รอง ผกก.สืบพุทไธสง ขับรถกลับจากทำธุระในเขตบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ พบ2ผัวเมียกำลังใช้ขวานจามตู้เติมเงินหน้าร้านค้า จอดรถแสดงตัวเป็นตำรวจเข้าจับกุม ตรวจค้นภายในรถผู้ก่อเหตุ พบยาบ้าอีก 60 เม็ด ตรวจสอบถึงกับอึ้งทั้งคู่ตระเวนก่อเหตุนับ10ครั้งในจ.จันทบุรี
กลางดึกวันที่ 9 พ.ค. 68 พ.ต.ท.อภิภู จูประโคนสุข รอง ผกก.(สืบสวน) สภ.พุทไธสง อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ กำลังขับรถกลับจากทำธุระในเขตอำเภอบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ผ่านบริเวณตลาดสด เทศบาลตำบลตลาดนิคมปราสาท
พบคนร้าย 2 คน กำลังใช้ขวานจามไปที่ตู้เติมเงิน ตั้งอยู่หน้าร้านค้า จึงจอดรถแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุม พร้อมประสานตำรวจ สภ.บ้านกรวด นำโดย ร.ต.อ.หญิง นุชนารถ ศรีสิลา รอง สว.สส. นำกำลังร่วมเข้าควบคุม ทราบชื่อต่อมาคือ
นายอุทิศหรือทิศ อายุ 27 ปี ชาว อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ และ น.ส.นภาหรือโอ๋ อายุ 36 ปี ชาว อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี
พร้อมด้วยของกลาง ประแจ 1 อัน คีมตัดสายไฟ (ปากจิ้งจก) 1 อัน ขวาน 1 เล่ม รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ยี่ห้อ FORD สีเขียว ทะเบียน บจ xxx5 บุรีรัมย์ 1 คัน เครื่องชั่งน้ำหนัก ตู้บุญเติม 1 อัน ถูกตัดสายไฟขาดและทิ้งไว้ บริเวณตู้เติมเงินบุญเติม ตรวจค้นภายในรถของผู้ก่อเหตุ พบยาบ้า 60 เม็ดซุกซ่อนอยู่ภายในรถอีกด้วย
สอบสวนทั้งคู่รับว่าเป็นผัวเมียและได้ร่วมกันลักทรัพย์ตู้เติมเงินบุญเติมบริเวณตลาดสด เทศบาลตำบลตลาดนิคมปราสาท ม.12 ต.ปราสาท อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ จริง โดยก่อนมาลักทรัพย์ตู้เติมเงินที่บริเวณดังกล่าวได้ขับรถตระเวนดูตู้เติมเงินในพื้นที่ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ และดูตู้เติมเงินบุญเติมที่บริเวณบ้านสายโท 3 ม.1 ต.จันทบเพชร อ.บ้านกรวด ฯ
แต่เนื่องจากบริเวณนั้นมีวงจรปิดอยู่ติดกับบ้านคนพักอาศัยอยู่ตนเลยไม่ได้ขโมยจนกระทั่งขับรถมาก่อเหตุที่บริเวณตลาดสดก่อนก่อเหตุจนถูกจับกุม ขณะกำลังยกเครื่องเติมเงินขึ้นท้ายรถกระบะ
นอกจากนี้ทั้งคู่ยังร่วมกันรับว่าได้ร่วมกันลักตู้เติมเงินแล้วหลายครั้งโดยเฉพาะในพื้นที่ จ.จันทบุรี
ตู้ที่ 1. อำเภอนายายอาม บ้านยางระหง ได้เงิน 500 บาท
ตู้ที่ 2. อำเภอแก่งหางแมว บ้านเขาวง ได้เงิน 6,000 บาท
ตู้ที่ 3. อำเภอนายายอาม บ้านหนองตาหงุ่น ได้เงิน 2,000 บาท
ตู้ที่ 4. อำเภอนายายอาม บ้านคลองลาว ได้เงิน 3,500 บาท
ตู้ที่ 5. อำเภอท่าใหม่ บ้านป่าแดง ได้เงิน 1,800 บาท
ตู้ที่ 6. อำเภอท่าใหม่ บ้านป่าสิ้ว ได้เงิน 4,800 บาท
ตู้ที่ 7. อำเภอท่าใหม่ บ้านป่าแดง ได้เงิน 4,000 บาท
ตู้ที่ 8. อำเภอโป่งน้ำร้อน ริมถนนสี่เลน ได้เงิน 1,200 บาท
ตู้ที่ 9. อำเภอสอยดาว บริเวณริมถนนสี่เลน ได้เงิน 200 บาท
หลังจากก่อเหตุขโมยเสร็จจะช่วยกันใช้ขวานทุบหน้าจอ ใช้ประแจและไขควงขันน็อตนำเอาเงินด้านในตู้ออกมา ใช้เวลาในการลักทรัพย์ประมาณ 30 นาทีต่อหนึ่งตู้ และได้นำตู้เติมเงินโยนทิ้งข้างทาง และบางตู้ได้โยนทิ้งไปในแม่น้ำใกล้บริเวณที่ได้ร่วมกันขโมย เงินที่ได้จากการลักทรัพย์นำไปซื้อยาเสพติด และใช้จ่ายส่วนตัว
จากนั้นนำตัวทั้งคู่ดำเนินคดีแจ้งข้อกล่าวหา นายอุทิศ “ร่วมกันพยายามลักทรัพย์ในเวลากลางคืน, มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, เป็นผู้ขับขี่รถยนต์เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย”
แจ้งข้อหา น.ส.นภา ผู้ต้องหาที่ 2 “ร่วมกันพยายามลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และเสพยาเสพติดประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย”
สำหรับ พ.ต.ท.อภิภู จูประโคนสุข รอง ผกก.(สืบสวน) สภ.พุทไธสง จัดเป็นนายตำรวจสืบสวนฝีมือดีอีกคนหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์ด้วย
