“รองนพศิลป์” แถลงคืบหน้า“บักบัง”อดีตนักมวยหลบหนีหมายจับ ขอมอบตัวโดยเร็ว ลั่น! ใครช่วยถูกดําเนินคดีตามกฎหมาย
วันที่ 4 ต.ค. 67 พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตํารวจนครบาล แถลงความคืบหน้ากรณีที่ นายสันติ อดีตนักมวยก่อเหตุบุกเข้าไปยังบ้านเรือนของประชาชนภายในซอยอินทามระ 29 แยก 1 และมีการต่อสู้ใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ก่อนหลบหนีไปเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ว่า
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสืบเนื่องจากเมื่อ 27 กันยายนที่ผ่านมา มีคนร้ายก่อเหตุลักทรัพย์บ้านหลังหนึ่งบนถนนประชาราษฎร์ สาย 2 พื้นที่เขตบางซื่อ เป็นปืนลูกโม่ .38 กระสุน 50 นัด และทรัพย์สินอื่นๆ
จากการสืบสวนพบผู้ก่อเหตุคือ นายสันติ หรือบักบัง ซึ่งมีผู้เกี่ยวข้องคือนายปาล์ม ตํารวจจับกุมได้แล้ว ต่อมาตํารวจ สน.เตาปูน ได้รวบรวมหลักฐานขอศาลอาญาออกหมายจับ
จนกระทั่งเมื่อวานที่ผ่านมา (3 ต.ค.) เจ้าหน้าที่ได้ซุ่มรอจนพบนายสันติออกมาจากห้องพัก ภายในซอยอินทามระ 29 แยก 3 แต่ผู้ต้องหาไหวตัวทัน จึงใช้ปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่เพื่อเปิดทางหลบหนีไปท้ายซอยก่อนจะปีนข้ามกําแพงและเข้าไปหลบซ่อนในบ้านพักของประชาชน
เจ้าหน้าที่ได้สนธิกําลังร่วมกับหน่วยที่เกี่ยวข้องพร้อมประสานขอชุดปฏิบัติการพิเศษ หนุมานและอรินทราช 26 เข้าพื้นที่ร่วมในการปิดล้อม โดยคํานึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก
กระทั่งประมาณ 23.30 น. มีพลเมืองดีแจ้งว่านายสันติได้หลบหนีออกไปจากบ้านแล้ว เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบภายในบ้านและช่วยตัวประกัน 2 คนออกมาได้สําเร็จ
ขณะที่ภรรยาของนายสันติ ได้ก่อเหตุใช้ปืนจ่อตัวเองเนื่องจากความเครียดก่อนวิ่งขึ้นรถสายตรวจและขู่ให้พาไปส่งที่บ้านใน จ.อุบลฯ ก่อนเปลี่ยนไปยังบ้านญาติย่านคลอง 3 จนสุดท้ายยอมมอบตัวในพื้นที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา
จากการสอบสวนเจ้าตัวบอกว่าทําไปเพราะความเครียดส่วนจะเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจให้นายสันติหลบหนีหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการสอบสวน
ทั้งนี้ พล.ต.ต.นพศิลป์ ระบุว่า ผู้ใดที่ให้การช่วยเหลือหรือที่พักพิงถือว่ามีความผิด หากพบเจอขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที เนื่องจากผู้ต้องหามีอาวุธปืน 2 กระบอก พร้อมกระสุนจํานวนมาก
รวมถึงหากเจ้าหน้าที่พบเห็นขอให้เร่งทําการจับกุมโดยปฏิบัติตามยุทธวิธีและหลักของกฎหมายอย่างเคร่งคัด พร้อมฝากถึงนายสันติด้วยว่า “อย่าทําผิดมากกว่านี้ กลับตัวเป็นคนดีสังคมให้อภัยเสมอ”
มีรายงานว่า นายสันติหรือ บักบัง และภรรยา เป็นผู้ต้องหาที่ตำรวจอำนาจเจริญต้องการตัวเพราะร่วมกันก่อคดีลักทรัพย์หลายครั้งในพื้นที่