ตำรวจดีเดย์ บุกค้น 1,600 จุด ทั่วประเทศ จับกุมอาวุธปืนกว่า 900 กระบอก กระสุนเกือบ 50,000 นัด ตั้งเป้าลดความรุนแรงอาชญากรรม และการกระทำผิดกฎหมาย
เจ้าหน้าที่ตำรวจระดมกวาดล้างอาวุธปืนทั่วประเทศ นำหมายค้นเข้าตรวจค้นผู้มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการจำหน่าย ดัดแปลง ซื้อขาย และเกี่ยวข้องกับอาวุธปืน อาวุธสงคราม กว่า 1,600 จุด วิสามัญคนร้ายมีหมายจับข้อหาพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน เสียชีวิต 1 ราย จับกุมผู้กระทำผิดเกือบ 1,000 คน และตรวจยึดอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนผิดกฎหมายจำนวนมาก ตั้งเป้าลดความรุนแรงของอาชญากรรมและการกระทำผิดกฎหมาย
วันที่ 22 กรกฎาคม 2566 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตามที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำหนดมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบกและความผิดอื่นที่เกี่ยวกับรถหรือการใช้ทาง ระหว่างวันที่ 1 ก.ค.-30 ก.ย.66
ในส่วนของมาตรการป้องกันปราบปราม พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ดูแลงานป้องกันปราบปราม ได้กำหนดให้ทุกหน่วยเพิ่มความเข้มในการบังคับใช้กฎหมายห้วงไตรมาสสุดท้ายของปีงบประมาณ พ.ศ.2566 มีเป้าหมาย เช่น ความผิดเกี่ยวกับผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน อาวุธสงคราม เครื่องกระสุนปืน และการลักลอบจำหน่ายอาวุธปืนโดยผิดกฎหมาย มอบหมายให้ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ควบคุมการปฏิบัติในภาพรวม
พล.ต.ท.สำราญฯ ได้สั่งการให้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลเครือข่ายผู้มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับอาวุธปืนผิดกฎหมายระหว่างหน่วยงานต่างๆ ประกอบด้วย กองบัญชาการตำรวจนครบาล ตำรวจภูธรภาค 1-9 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ฝ่ายปกครอง และภาคประชาชน ทำให้ได้ข้อมูลผู้กระทำผิดจำนวนมาก
นอกจากนี้ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ยังได้ส่งเป้าหมายการสืบสวนขยายผลผู้ลักลอบจำหน่ายอาวุธปืนออนไลน์ ส่งขายให้กับลูกค้าทั่วประเทศ เพื่อให้ทุกหน่วยเข้าตรวจค้นเพิ่มเติมอีกกว่า 300 จุด และกำหนดเข้าปฏิบัติการตรวจค้นเป้าหมาย พร้อมกันทั่วประเทศ จำนวน 1,658 จุด เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา
ผลการระดมกวาดล้าง
1. จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 966 ราย
2. ตรวจยึดของกลาง ประกอบด้วย
2.1 อาวุธปืนเถื่อน ไม่มีหมายเลขทะเบียน จำนวน 811 กระบอก
2.2 อาวุธปืน มีหมายเลขทะเบียนซึ่งเป็นของบุคคลอื่น (ปืนผิดมือ) จำนวน 99 กระบอก
2.3 เครื่องกระสุนปืน จำนวน 44,540 นัด
2.4 วัตถุระเบิด จำนวน 2 ลูก
2.5 ยาบ้า จำนวน 6,239 เม็ด
สำหรับในการตรวจค้นครั้งนี้ มีการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญเช่น
ตำรวจภูธรภาค 8 โดย ฝ่ายสืบสวน สภ.เขาพนม , กก.สส.ภ.จว.กระบี่ และ บก.สส.ภ.8 ได้เข้าทำการปิดล้อมตรวจค้นบ้าน นายอนุชัย หรือบูม สงวนนามสกุล อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาในคดียาเสพติดและพยายามฆ่า เจ้าพนักงาน โดยมีหมายจับติดตัวจำนวน 3 หมาย หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง ใน ต.หน้าเขา อ.เขาพนม จ.กระบี่
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลังเข้าตรวจค้นนั้น ผู้ต้องหารู้ตัวและได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีออกไปทางด้านหลังบ้านซึ่งเป็นป่าละเมาะ เจ้าหน้าที่จึงได้ติดตามไป ทันใดนั้นผู้ต้องหาวิ่งสวนออกมาจากที่ซ่อน และใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงยิงตอบโต้ถูกผู้ต้องหาเสียชีวิต ตรวจสอบที่ศพพบ อาวุธปืนพกสั้นยี่ห้อ Mauser 9 มม. ตกอยู่ข้างตัว และ พบลูกระเบิดชนิดขว้าง M 67 จำนวน 1 ลูก และ ระเบิดควัน 2 ลูก อยู่ในกระเป๋าสะพายที่ผู้ต้องหาสะพายติดตัวอยู่ พนักงานสอบสวนจึงได้ร่วมกับ พนักงานอัยการ ฝ่ายปกครอง และแพทย์ ร่วมกันชันสูตรพลิกศพ และให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ตรวจสถานที่เกิดเหตุไว้อีกส่วนหนึ่งแล้ว
• ตำรวจภูธรภาค 4 โดย ภ.จว.อุดรธานี และ สภ.กุมภวาปี ได้เข้าจับกุมผู้ต้องหา นายสมยศ หรือ เอ็ม ขอสงวนนามสกุล อายุ 42 ปี ที่บ้านพักใน ต.ห้วยเกิ้ง อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ในความผิดฐาน “ทำประกอบ ซ่อมแซม เปลี่ยนลักษณะ สั่งนำเข้า มีหรือจำหน่ายซึ่งอาวุธปืน หรือเครื่องกระสุนปืน สำหรับการค้า , มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน , มีและเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1(ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย
พร้อมตรวจยึดอาวุธปืนดัดแปลงแบบออโตเมติกและลูกโม่ ลำกล้องขนาด 9 มม. , .38 ละ .380 จำนวน 8 กระบอก แม็กกาซีน 17 อัน กระสุนปืนขนาดต่างๆ รวมกว่า 140 นัด ยาบ้าจำนวน 8 เม็ด และอุปกรณ์พร้อมเครื่องมือที่ใช้ผลิตหรือดัดแปลงอาวุธปืนจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างขยายผลไปยังผู้เกี่ยวข้อง
พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ฯ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ความสำคัญในแก้ไขปัญหาอาชญากรรมอย่างจริงจังมาโดยตลอด โดยในห้วงที่ผ่านมามีการกระทำความผิดและใช้อาวุธปืนในการก่อเหตุอยู่บ่อยครั้ง ก่อให้เกิดความสูญเสียและความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
ได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันของหน่วยต่างๆ เพื่อบูรณาการกวาดล้างผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนพร้อมกันทั่วประเทศ สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้เป็นจำนวนมาก เชื่อมั่นว่าจะทำให้ความรุนแรงของอาชญากรรมและการกระทำผิดกฎหมายลดลง
“การระดมกวาดล้างอาวุธปืนทั่วประเทศ จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาและตรวจยึดอาวุธปืนจำนวนมากในครั้งนี้ นอกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ทุกนายแล้ว ขอขอบคุณไปยังฝ่ายปกครอง และเครือข่ายภาคประชาชน ที่แจ้งข้อมูลผู้มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับอาวุธปืนผิดกฎหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังขยายผลไปยังผู้เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิต ดัดแปลง จำหน่าย และซื้ออาวุธปืน เพื่อสืบสวนจับกุมทั้งหมด
ขอฝากประชาสัมพันธ์กับพี่น้องประชาชน ซึ่งหากมีเบาะแส/เรื่องร้องเรียน เกี่ยวกับเรื่องอาชญากรรม หรือเรื่องอื่นๆ สามารถแจ้งได้ที่ สายด่วน 191 หรือ สายด่วน 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ฯ กล่าว