หลังจากที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อ “บังยี” วรวีร์ มะกูดี ต้องมีอันตกเก้าอี้ “นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ” ทั้งที่ครองตำแหน่งนี้มาหลายสมัย และก็ไม่มีทีท่าว่าจะเสียเก้าอี้ตัวนี้ให้กับใคร
แต่ก็เหมือนฟ้ากำหนด เมื่อ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ “ฟีฟ่า” มีคำสั่งแบน “บังยี” ทำให้มดสิทธิ์ลงชิงตำแหน่ง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอล อย่างน่าเสียดาย สุดท้าย “บิ๊กอ๊อด”พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตัดสินใจเข้ามาช่วงชิงตำแหน่งแทน พร้อมกับได้รับเสียงสนับสนุนจากสโมสรสมาชิก อย่างท่วมท้น จนก้าวขึ้นมาเป็น นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ
หลังก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำวงการฟุตบอลของประเทศ มาเกือบ 2 ปี ทั้งเรื่องของทีมชาติไทย และฟุตบอลลีก มีการเปลี่ยนแปลงหลายเรื่อง และมีเรื่องไม่ดีเกิดหลายสิ่ง หลายอย่าง เช่น ระบบฟุตบอลลีกอาชีพ ก็ยังไม่พัฒนาเท่าที่ควรจะเป็น ทั้งที่ได้มือระดับแนวหน้าและผ่านการทำงาน สหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) ทั้งคนไทยและต่างชาติ มาร่วมงานก็ตาม
ที่สำคัญตอนนี้เริ่มมีปัญหาใหญ่เกิดขึ้นแล้ว เมื่อหลายสโมสรเริ่มติดค้างเงินเดือนนักฟุตบอลและสตาฟฟ์โค้ช นอกจากนี้ยังมีเรื่องการสร้างฟุตบอลลีกต่าง ๆ ขึ้นมาอีกมากมาย ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่สะสางปัญหาเก่าๆ ที่เกิดขึ้น
ที่สำคัญฟุตบอลลีกในบ้านเรา ไม่มีแหล่งเงินทุนที่จะให้การสนับสนุนฟุตบอลลีกอาชีพอย่างจริงจัง มีเพียงเงินทุนจาก “นักการเมือง” ที่ว่างเว้นเรื่องของการเมือง เข้ามาบริหารทีม เรื่องนี้ก็เข้าใจอยู่เหมือนกัน คือต้องการที่จะให้มีชื่อติดปากชาวบ้านเท่านั่น เพื่อรอให้เรื่องการเมืองกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ดังนั้นถ้าเรื่องเรื่องของการเมืองกลับเข้าสู่เวทีการเมืองปกติแล้ว “นักการเมือง”ที่เข้ามาสนับสนุนทีม ถามว่าจะบริหารทีมต่อไปหรือไม่ ยิ่งปัจจุบันนี้แต่ละฤดูกาล ยังขาดทุน 30-40 ล้านบาท เมื่อธุรกิจขาดทุนทุกปี ๆ ๆ จะมีใครหน้าไหนดื้อรั้นทำทีมต่อไป นอกเสียจากคนนั้น “บ้า”
ถ้าทุกคนเลิกทำทีม ฟุตบอลลีก จะทำอย่างไร สุดท้ายก็ถึงทางตัน ล้มไม่เป็นท่า ไม่ต่างกับ “ฟองสบู่แตก”
เราต้องยอมรับความจริงว่า ฟุตบอลลีกอาชีพ ยังไม่เป็นอาชีพ 100 เปอร์เซ็นต์ หลายสโมสร ยังไม่สามารถหางบประมาณที่มาจาก “กีฬาฟุตบอล” โดยตรง เพื่อเข้ามาเลี้ยงตัวเอง แต่ส่วนใหญ่จะใช้เงินจากสินค้าของตัวเอง หรือสินค้าในเครือเข้ามาช่วย
เมื่อระบบภายในของแต่ละทีม ยังไม่สามารถหาเลี้ยงตัวเองได้ เขื่อว่าในอนาคตอันใกล้ คงเหลือทีมเข้าแข่งขันฟุตบอลลีกอีพเพียง 4-5 ทีมเท่านั้น ส่วนทีมระดับรองลงมา ก็คงต้องโบกมือลาไปตามๆ กัน
เรื่องนี้ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ภายใต้การนำของ “บิ๊กอ๊อด” และ สภากรรมการฯ ต้องรู้รากเหง้าของตัวเอง ว่าศักยภาพเป็นอย่างไร และควรหาวิธีว่าจะต้องทำอย่างไร เพื่อให้ “ฟุตบอลลีกไทย” เดินหน้าต่อไปได้
สิ่งสำคัญควรประเมินและวัดมาตรฐานทีมที่ผลงานแย่ที่สุดเสียก่อน ถ้าทีมเหล่านี้อยู่ได้ และสามารถเลี้ยงตัวเองได้อย่างต่อเนื่อง “ฟุตบอลลีกอาชีพของไทย” ก็จะอยู่รอด แต่ถ้าอยู่ไม่ได้ ก็นั่งรอวันตาย
ดังนั้น “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกลูกหนังไทย และ สภากรรมการฯ ควรรู้ว่า เมื่อฝนตก อากาศจะเย็น และ ถ้าแดดออกเปรี้ยงๆ อากาศก็จะร้อน นั้นหมายความว่า “อย่าทำตัวไม่รู้ร้อน รู้หนาว” รวมถึงเรื่องของ วงการผู้ตัดสิน ยังฉาวโฉ่อยู่ในขณะนี้ด้วย
คนเก่งๆ ในสมาคมกีฬาฟุตบอลมีอยู่เยอะ !!!!
ยันแข้ง