เบอร์1 แม่บ้านตำรวจนักพัฒนา ‘รัตนาภรณ์ สีวลีพันธ์’ พลิกโฉมสมาคมแม่บ้านฯ ซัพพอร์ตครอบครัวตำรวจ
เป็นหัวขบวนในการพัฒนาสมาคมแม่บ้านตำรวจ ให้มีความทันสมัย ทันยุค ทันเหตุการณ์ และมองการณ์ไกล
สำหรับ คุณรัตนาภรณ์ สีวลีพันธ์ นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ หรือ คุณพร ผู้หญิงที่สมาร์ททั้งเรื่องการทำงาน ความคิด และการดูแลครอบครัว จัดเป็นหญิงเก่งและแกร่งอีกคนของ พ.ศ.นี้เลยก็ว่าได้
เธอเป็นทั้งคู่ชีวิต คู่คิด แม่ของลูก ให้กับ “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ได้อย่างดีเยี่ยม เรียกว่าเป็นแม่บ้านที่ตั้งใจทำงานจริงๆ ยอมเหน็ดเหนื่อยทุ่มเทกำลังกายกำลังใจไปพร้อมๆกับสามี เพื่อองค์กรตำรวจ
police news varieties มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ คุณรัตนาภรณ์ สีวลีพันธ์ ในหลายแง่มุม ทั้งเรื่องงานสมาคมแม่บ้านตำรวจ โครงการต่างๆเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตครอบครัวตำรวจ การสนับสนุนการทำงานของพิทักษ์ 1 รวมถึงการเป็นหลังบ้านที่เข้มแข็ง การดูแลและสอนลูกๆให้มีหลักคิดและมีความเข้มแข็ง
สำหรับครอบครัวข้าราชการตำรวจ จะเห็นว่า ในระยะเวลา 1 ปีเศษ ช่วงที่ คุณรัตนาภรณ์ สีวลีพันธ์ นั่งเป็นนายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ
เธอได้ริเริ่มและขับเคลื่อนหลายโครงการเพื่อตำรวจและครอบครัวตำรวจเอาไว้เป็นจำนวนมาก อาทิ การจดทะเบียนสมาคมแม่บ้านตำรวจเป็นมูลนิธิ การจัดหาทุนการศึกษาเพิ่มเติมให้กับบุตรธิดาข้าราชการตำรวจ
การเปิดร้านปันรักษ์ เป็นช่องทางจำหน่ายสินค้าของแม่บ้านตำรวจ โครงการพัฒนาเยาวชนคนรุ่นใหม่ และโครงการสร้างอาชีพเสริมรายได้ ฯลฯ
ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงทุ่มเททำงานเยอะแยะมากมายขนาดนี้ ทั้งๆที่ไม่ได้เงินเดือน?
คุณรัตนาภรณ์ เปิดใจว่า
แรงบันดาลใจที่ทำให้อยากทำงานหลายอย่าง เกิดจากทางท่าน ผบ.ตร.เป็นหลัก ดิฉันรู้จักกับท่านมากว่า 20 ปี รู้ว่าท่านมีจิตวิญญาณของการเป็นตำรวจสูงมาก มีความเป็นมืออาชีพในการเป็นตำรวจ รักในอาชีพตำรวจ รักลูกน้อง ทุกครั้งที่ได้ยินข่าวเกี่ยวกับลูกน้องได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
ยกตัวอย่าง เหตุกราดยิงที่ Terminal21 นครราชสีมา มีลูกน้องเสียชีวิต ต้องบอกว่าท่านอึ้งไปนานมาก ด้วยความที่ทุกครั้งทำภารกิจอะไร ไม่อยากให้สูญเสีย ทำให้เราเข้าใจเลยว่าตำรวจเป็นอาชีพที่น่าเห็นใจ ต้องเสี่ยงอันตราย เพื่อรักษาความปลอดภัยรักษากฎหมาย
เมื่อ 4 ปีก่อน ตอนเป็นประธานชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค1 เป็นครั้งแรกที่ได้ทำงานด้านนี้ ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่ลาออกจากงานประจำ
จากที่ผ่านมาเราทำงานองค์กรเอกชนมาทั้งชีวิต เป็นองค์กรต่างชาติ อเมริกันสไตล์ ทำให้เรารู้สึกว่าเราสามารถช่วยเหลือครอบครัวตำรวจได้ ถึงแม้จะสเกลเล็กๆ แต่ถ้าเราสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้แม่บ้านคนอื่นๆมาช่วยกันทำงาน เราก็จะเป็นฟันเฟืองเล็กๆแต่สำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนให้คุณภาพชีวิตของข้าราชการตำรวจและครอบครัวตำรวจดีขึ้น
คิดวางแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตตำรวจ–จดทะเบียนมูลนิธิ
มาถึงช่วงที่พี่ปั๊ดได้ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. ดิฉันก็คิดวางแผนว่าจะทำอะไรที่ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตตำรวจและครอบครัวได้ โดยมองว่าแม้ว่าเราจะรวมกำลังกายกำลังใจแม่บ้านตำรวจให้มาร่วมกันทำงานได้ แต่ถ้าเราขาดการสนับสนุนในเรื่องงบประมาณ การขับเคลื่อนหลายๆโครงการจะเป็นไปได้ค่อนข้างยาก
ดิฉันจึงคิดว่า สิ่งสำคัญที่เราต้องผลักดันเป็นลำดับแรก คือสมาคมแม่บ้านตำรวจต้องจดทะเบียนเป็นองค์กรสาธารณกุศลหรือมูลนิธิ ซึ่งมันจะเป็นประโยชน์ต่อองค์กรเอกชน ที่เห็นความสำคัญและเข้าใจภาระหน้าที่ของตำรวจอย่างดี
แล้วอยากช่วยสนับสนุนโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิต ตามกฎหมายนั้นองค์กรเอกชนเหล่านั้นก็สามารถนำไปเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อลดหย่อนภาษีได้ เราใช้เวลา 5-6 เดือนในการผลักดันจุดนี้จนสำเร็จ
ถามว่ายากไหม ค่อนข้างยากในความคิด แต่ดิฉันเชื่อว่าถ้าเรามุ่งมั่นและทำทุกอย่างด้วยความบริสุทธิ์ใจ และมีความตั้งใจ เราได้แชร์วัตถุประสงค์ของการทำให้กับคณะกรรมการทุกท่านรับทราบ พร้อมสร้างจุดยืนร่วมกัน
เพื่อให้ทุกคนมองเห็นว่าไม่ใช่เรื่องยากเลย ซึ่งทำให้ทุกท่านพร้อมและยินดีเดินไปด้วยกัน จึงทำให้การขับเคลื่อนสำเร็จได้เป็นอย่างดี
ประเดิมโครงการแรก พัฒนาเยาวชนคนรุ่นใหม่
จากนั้นจึงเริ่มขับเคลื่อนโครงการต่างๆที่เราวางแผนเอาไว้ โดยโฟกัสเรื่องคุณภาพชีวิตตำรวจและครอบครัวตำรวจ เป็นที่มาของโครงการแรกที่ต้องการพัฒนาเยาวชนคนรุ่นใหม่ คือ Cyber Youth Camp
นำเอาบุตรหลานข้าราชการตำรวจรวมทั้งเครือข่าย เข้าอบรมการใช้เทคโนโลยีที่ช่วยทำให้เกิดอาชีพในอนาคต เป็นเทรนด์ในโลกยุคปัจจุบัน เช่น การเป็นยูทูบเบอร์ การเป็นนักเขียนในโลกไซเบอร์ ตรงนี้เป็นโครงการแรกที่เปลี่ยนไปจากสิ่งที่สมาคมแม่บ้านตำรวจเคยทำCyber youth
“ในช่วงโควิด มีการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีค่อนข้างมากดิฉันคิดว่าเราควรต้องมีวิธีการทำงานที่เปลี่ยนไป เพื่อให้ทันต่อโลกในภายหน้า ทำยังไงให้เกิดความยั่งยืนในการพัฒนา การแจกของคนที่ได้รับจะดีใจในวันที่แจกของ เสร็จแล้วจบ แต่ถ้าเมื่อไหร่เราแจกโอกาสให้เขา แจกความรู้ให้เขา สิ่งเหล่านี้จะอยู่กับเขาไปนานมากกว่า นั่นคือที่มาของโครงการแรก Cyber Youth Camp”
โฟกัสมอบทุนการศึกษาบุตรธิดาตำรวจครอบคลุมทุกมิติ
อย่างที่เราทราบโดยทั่วไปว่าหนี้สินตำรวจเป็นปัญหาที่สำคัญ โดยเฉลี่ย 1 คน 1 ล้านบาท โดยตำรวจ 200,000 กว่านาย เป็นตำรวจชั้นประทวนประมาณกว่า 80%
ท่าน ผบ.ตร.อยากให้เราลองคิดดูว่าจะช่วยเหลือพวกเขาได้อย่างไร ดิฉันจึงมาโฟกัสเรื่องทุนการศึกษาบุตรธิดาข้าราชการตำรวจซึ่งคิดว่าจะช่วยแบ่งเบาภาระให้กับเค้าไม่มากก็น้อยโดยเจาะลึกในหลายประเภท
อาทิ ผู้มีความสามารถพิเศษด้านวิชาการ กีฬา ดนตรี คุณธรรม รวมถึงในปีที่ผ่านมาขยายให้ครอบคลุมถึงบุตรธิดาข้าราชการตำรวจที่เสียชีวิตและทุพพลภาพจากการปฏิบัติหน้าที่ด้วย และยังมีทุนประเภทต่อเนื่องระดับปริญญาตรีอีกด้วย
ในอดีตหลายๆปีที่ผ่านมา สมาคมแม่บ้านตำรวจมอบทุนโดยโฟกัสประเภทเดียวคือทุนประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ในปีที่ผ่านมาเรากำหนดประเภทและขยายฐานเพิ่มขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าการจัดหาทุนต้องเพิ่มขึ้นด้วย
“พ่อแม่ทุกคนสิ่งที่สำคัญที่สุดคือครอบครัว ถ้าเห็นว่าลูกประสบความสำเร็จ เป็นคนดี เขาก็ดีใจ ภาคภูมิใจ เราอยากจะสร้างต้นแบบให้ครอบครัวตำรวจเกิดความภาคภูมิใจ จึงมีการค้นหาพรสวรรค์ของเด็กๆในมิติด้านวิชาการ กีฬา ดนตรี และคุณธรรม”
จริงๆ เรามีเด็กที่มีพรสวรรค์เยอะมาก อาทิ ด้านกีฬา อย่างเวคบอร์ด หรือฟุตบอล
มีลูกตำรวจสังกัดทีมบุรีรัมย์ยูไนเต็ด เราพยายามต่อยอดให้เขานำชื่อเสียงมาให้ตัวเอง ครอบครัว และประเทศชาติ เราสร้างโอกาสให้เขา ผลักดันเขาต่อเนื่อง และเขาก็จะเป็นต้นแบบ เป็นแรงบันดาลใจให้น้องๆได้
“อย่างเด็กสายวิชาการ ลูกของครอบครัวตำรวจ บางคนเป็นถึงตัวแทนระดับประเทศ ได้รับทุนการศึกษาไปต่างประเทศ เราก็จะได้เด็กเหล่านี้กลับมาสอนหนังสือให้กับน้องๆที่ขาดโอกาส และจะมีโครงการพี่สอนน้องให้กับเด็กโรงเรียน ตชด. ที่เราอยากทำ
เด็กๆทุนเหล่านี้จะได้เรียนรู้การเป็นผู้ให้ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ โดยเมื่อคุณได้โอกาสแล้ว คุณต้องกลับมามองข้างหลัง เด็กเองจะได้สกิลของการถ่ายทอดซึ่งขาดมากในโลกอนาคต พ่อแม่เองได้ความภาคภูมิใจ เป็นขวัญและกำลังใจให้ครอบครัว ลูกเราทำได้ เป็นคนดี สิ่งนี้ถ้าบูรณาการเป็นองค์รวม มันจะเกิดประโยชน์ให้กับองค์กรตำรวจ”
ในส่วนของทุนประพฤติดี ที่เคยดำเนินการในอดีตเราก็ไม่ทิ้ง เรากลับมาคิดอย่างละเอียดและตกผลึกว่า ทุกปีมอบทุนประพฤติดีประมาณ 3 ล้านบาท
ถ้าเฉลี่ยองค์กรเรามีเด็กในวัยเรียนกว่า 2 แสนคน ดังนั้นต่อ1คน โอกาสจะได้ทุนนั้นน้อยมาก เราจึงมาบูรณาการใหม่ เพิ่มจากเดิม 3 ล้านบาท เป็น 7 ล้านบาท เพราะเราอยากให้ทุกคนได้รับโอกาส
ทุนต่อเนื่องส่งเสริมเด็กเก่ง
นอกจากนี้ยังมีทุนต่อเนื่อง ซึ่งดิฉันคิดว่าน่าจะสร้างแรงบันดาลใจได้ดี เราสนับสนุนเด็กเรียนเก่ง เข้าสู่ระดับชั้นปริญญาตรีจนจบการศึกษา
ไม่น่าเชื่อว่าเรามีลูกหลานเก่งมาก เป็นแพทย์ สถาปัตย์ วิศวะ รวมทั้งสายศิลป์ เราส่งเรียน 4-6 ปี ทุนละ 40,000 บาทต่อปีจนจบการศึกษา รวมถึงการศึกษาสายวิชาชีพที่ท่าน ผบ.ตร.บอกว่าเราต้องไม่ลืม เพราะเป็นสกิลที่สำคัญในโลกอนาคต เราได้มอบทุนต่อเนื่องให้ด้วย
โครงการทุนต่อเนื่องถือว่าเป็นโครงการที่เหนื่อยมาก เริ่มต้นตั้งแต่ขั้นตอนการคัดเลือก สิ่งสำคัญคือต้องยุติธรรม ไม่ว่าเราจะทำอะไร ถ้าไม่โปร่งใสและยุติธรรม ก็จบเลย
วันตัดสินเราเชิญคณะกรรมการจากกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุดมศึกษา เข้ามาร่วมคัดเลือก กระบวนการต้องโปร่งใส ขั้นตอนต่อไปคือการ follow up หรือการติดตามต้องดีถึงจะประสบความสำเร็จ
ตอนนี้เราตีกรอบเอาไว้แล้ว เราสร้างกระบวนการเอาไว้แล้ว ทุนต่อเนื่องตรงนี้ 4-6 ปี เราก็ส่งต่อไปถึงนายกสมาคมแม่บ้านตำรวจคนต่อไปด้วยกระบวนการที่เราตั้งเอาไว้ และมั่นใจได้
มอบทุนลูกตำรวจพลีชีพ–ทุพพลภาพ
อีกสิ่งหนึ่งที่ท่าน ผบ.ตร. ย้ำคือ ให้เรากลับไปดูลูกหลานข้าราชการตำรวจที่เสียชีวิตหรือทุพพลภาพที่ต้องออกจากราชการไป ชีวิตเป็นยังไงบ้าง เขาเสียสละชีวิตตัวเองเพื่อคนเยอะแยะ
สุดท้ายพอเขาเสียชีวิตหรือออกจากราชการไป ครอบครัวทำยังไงต่อ หลายๆครอบครัวมีลูกเล็ก ชีวิตลำบาก เราจึงกลับไปดูข้อมูลตั้งแต่อดีต ซึ่งไม่ง่ายเลย เราก็ต้องให้คนไปตามดูว่าเขามีลูกไหม ลูกเขาเป็นยังไง แล้วก็มอบทุนการศึกษาให้
ถือว่าเป็นการสร้างขวัญกำลังใจให้กับลูกเขา มันอาจจะไม่สามารถทดแทนชีวิตพ่อเขาได้ แต่มันก็เป็นส่วนหนึ่งที่พ่อเขาได้เสียสละชีวิต เขาต้องภูมิใจ ไม่ใช่ว่าจบแล้วจบเลย
ยอดรวมทุนการศึกษาจาก 3 ล้าน เพิ่มเป็น 25 ล้าน
“ทั้งหมดนี้ช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัวตำรวจได้เยอะ รวมมอบทุนการศึกษาในปี 2564 จำนวนทั้งสิ้น 25 ล้านบาท ถ้าเราไม่ได้เป็นองค์กรสาธารณกุศล เราไม่สามารถทำเรื่องนี้ได้เลย
ถามว่าการหาทุนตรงนี้หนักไหม ตอบว่าไม่หนักค่ะ เพราะตรงนี้มีองค์ประกอบหลายมิติ
1.องค์กรเอกชนเข้าใจภาระหน้าที่ของตำรวจอยู่แล้ว 2.เป็นเรื่องของ CRS และ3.ประโยชน์ทางภาษี เพียงแต่เราทำทุกอย่างให้ถูกต้อง เข้าระบบ
ต้องขอขอบคุณบริษัทห้างร้านเอกชนที่สนับสนุน ดิฉันเชื่อว่าหลายๆคน ได้เห็นเรื่องของความตั้งใจจริงของท่าน ผบ.ตร. ว่าท่านมุ่งมั่นอยากให้พัฒนาจริงๆ จึงทำให้หลายๆองค์กรอยากสนับสนุน”
เริ่มต้นปีงบประมาณ65 ตัดริบบิ้นเปิดร้านปันรักษ์
เมื่อเป้าหมายหลักคือการพัฒนาคุณภาพชีวิตตำรวจและครอบครัวตำรวจ ในต้นปีงบประมาณ 2565 สมาคมแม่บ้านตำรวจ จึงเดินหน้าเปิดร้านค้า ชื่อ ร้านปันรักษ์
มีวัตถุประสงค์เป็นช่องทางจัดจำหน่ายสินค้า เป็น Outlet ให้กับครอบครัวตำรวจ ตรงนี้ได้รับความกรุณาจากท่านผบ.ตร.และโรงพยาบาลตำรวจ จัดสรรพื้นที่ให้ตั้งร้าน เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี มีสินค้าจากหลายพื้นที่มาวางจำหน่าย
ในช่วงแรกเราประสานไปทางประธานชมรมแม่บ้านตำรวจให้ช่วยหาสินค้าของแม่บ้านและพื้นที่ มาวางจำหน่าย เราพยายามสร้างต้นแบบให้เขาได้ไอเดียว่า ถ้าอยากขายสินค้าในร้านปันรักษ์สินค้าต้องเป็นแบบไหน และถ้าเขามีไอเดีย ทำผลิตภัณฑ์ขึ้นมาแล้วอยากวางขายสามารถติดต่อชมรมแม่บ้านภาคต่างๆ หรือติดต่อโดยตรงมาที่สมาคมแม่บ้านตำรวจ เรายินดีมาก เราเปิดกว้างมาก
ในอนาคตเราวางแผนว่าจะมีสาขาของร้านค้าปันรักษ์ไปอยู่ทั่วทุกภูมิภาค สินค้าอาจปรับประยุกต์ไปบ้างตามแต่ละท้องถิ่น วัตถุประสงค์ของร้านค้าปันรักษ์ไม่แสวงหากำไร แค่ให้ร้านค้าสามารถอยู่ได้ ครอบครัวตำรวจขายของได้ ลูกหลานครอบครัวตำรวจมีงานทำเป็นพนักงานขาย ทุกอย่างจะวินๆ อันนี้ถือว่าบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว
นอกจากนี้ในปี 2565 จะมีโครงการ 1 จังหวัด 1 ผลิตภัณฑ์ จะเกี่ยวข้องกับร้านค้าปันรักษ์ด้วย เราอยากทำโครงการที่จับต้องได้ การรวมกลุ่มทำกิจกรรม เป้าหมายสำคัญไม่ใช่แค่ทำเป็น จะเกิดประโยชน์มากที่สุดต้องทำเป็นอาชีพ ต้องทำแล้วขายให้ได้เงิน
ปี65 โฟกัสเรื่อง Money management and Investment และการสร้างอาชีพเพื่อเด็กพิเศษ
รวมถึงในปี 2565 เราโฟกัสเรื่อง Money management and Investment (การบริหารการเงินและการลงทุน) ตอบสนองนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่องลดภาระหนี้สิน
จะมีการให้ความรู้กับตำรวจและครอบครัวตำรวจในเรื่องการบริหารเงินและการลงทุนเพื่อให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ก่อนตัดสินใจลงทุนทำอะไรสักอย่าง เป็นการสร้างรายได้และลดหนี้สิน ตลอดจนจะมีโครงการสร้างอาชีพเสริมให้เด็กพิเศษของครอบครัวตำรวจ
ตรงนี้สมาคมแม่บ้านตำรวจจะเป็นสื่อกลางในการช่วยติดต่อประสานงานบริษัทห้างร้านต่างๆเพื่อหางานให้เด็กกลุ่มนี้มีอาชีพ
ส่วนเด็กคนไหนที่ไม่เข้าเกณฑ์จะช่วยเหลือในรูปแบบอื่นๆทั้งหมดนี้เพื่อให้พ่อแม่ที่เป็นตำรวจรู้สึกภูมิใจ ไม่เป็นกังวล รวมถึงได้เห็นว่าลูกมีรายได้สามารถดูแลตัวเองและแบ่งเบาภาระพ่อแม่ได้ โดยมอบนโยบายให้กับประธานชมรมแม่บ้านตำรวจในแต่ละภาค ช่วยกันดำเนินการตรงนี้ให้เกิดภาพกว้างและมีอิมแพคมากขึ้น
สร้างห้อง Isolation รพ.ตำรวจ – มอบกล่องปันน้ำใจ ช่วยตำรวจป่วยโควิด 800 นาย
ด้านการช่วยเหลือช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19เป็นวงกว้าง ในช่วงเดือนมี.ค.–เม.ย.64 ที่ผ่านมา พบว่ามีตำรวจติดเชื้อ 700-800 นาย เนื่องจากภารกิจต้องออกตรวจ ตั้งด่าน จับผู้ร้าย ทำให้ตำรวจต้องสัมผัสและอยู่ใกล้ชิดกับชาวบ้านอย่างเลี่ยงไม่ได้
สิ่งที่สมาคมแม่บ้านตำรวจช่วยเหลือโดยเฉพาะตำรวจชั้นประทวนที่อยู่แฟลตตำรวจและติดโควิด เราห่วงว่าเขาจะทานอะไร
เราช่วยดูแลโดยการส่งกล่องปันรัก กล่องปันน้ำใจ ให้เขาสามารถดูแลตัวเองตลอด 14 วันที่เขาต้องกักตัว เขาจะสั่งแกร็บ ไลน์แมน มาทานทุกมื้อไม่ได้ เขาไม่ได้มีเงินเดือนเยอะ
รวมทั้งช่วงเวลานั้นการรักษาในโรงพยาบาล เครื่องมือต่างๆค่อนข้างจำกัด ห้องฉุกเฉินไม่เพียงพอ สมาคมแม่บ้านตำรวจได้สนับสนุนโรงพยาบาลตำรวจ ให้มีห้อง Isolation ช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด
โรงพยาบาลตำรวจไม่ได้รักษาเฉพาะครอบครัวข้าราชการตำรวจ แต่รักษาบุคคลภายนอกด้วย เราช่วยหาอุปกรณ์เครื่องมือที่มีความจำเป็นกับการรักษา รวมทั้งเข้าไปดูเรื่องอาหารกลางวันให้บุคลากรทางการแพทย์ด้วย
อนาคตอยากให้สมาคมฯสานต่อเพื่อประโยชน์ครอบครัวตำรวจอย่างยั่งยืน
ที่ผ่านมากุญแจสำคัญที่ทำให้แต่ละโครงการประสบความสำเร็จคือบุคลากร การให้ทุกคนมาช่วยกันทำงานในเรื่องใหม่เป็นเรื่องยากมาก แต่เราก็พยายามที่สุดเพื่อให้หลายๆท่านเห็นว่า มันทำได้ มันต้องเปลี่ยนแปลง และเกิดความยั่งยืน
ในช่วงกว่า 1 ปีที่ผ่านมาคิดว่า สมาชิก คณะกรรมการบริหาร เข้าใจถึงเจตนา และยินดีร่วมทำตรงจุดนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่เราหวังว่าจะสามารถต่อยอดให้ดีมากยิ่งขึ้นในปีต่อๆไป สิ่งอะไรที่คิดว่าดีให้มันเกิดต่อไป มันเหมือนจุดสตาร์ท โลกพัฒนา เราก็ต้องพัฒนา แต่สิ่งไหนที่เราทำแล้วมันไม่ดี เราก็ยอมรับว่ามันอาจจะไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ต่อ สามารถเปลี่ยนแปลงได้
การเป็นหลังบ้านที่ดี ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตครอบครัวตำรวจ เชื่อว่า ผบ.ตร.ภูมิใจ
ในด้านครอบครัว ด้วยความที่อยู่ใกล้ชิดท่านผบ.ตร. เรามองว่าท่านเป็นคนดีนะคะ ดิฉันว่าหลายๆท่านก็จะรู้จัก ท่านไม่เคยบอกว่าอยากได้อะไร ไม่เคยบอกว่าไม่พอใจ เราต้องสังเกตเอง
เป็นคนที่ทั้งชีวิตยังไม่เคยจัดงานวันเกิด เหมือนตอนที่ท่านรับตำแหน่ง ก็บอกว่าไม่ต้องมาหา ไม่ต้องมาขอบคุณ สิ่งที่ต้องการอย่างเดียวก็คือให้คุณทำงาน คุณเป็นตำรวจที่ดี
เพราะฉะนั้นในฐานะหลังบ้าน ดิฉันก็ตอบสนองนโยบายของท่าน คือช่วยในมิติของการพัฒนาคุณภาพชีวิตครอบครัวตำรวจ สิ่งสำคัญคือจะยึดถือการเป็นหลังบ้านที่ดี
ดิฉันจะบอกกับคนที่มาร่วมกันทำงานเสมอๆว่า ให้เชื่อว่าหัวหน้าครอบครัวของคุณเป็นคนเก่ง เรามาช่วยกันทำงาน มาสนุกกับการทำงานร่วมกัน มาทำสิ่งดีดีร่วมกัน แล้วเราจะภูมิใจว่า วันหนึ่งถ้าเราเดินออกจากตรงนี้ไป เพราะทุกคนไม่ช้าก็เร็วต้องเกษียณ คุณจะมีโมเมนต์ที่ต้องภูมิใจในตัวเอง
ลูกเคยมาถามดิฉันว่า คุณแม่ไปทำงานแล้วคุณแม่ได้เงินเดือนเหรอ
เราตอบว่าไม่เคยได้เงินเดือนเลย ลูกก็ยังถามว่าแล้วทำไมคุณแม่อินกับการทำ เราตอบเขาว่าเพราะเรารู้สึกว่าถ้าเรามีโอกาสทำแล้ว เราต้องทำให้ดีที่สุด และถามว่าเพื่อใคร เราเชื่อว่าท่านผบ.ตร.จะภูมิใจ เพราะเราทำในสิ่งที่ดี และเป็นหลังบ้านที่ดี
สอนลูกไม่ยึดติด–โลว์โปรไฟล์–เสพข่าวด้วยความระมัดระวัง
อีกเรื่องที่สำคัญก็คือเรื่องลูก เราจะให้ความสำคัญเป็น priority อันดับที่1 คือดูแลลูก สำคัญที่สุดเลยคือชีวิตครอบครัว พ่อแม่ทุกคนจะดีใจถ้าลูกเราเป็นคนดี พ่อแม่ทุกคนจะดีใจถ้าลูกเราประสบความสำเร็จ เลี้ยงดูตัวเองได้ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา หรือแม้กระทั่งตลอดมา จะคอยสอนลูกเสมอ
คือ 1. เราไม่ยึดติด เพราะพวกนี้มันมาแล้วมันก็ไป เพราะเราเคยผ่านกระบวนการพวกนี้มาเสมอ มันไม่ใช่ของๆเรา ไม่ได้อยู่กับเราไปตลอดชีวิต เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปบอกใครว่าเราคือใคร เราต้องโลว์โปรไฟล์ แล้วลูกของเราจะอยู่ได้ไม่ว่าจะมีสถานการณ์อะไรเกิดขึ้นในชีวิต เพราะเรามีเกราะอยู่ว่าอย่าไปยึดติดเรื่องแบบนี้
และ 2.บางครั้งกระแสโลกโซเชียลมาเยอะมาก เขาเสพข่าวหลายๆเรื่อง
ในฐานะที่ดิฉันเข้าใจว่าสิ่งที่ท่าน ผบ.ตร.ทำคืออะไร บางทีคุณพ่ออาจจะไม่มีเวลามาบอกลูกว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น แต่เวลามันจะบอกเองว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น และสิ่งที่ท่านผบ.ตร.ทำหรือคิด มักจะถูก โดยให้เวลาตอบว่าประสบความสำเร็จยังไง
เราจะคอยสอนลูกว่าบางครั้งจะมีเฟคนิวส์เยอะ จะมีข้อมูลในโลกอินเตอร์เน็ตที่ผ่านเราไปมา เราจะไม่บอกว่าเป็นสิ่งที่ผิดหรือสิ่งที่ถูก แต่ให้เขาซึมซับว่าความจริงเป็นแบบนี้
การเสพข้อมูลต้องเสพด้วยความระมัดระวัง เรื่องนี้เป็นคีย์สำคัญ เราอยู่ใกล้ชิดลูก เราสามารถอธิบายเขาได้ เพราะฉะนั้นในฐานะหลังบ้าน priority สำคัญคือ เรื่องดูแลลูกและครอบครัวเป็นหลัก
จัดเป็นต้นแบบนายกสมาคมแม่บ้านตำรวจนักพัฒนา ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล สำหรับ คุณรัตนาภรณ์ สีวลีพันธ์
รวมทั้งเป็นกำลังสำคัญให้กับ ‘บิ๊กปั๊ด’ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ในเรื่องของการพัฒนาคุณภาพชีวิตตำรวจและครอบครัวตำรวจ รวมถึงการดูแลครอบครัวและลูกๆ
ปรวีร์19/12/64