ป.เฝ้าบ้านครูปรีชาแต่เช้า
เมื่อเวลา 07.30 น.วันที่ 28 ก.พ.ผู้สื่อข่าวรายงานจากกองปราบปรามว่า พ.ต.อ.ภุมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผกก.5 บก.ป.สั่งการให้พ.ต.ท.อภิสัณฐ์ ไชยรัตน์ และพ.ต.ท.ชัยฏิภูมิ อำนวยชัย รองผกก.5.บก.ป.นำเจ้าหน้าที่กก.5.บก.ป.ไปเฝ้าหน้าบ้านนายปรีชา ใคร่ครวญ ที่ บ้านนะโม เลขที่ 143/22 ซอยทุ่งนา 5 หมู่ 3 ต.ปากแพรก อ.เมืองกาญจนบุรี เพื่อรอการจับกุมหากศาลอาญาออกหมายจับนายปรีชา
อีกชุดดักรอบ้านเจ๊บ้าบิ่น
นอกจากนี้กำลังเจ้าหน้าที่กก.5.บก.ป. อีกส่วนได้ไปเฝ้าหน้าบ้าน นางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือเจ๊บ้าบิ่น ที่บ้านพักภายในชุมชนเตาปูน จ.กาญจนบุรี เพื่อรอหมายจับจากพนักงานสอบสวนที่เดินทางไปขอที่ศาลอาญา รัชดา
บิ๊กตำรวจขอหมายจับศาลอาญา
จากนั้นเวลา09.00 น.พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป.พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบก.ป.พ.ต.อ.ไสว แช่มลำเจียก ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.ป.พร้อมพนักงานสอบสวนคลี่คลายคดีหวย30 ล้านบาท เดินทางไปศาลอาญา รัชดา เพื่อรอ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก.นำทีม นำคำร้องเข้าพบนายบุญชู ทัศนประพันธ์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา เพื่อขออนุมัติหมายจับนายปรีชา ใคร่ครวญ และนางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือเจ๊บ้าบิ่น
อนุมัติปุ๊ปจับปั๊ป
หลังศาลอนุมัติหมายจับให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปรายปรามแล้ว ชุดจับกุมนำโดยพ.ต.ท.ชัยฏิภูมิ อำนวยชัย รองผกก.5.บก.ป.พร้อมกำลังได้จับกุมนางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือเจ๊บ้าบิ่น ที่บ้านพักภายในชุมชนเตาปูน จ.กาญจนบุรี จากนั้นได้นำหมายศาลตรวจค้นภายในบ้านของเจ๊บ้าบิ่น เก็บหลักฐานต่างๆทั้งเอกสาร โทรศัพท์มือถือรวมทั้งบัญชีต่างๆ มาตรวจสอบ
ยึดสมุดจดบันทึกคำให้การ
รายงานข่าวแจ้งว่าจากการตรวจค้นบ้านเจ๊บ้าบิ่น เจ้าหน้าที่ยังพบหลักฐานสำคัญ เป็นสมุดจดภายในมีข้อความคำให้การว่า “ลอตเตอรี่ชุดดังกล่าว ตนไปรับมาจากเจ๊พัช และก็ขายต่อให้กับครูปรีชา ซึ่งเป็นผู้ที่ถูกรางวัลที่แท้จริง” และยังมีข้อความอีกหลายข้อความที่เกี่ยวกับคำให้การ เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะนำตัวนางรัตนาพร มาที่กองปราบปรามเพื่อสอบสวนเพิ่มเติม
ล็อกครูปรีชาคาโรงเรียน
ส่วนกำลังกองปราบอีกชุดนำโดยพ.ต.ท.อภิสัณฐ์ ไชยรัตน์ รองผกก.5.บก.ป.นำกำลังเจ้าหน้าที่กก.5.บก.ป.ติดตามจากบ้านไปเฝ้าสังเกตการณ์นายปรีชาอยู่ที่บริเวณหน้าโรงเรียนฯมาตั้งแต่ช่วงเช้า กระทั่งเมื่อทราบว่าหมายจับกุมได้รับการอนุมัติแล้ว จึงเข้าควบคุมตัวนายปรีชาทันที จากนั้นได้นำตัวขึ้นรถกระบะฟอร์ด สีเทาดำ ทะเบียน 4กย 9978 กรุงเทพมหานคร ของเจ้าหน้าที่
พาครูค้นบ้านหาหลักฐาน
ก่อนถูกนำตัวเดินที่บ้านเลขที่143/22 ซ.ทุ่งนา 5 หมู่ 3 ต.ปากแพรก อ.เมืองกาญจนบุรี บ้านพักของนายปรีชา เพื่อตรวจค้นหาหลักฐานเพิ่มเติม โดยใช้เวลาตรวจค้นอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง จึงเสร็จสิ้น ไม่พบเอกสารหลักฐานอะไรที่เป็นประโยชน์กับรูปคดี หลังจากนั้นได้นำตัวนายปรีชาเดินทางเข้าสอบปากคำต่อที่กองปราบปรามปราม
ฟ้าเพื่อนครู บ่นผิดหวัง บช.ก.
ขณะที่ผู้สื่อข่าวกำลังรอเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามนำตัวนายปรีชา และนางรัตนาพร มาสอบสวนที่กองปราบปรามนั้น ได้มีน.ส.กนกพรรณ หมวกไสว หรือ ฟ้า อ้างว่า เป็นเพื่อนสนิทของนายปรีชา เดินทางมายังกองปราบปราม เพื่อสังเกตการณ์ พร้อมเปิดเผยกับสื่อมวลชนทั้งน้ำตาว่า มารอให้กำลังใจ นายปรีชาและนางรัตนาพร รู้สึกผิดหวังกับการทำงานของตำรวจสอบสวนกลางเป็นอย่างมาก และยังเชื่อว่าสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นของนายปรีชาอยู่ แม้จะมีการออกหมายจับแล้วก็ตาม
ยันมีหลักฐานสำคัญสู้ชั้นศาล
น.ส.กนกพรรณ เปิดเผยต่อว่า หลังจากนี้นายปรีชาและนางรัตนาพร จะต่อสู้คดีในชั้นศาลตามกระบวนการ และขอยืนยันว่า ตนเองมีคลิปหลักฐานสำคัญที่ชี้ชัดว่า สลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นของนายปรีชาจริง แต่จะไม่เปิดให้สื่อมวลชนและตำรวจดู เพราะไม่มีประโยชน์ และอาจจะถูกนำมาหักล้างได้ ทั้งนี้ฝากไปถึง ร.ต.ท.จรูญและทีมทนาย
ครวญสงสารเจ๊บ้าบิ่น
ให้ไปหาที่มาที่ไปของสลากกินแบ่งรัฐบาลให้ได้ เพราะดูเหมือนทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้ที่มาที่ไปของสลากกินแบ่งรัฐบาลฉบับดังกล่าว เรื่องที่เกิดขึ้นตนสงสารนางรัตนาพร เป็นอย่างมาก เพราะเขาเป็นคนซื่อ ให้การตามความเป็นจริง และทุกครั้งที่ถูกสอบปากคำมักถูกกดดันจนไม่สามารถทำมาหากินได้
ผู้การ ป.สอบเอง
หลังเจ้าหน้าที่กก.5.บก.ป.ได้นำตัวนางรัตนาพร และนายปรีชา เดินทางถึงที่ฃกองปราบได้นำตัวเข้าห้องพนักงานสอบสวนพบพล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป.พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบก.ป.และพนักงานสอบสวนกก.5.บก.ป.
เจ๊บ้าบิ่นยิ้มไม่กังวล
ก่อนเข้าห้องสอบสวนเจ๊บ้าบิ่น ยังให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่รอทำข่าวจำนวนมาก ว่า “ไม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว” ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะถูกนำตัวเข้าห้องสอบสวนในทันที
ครูปรีชาไม่จ้อเหมือนเดิม
ส่วนนายปรีชา มีสีหน้าที่เรียบเฉย และไม่ได้เปิดเผยความรู้สึกอะไรกับกลุ่มผู้สื่อข่าวเหมือนกับทุกๆวันที่ผ่านมา ก่อนจะถูกนำตัวเข้าห้องสอบสวนในห้องเดียวกันกับนางรัตนาพร
โดนคนละ4ข้อหา
สำหรับข้อกล่าวหาที่พนักงานสอบสวน ขออนุมัติหมายจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 ในความผิดฐาน 4 ข้อหา ประกอบด้วย 1.ผู้ใดแจ้งความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137 ข้อหาที่ 2.ผู้ใดรู้ว่ามิได้มีการกระทำผิดเกิดขึ้น แจ้งข้อความต่อพนักงานสอบสวนว่าได้มีการกระทำผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 60,000 บาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 173
3.ผู้ใดรู้ว่ามิได้มีการกระทำผิดเกิดขึ้น แจ้งข้อความต่อพนักงานสอบสวนว่าได้มีการกระทำผิดเพื่อกลั่นแกล้งผู้อื่นให้ได้รับโทษทางอาญา ต้องระวางโทษจำคุกไมเกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 100,000 บาท ซึ่งถ้าการแจ้งความนั้น เพื่อจะแกล้งให้บุคคลใดต้องรับโทษหรือรับโทษหนักขึ้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท ตามมาตรา 174วรรคสอง
และ 4.ผู้ใดแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชนหรือเอกสารราชการ ซึ่งใช้เป็นพยานหลักฐานโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267 ประกอบมาตรา 83
