูปแบบที่ผ่านกลุ่มฮวยวัน (Huione Group) ไม่ว่าจะเป็น Huione Pay ,Huione Guarantee ,Huione Crypto ,HuiOne International Payments,HuiOne Warranty หรือHuiwang Warranty

    ซึ่งกลุ่มบริษัทฯดังกล่าวถูกสหรัฐอเมริกาขึ้นบัญชีดำในวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมาในข้อกล่าวหา ฟอกเงินให้กับแก๊งอาชญากรทั่วเอเชีย รวมถึงแฮกเกอร์เกาหลีเหนือ ที่อยู่เบื้องหลังคดีล้วงข้อมูล การแฮก และอาชญากรรมไซเบอร์

    นอกจากนี้ ยังมีกลุ่ม“นายพัด สุภาภา” หรือ “ลี ยง พัด” เจ้าพ่อกาสิโนเกาะกง และสีหนุวิลล์ ภายใต้ LYP Group และTudou Guarantee

    กลุ่มดังกล่าวรวมทั้ง นาย ตือ ค.ม. ความมีความสนิทสนมกับ คนใกล้ตัวท่านนายกฯทั้งนั้นจึงไม่แปลกใจเลยว่าการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศไทยจึงเป็นไปอย่างไม่เอาจริงเอาจังเท่าที่ควร

    กรณี ‘เสี่ยวโป’ ที่ถูกจับในข้อหาค้าอาวุธสงคราม และปลอมแปลงเลียนแบบเจ้าหน้าที่ทางการทูตจีนเคยเป็นข่าวใหญ่ในไทย ก็ยังคงประกอบธุรกิจ เกี่ยวข้องกับทั้ง อาวุธสงคราม, ระบบ Call Center, กาสิโน และการฟอกเงินที่ประเทศกัมพูชาก็มีความสนิทสนมกับคนใกล้ตัวท่านนายกฯด้วยเช่นเดียวกัน“

    พล.ต.ท.ปิยะฯ กล่าวว่า ” ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพรรคเพื่อไทยถึงอยากเขี่ย ภท.ออกและได้อยากได้ มท.1 เพราะอยากขับเคลื่อนกาสิโนเสรี ให้เป็นผล ดังนั้น นโยบายปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงเป็นเพียง ปากว่าตาขยิบ ไม่มีผลเป็นรูปธรรมชัดเจน และไม่มีปัญญาติดตามเงินที่ถูกหลอกไปมาคืนผู้เสียหายได้อย่างแน่นอน

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments