ตอน 16
หลังจัดการอาหารมื้อเช้าไปแล้ว
เวลาราวบ่ายโมง ผมยังไม่ได้เจอแซลลี่ จนกว่าจะบ่ายสองโมง ผมเลยต่อไปเรื่อยๆ แต่ก็อดคิดถึงเรื่องแม่ชีทั้งสองไม่ได้ คิดถึงตะกร้าสานที่พวกเธอหิ้วไปคอยรับบริจาคเงินตอนที่พวกเธอว่างจากการสอนหนังสือ
ผมยังนึกไปถึงภาพแม่ของผมหรือใครก็ตามเถอะ อย่างป้าหรือแม่ของแซลลี่เฮย์ส ไปยืนอยู่หน้าห้าง ถือกล่องรับบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ยากไร้กับตะกร้าสานที่รูปทรงเชย ๆ มันยากที่จะจินตนาการจริง ๆ
ถ้าเป็นแม่ผมน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่กับป้าผมนักกิจกรรมการกุศลที่มักแต่งตัวอย่างพิถีพิถัน ให้ดูดีเสมอ ทาลิปสติกแดงแปร๊ด นึกภาพไม่ออกเลยถ้าเธอทำกิจกรรมการกุศลด้วยการสวมชุดสีดำ ไม่ทาลิปสติก
แล้วก็อีกคนคือแม่ของแซลลี่ เฮย์ส
โธ่เอ๋ยมีทางเดียวที่เธอจะไปไหนพร้อมกับหิ้วตะกร้าสานรับบริจาคเงิน ถ้าใครทำให้เธอพอใจอย่างถึงใจตอนที่เธอออกเรี่ยไรเงิน ถ้าพวกเขาหย่อนเงินลงในตะกร้าของเธอ แล้วก็เดินจากไปโดยไม่พูดไม่ทักทายอะไร นั่นจะทำให้เธอเป็นเบื่อเป็นหน่ายแล้วก็ล้มเลิกความตั้งใจภายในหนึ่งชั่วโมง พอเกิดเบื่อหน่ายล่ะก้อ เธอจะแขวนตะกร้าแล้วก็เดินเตร่ช่วงเที่ยงวัน หาอะไรใส่ท้องมื้อกลางวัน
แบบนั้นยังไงล่ะ ผมถึงได้ชอบแม่ชีทั้งสอง บอกลับได้เลยว่าอย่างแรกพวกเธอจะไม่แวะไปไหนเพื่อเดินอวดโอ่หาอะไรกิน มันทำให้รู้สึกเศร้ามากเมื่อนึกถึงเรื่องนี้เชื่อว่าพวกเธอจะไม่ไปเดินเตร่หาอะไรกินมื้อเที่ยงหรอก ผมก็ว่ามันไม่สำคัญอะไรนักหนาหรอก แต่มันก็ทำให้รู้สึกเศร้าลึก ๆ อยู่เหมือนกัน
ผมเดินมุ่งไปทางย่านบรอดเวย์ด้วยอาการรีบเร่ง เพราะว่าผมไม่ได้ผ่านแถวนั้นมานานหลายปีแล้ว อีกอย่างหนึ่งผมต้องการไปหาร้านขายแผ่นเสียงที่เปิดวันอาทิตย์ด้วย
ผมอยากได้แผ่นเสียงสักแผ่นหนึ่งไปฝากโฟบี้ ชื่อแผ่นว่า “ลิตเติ้ล เชอร์ลีย์ บีนส์” มันหายากเลยทีเดียว เป็นเพลงเกี่ยวกับเด็กเล็กๆ ที่ไม่ออกจากบ้านไปไหนเพราะฟันคู่หน้าเหยิน ทำให้รู้สึกเป็นปมด้อยน่าอาย
ผมได้ฟังแผ่นนี้ตอนอยู่เพนซี่ เด็กอีกชั้นหนึ่งมีแผ่นนี้ ผมพยายามขอซื้อต่อจากเขา เพราะผมรู้ว่าจะทำให้โฟบี้ดีใจจนเนื้อเต้นเลยทีเดียว แต่เขาก็ไม่ยอมขายต่อให้ผม มันเก่าแก่มากเป็นแผ่นยอดเยี่ยมที่เอทเทล เฟลทเชอร์ นักร้องเด็กหญิงผิวดำ เป็นเจ้าของเสียงร้อง ผลิตขึ้นเมื่อยี่สิบปีเห็นจะได้
ลีลาน้ำเสียงแบบดิ๊กซี่แลนด์เอามาก หรือแบบหญิงงามตามซ่องขับร้อง เสียงไม่ยืดยานแบบเด็กผิวขาวร้องหรอก พวกนั้นมักดัดเสียงให้อ่อนหวานจนเลี่ยนเลยเชียว แต่เอสเทล เฟลทเชอร์ รู้ดีว่าจะขับขานอย่างไร
นี่ไงหนึ่งในแผ่นเสียงที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยฟังเลยล่ะ ผมนึกภาพออกว่าผมจะหาซื้อได้จากร้านขายแผ่นเสียงเก่าที่เปิดวันอาทิตย์ ซึ่งโฟบี้เคยไปเล่นโรลเลอร์สเกต ในสวนสาธารณะค่อนข้างบ่อย ผมรู้ดีว่าเธอไม่ชอบไปไหน ๆ
อากาศไม่ค่อยหนาวเหมือนเมื่อวาน แต่ดวงอาทิตย์ก็ไม่โผล่ให้เห็น บรรยากาศดูไม่ค่อยเหมาะสำหรับการเดินเล่นเท่าใด แต่มีสิ่งที่เข้าท่าอย่างหนึ่งที่ผมเห็น ครอบครัวหนึ่งเข้าใจว่าเพิ่งกลับจากโบสถ์ เดินอยู่ข้างหน้าผม มีพ่อแม่และลูกอายุราวหกขวบท่าทางยากจน
คนเป็นพ่อสวมหมวกประดับมุกสีเทาที่คนฐานะยากจนนิยมสวมหากอยากให้ดูเท่บ้าง เขากับภรรยาเดินคุยกันไปไม่สนใจลูกของเขาเลย เจ้าเด็กก็ดูท่าทางฉลาดดี เขาเดินอยู่บนผิวถนน แทนที่จะเดินบนทางเท้า แต่กลับอยู่ขอบถนน ทำท่าเดินบนเส้นตรงอย่างที่พวกเด็ก ๆ ชอบทำ ตลอดเวลาก็ร้องฮัมเพลงไป
ผมสืบเท้าตามติดเข้าไปใกล้ ๆ จับใจความเนื้อร้องได้ว่าเขากำลังร้องเพลงอะไร
ก็เขาร้องเพลง ‘อัฟ อะ บอดี้ แคทช์ อะ บอดี้ คัมมิ่งทรู เดอะ ไรย์’ ด้วยเสียงแหลมเล็กๆอย่างเต็มเสียง รถราเฉียดผ่านอย่างไปอย่างน่าหวาดเสียว เสียงเบรกดังเสียดหู
ดูเอาสิพ่อกับแม่ไม่ได้สนใจห่วงใยลูกของพวกเขาเลย ขณะที่เขาก็ยังคงเดินดุ่มต่อไปตามขอบถนนและร่ำร้องเพลงอีฟ อะ บอดี้ คัมมิ่ง ทรู เดอะไรย์ มันช่างน่าครึ้มใจได้อารมณ์อย่างไรก็ไม่รู้ เออ ผมไม่รู้สึกห่อเหี่ยวกังวลใจอีกเลย
แถวย่านบรอดเวย์คนพลุกพล่านสับสนวุ่นวายพอดู ทั้งที่เพิ่งเที่ยงวันอาทิตย์ แต่คนก็เริ่มหนาตาแล้ว แต่ละคนมารอคอยชมภาพยนตร์ของเดอะ พาราเมาต์ ดิ แอสเตอร์ และเดอะ แคปิตอลหรือบริษัทแถวๆนั้น ต่างแต่งกายประทิ่นโฉมกรีดกรายอวดกันนั่นเพราะเป็นวันอาทิตย์ ทำให้ดูสดใสรื่นรมย์มาก
แต่ที่สำคัญที่สุดบอกได้เลยว่าต้องการมาดูหนังกันอย่างจริงๆจัง ๆ ผมล่ะทนพวกนี้ไม่ได้เลยจริงๆ ผมพอจะเข้าใจอยู่บ้างที่บางคนออกจากบ้านมาดูหนังเพราะว่าว่างจนไม่รู้จะทำอะไร แต่บางคนมุ่งมั่นมาดูหนังให้ได้ แม้ต้องรีบจ้ำอ้าวให้เร็วกว่าปกติ
นั่นเองที่บีบคั้นความรู้สึกผมมากๆ ยิ่งเห็นพวกนี้เป็นล้าน ๆ เข้าคิวกันยาวเหยียดเป็นไมล์ตลอดทางเดินผ่านตึกแถว ยืนรอคอยอย่างมีน้ำอดน้ำทนเพื่อจองที่นั่งในโรงหนังด้วย
ไอ้หนูเอ๋ย ผมไม่สามารถเดินผ่านแถวบรอดเวย์ได้เร็วพอ แต่โชคดีที่ร้านขายแผ่นเสียงร้านแรกที่ผมแวะเข้าไปมีแผ่นลิตเติ้ล เชอร์ลีย์ บีนส์ เขาตั้งราคาห้าเหรียญ อ้างว่าเป็นแผ่นหายากมาก
แต่ผมก็ไม่สนแล้วล่ะ ไอ้หนูเอ๊ย มันช่างสุขใจจังในบัดดล ผมแทบทนรอไปสวนสาธารณะไม่ไหวแล้ว เพื่อไปพบน้องโฟบี้ แล้วก็มอบแผ่นเสียงสุดโปรดให้เธอ
ตอนที่ผมออกจาร้านขายแผ่นเสียง ผมเดินผ่านร้านขายของชำร้านหนึ่ง แวะเข้าไปดู นึกอยากจะโทรศัพท์ไปหาเจนบ้าง เผื่อรู้ว่าเธอกลับบ้านช่วงวันหยุดยาวนี้หรือยัง ผมเลยเข้าไปในตู้โทรศัพท์สาธารณะ หมุนเบอร์โทรไปหาเธอ
มันยุ่งตรงที่แม่ของเธอรับสายพอดี ผมเลยต้องวางหูทันที ผมไม่อยากคุยยืดยาวอะไรกับเธอ ผมไม่ชอบคุยอะไรเรื่อยเปื่อยกับแม่ของพวกสาวๆ นัก แม้แต่แค่ถามว่าเจนกลับบ้านหรือยังมันไม่มีอะไรหรอก ผมไม่ชอบเท่านั้น คุณต้องมีอารมณ์อยากคุยบ้างในเรื่องอย่างนี้
ผมต้องหาตั๋วละครให้ได้ เลยซื้อหนังสือพิมพ์พลิกดูว่ามีการแสดงอะไรบ้างเนื่องด้วยเป็นวันอาทิตย์ มีสิ่งบันเทิงสามรายการเท่านั้น
ดังนั้นที่ผมทำก็คือจัดการหาซื้อตั๋วดูละครเพลงเรื่อง ไอ โนว มาย เลิฟ เขาว่ามันเป็นโชว์ที่คุ้มค่า ผมไม่ได้อยากดูนักหรอก
แต่ผมรู้จักแซลลี่ดี เธอคือราชินีแห่งความเปิ่น เธอเที่ยวป่าวร้องไปทั่วตอนที่บอกเธอว่ามีตั๋วละครเพลงเรื่องนี้ เพราะว่ามีเดอะ ลันท์ส แสดงด้วย เธอชอบการแสดงที่เป็นเรื่องราวความทันสมัยโก้หรูที่มีเดอะ ลันท์ส
ส่วนผมน่ะไม่เลย ผมไม่ชอบดูการแสดงอะไรทั้งนั้น ถ้าคุณอยากรู้ความจริง แตร่กระนั้นละครก็ยังไม่ห่วยเท่ากับหนังโรงหรอก พวกการแสดงไม่มีอะไรที่ทำให้เพ้นคลั่งไคล้ได้อยู่ดี
สิ่งแรกเลยผมเกลียดพวกดารานักแสดง พวกนี้ชอบทำตัวไม่เหมือนคนทั่ว ๆ ไป ปากบอกว่าติดดินเหมือนคนธรรมดา คนที่เก่ง ๆก็ทำตัวติดดินบ้างอยู่หรอก แต่ยังติดยโสดูถูก ไม่ใช่แบบที่ดูดียิ่งดาราที่ฝีมือฉกาจนั่น บอกได้เลยว่าเขารู้ตัวดีหรอกว่าเขามันสุดยอดอยู่แล้ว ยิ่งดูน่าหงุดหงิด
ดูอย่างเซอร์ลอว์เรนซ์ โอลิเวียร์ ที่เคยเห็นในภาพยนตร์เรื่อง แฮมเล็ต ตอนนั้น ดี.บี.พาโฟบี้กับผมไปดูด้วยเมื่อปีที่แล้ว เขาบังคับให้เรากินมื้อเที่ยงก่อนแล้วค่อยพาไปดู ตัวเขาดูมาแล้วรอบหนึ่ง ตอนที่เขาเล่าให้ฟังระหว่างกินอาหารมื้อเที่ยงนั้นผมอยากจะไปดูแทบแย่อยู่แล้ว แต่ผมก็ไม่รู้สึกสนุกกับหนังเรื่องนี้เลย
ผมไม่เห็นเลยว่าเซอร์ลอว์เรนซ์ โอลิเวียร์ แสดงเก่งสักแค่ไหน เท่านั้นเอง
เขามีน้ำเสียงยอดเยี่ยมเป็นสุภาพบุรุษที่แสนเท่มาก ก็ดูเพลินดีตอนที่เขาเดินหรือปะทะบทบาทกับนักแสดงร่วมคนอื่น ๆ
แต่เขาก็ไม่เหมือนแบบที่ดี.บี. เล่าว่าสวมบทบาทแฮมเล็ตได้ดีอย่างที่ว่ากันเลย ก็เหมือนกับนักแสดงทั่วไปมากกว่า แทนที่จะดูเศร้า แบบท่าทางคนคดโกง
ส่วนที่ดีที่สุดของหนังเรื่องนี้ก็คือตอนที่พี่ชายของโอฟิเลีย คนที่ดวลกับแฮมเล็ตตอนท้ายเรื่องหลบหนีไป โดยพ่อของเขาให้คำแนะนำปรึกษามากมาย
ระหว่างที่พ่อของเขากำลังให้คำปรึกษาหาทางช่วยเหลือนั้นโอฟิเลียกลับมาก่อกวน นึกสนุกอยากเล่นกับพี่ชาย ทั้งดึงกริชออกจากฝักและพยายามเอามายั่วเย้าเขา ขณะที่กำลังตั้งใจฟังคำแนะนำของพ่ออยู่นั้น
มันเยี่ยมมากเลย ผมชอบฉากนี้เอามากๆ คุณไม่ได้เห็นฉากสนุกแบบนี้มากนัก มีอย่างหนึ่งที่โฟบี้ชอบมาก ตอนที่แฮมเล็ตลูบและตบหัวสุนัขเบาๆ เธอว่ามันน่าตลกดี ก็ใช่ ผมจะต้องทำอะไรอีก ผมจะต้องอ่านบทละคร มันแย่สำหรับผมตรงที่ผมต้องอ่านเองเสมอ ถ้านักแสดงเล่นนอกบท ผมแทบไม่ได้ยินเสียง เพราะมัวแต่จะคอยจ้องจับผิดว่านักแสดงจะทำอะไรเปิ่น ๆ ผิดพลาดทุกเสี้ยวนาทีหรือไม่
หลังจากที่ได้ตั๋วดูเดอะ ลันท์ส ผมนั่งแท็กซี่ไปยังสวนสาธารณะ ผมน่าจะขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินหรืออะไรมากกว่า เพราะเงินของผมชักร่อยหรอลงทุกที แต่ผมอยากไปให้พ้นบรอดเวย์เร็วเท่าที่จะเร็วได้ล่ะ
มันสุดแย่เต็มทีในสวนสาธารณะ ไม่เย็นเกินไป แต่ดวงอาทิตย์ก็ยังไม่โผล่ให้เห็น และมันก็ยังดูเหมือนว่าไม่มีอะไรเลยในสวนสาธารณะ ยกเว้นขี้หมา กองเสมหะ ก้นซิการ์พวกคนแก่ รวมทั้งม้านั่งที่ต้องก้นเปียกแฉะแน่ถ้านั่งลงไป มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกสุดเซ็ง แทบทุกขณะ อย่างไร้เหตุผล จนบางทีชวนขนลุกตอนเดินผ่านแถวนั้น
มันไม่ยักเหมือนบรรยากาศช่วงวันคริสต์มาสที่ใกล้จะมาถึงเลย ไม่เหมือนบรรยากาศอะไรสักอย่างที่ใกล้เข้ามาทุกที แต่ผมก็ยังคงเดินต่อไปยังร้านค้า เพราะโฟบี้มักจะแวะไปที่นั่นเมื่อมาเดินเล่นในสวนสาธารณะ เธอชอบเล่นสเกตใกล้เวทีแสดง
มันน่าตลกดี เป็นสถานที่เดียวกันที่ผมชอบไปเล่นสเกตสมัยยังเป็นเด็กเล็ก
เมื่อผมไปถึงที่นั่น ผมไม่เห็นเธออยู่ตรงไหนเลย มีเด็กๆไม่กี่คนเท่านั้นที่เล่นสเกตอยู่ กับเด็กผู้ชายสองคนกำลังเล่นโยนลูกซอฟต์บอล แต่ไม่เห็นโฟบี้
ผมเจอเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ นั่งอยู่บนม้ายาวคนเดียว กำลังผูกเชือกรองเท้าสเกตให้กระชับ ผมคิดว่าบางทีเธออาจจะรู้จักโฟบี้บ้าง และบอกว่าโฟบี้อยู่ตรงไหน ดังนั้นผมจึงเดินเข้าไปหาและนั่งลงใกล้ ๆ ถามว่า
“โทษนะ หนูรู้จักโฟบี้ คอลฟีลด์ บ้างหรือเปล่า โทษที”
“ใครนะ” เธอพูด เธอสวมกางเกงยีนและสเวตเตอร์หลายชั้นบอกได้เลยว่าแม่เธอเย็บไว้สำหรับเธอเลยทีเดียว เพราะว่ามันหลวมโพรกอย่างกับอะไรดี
“โฟบี้ คอลฟีลด์ ไง เธออยู่แถวถนนเจ็ดสิบเอ็ด เรียนอยู่เกรดสี่”
“คุณรู้จักโฟบี้ด้วยเหรอ”
“ใช่ล่ะ ฉันเป็นพี่ของโฟบี้ รู้มั้ยว่าเธอไปอยู่ที่ไหน”
“เธออยู่ชั้นของมิสคัลลอนใช่มั้ยคะ” เด็กผู้หญิงคนนี้ถามต่อ
“ฉันไม่รู้หรอก คงใช่มั้ง”
“อาจไปเดินดูพิพิธภัณฑ์แล้วก็ได้ เราไปกันเมื่อวันเสาร์ที่แล้วด้วย” เด็กผู้หญิงเล่า
“พิพิธภัณฑ์ที่ไหนล่ะ” ผมถาม
เธอทำท่ายักไหล่ทำนองว่า “หนูไม่รู้” เธอบอกว่า “ก็พิพิธภัณฑ์ไง”
“ฉันรู้ แต่ใช่ที่มีโรงหนังตั้งอยู่ด้วยหรือเปล่า หรือที่มีอินเดียนแดงอยู่ล่ะ”
“ใช่พิพิธภัณฑ์ที่มีคนอินเดียนแดงนั่นแหละ”
“ขอบใจมากนะจ๊ะ” ผมเอ่ยพร้อมกับลุกขึ้นและเดินออกไป แต่ฉุกคิดได้ว่านี่มันวันอาทิตย์ “วันนี้เป็นวันอาทิตย์” ผมบอกกับเด็กหญิงคนนั้น
เธอเงยมองผม “โอ๊ะ งั้นเธอก็ไม่ไปที่นั่นหรอก”
เธอดูเหมือนจะมีเวลามากเหลือเฟือในการผูกเชือกรองเท้าสเกต เธอไม่มีถุงมือห่อหุ้ม มือทั้งสองเลยแดงและเย็นยะเยียบ
ผมช่วยเธอผูกเชือกรองเท้า ไอ้หนูเอ๊ย ผมเล่นสเกตไม่ได้เรื่องเลยตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว มันไม่เห็นจะสนุกเลย ถึงคุณสอนให้ผมเล่นสเกตตั้งแต่นี้ไปจนถึงสิบปีข้างหน้า ผมถึงจะรู้และเข้าใจว่ามันคืออะไร
เธอขอบคุณผมที่ผูกเชือกรองเท้าสเกตให้ เธอเป็นเด็กน่ารักมาก เป็นเด็กดีคนหนึ่ง โอพระเจ้า ผมชอบจังเลยเวลาที่พบเด็กเล็กน่ารักและสุภาพอย่างนี้ตอนที่คุณผูกเชือกรองเท้าสเกตให้แน่นหรือว่าทำอะไรสักอย่าง เด็กเล็กส่วนมากก็เป็นแบบนี้แหละ
ผมชวนเธอไปดื่มช็อกโกแลตร้อน ๆ หรืออะไรก็ได้กับผม เธอตอบปฏิเสธพร้อมกับขอบคุณ เธอบอกว่าจะไปหาเพื่อน เด็ก ๆ มักจะต้องไปหาเพื่อนเสมอ ๆ ล่ะ โอยจะบ้าตาย
แม้ว่าเป็นวันอาทิตย์และโฟบี้ไม่ได้ไปที่นั่นกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนก็ตาม แม้ว่ามันจะสกปรกเลอะเทอะอย่างไร ผมก็เดินไปตามทางตลอดในสวนสาธารณะจนทะลุถึงพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติ ผมรู้จักพิพิธภัณฑ์นั้นราวกับหนังสือเล่มหนึ่ง
โฟบี้เข้าเรียนโรงเรียนเดียวกับที่ผมเคยเรียนสมัยเด็ก ๆ และเราเคยไปที่นั่นด้วยกันตลอด เรามีคุณครูมิสไอเกิลทิงเจอร์ เป็นคนพาไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์แทบทุกวันเสาร์ บางครั้งเราดูสัตว์ต่างๆ บางทีก็ไปดูสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่ชาวเผ่าอินเดียนแดงทำขึ้นมาในสมัยเก่าก่อน อย่างเช่นหม้อ ชาม และตะกร้าสานอะไรพวกนั้น
ผมเป็นสุขใจจังตอนที่นึกถึงเรื่องนี้ แม้แต่เดี๋ยวนี้ผมยังจำได้เลย
หลังจากที่เราไปดูสิ่งของที่ชาวอินเดียนแดงสร้างขึ้น เรามักเข้าไปดูภาพยนตร์ในหอประชุมใหญ่ โคลัมบัส เขามักฉายการค้นพบทวีปอเมริกาของโคลัมบัส มีเวลาเหลือเฟือในการขอยืมเงินจากตาเฟอร์ดินานด์ และยายอิซซาเบลล่าไปหาซื้อเรือเดินทะเลหลายลำรวมทั้งกลาสีเรือที่แข็งข้อกับเขา
ไม่มีใครสนใจเรื่องของโคลัมบัสหรอก แต่คุณจะต้องมีพวกของกินทอฟฟี่หรือหมากฝรั่งพกติดตัวไปด้วย และในห้องประชุมใหญ่นั้นมีกลิ่นกรุ่นหอม กลิ่นคล้ายกับฝนตกข้างนอก แม้ว่าฝนจะไม่ตกเลยก็ตาม แล้วคุณก็อยู่ในสถานที่ที่บรรยากาศแห้งสบายในโลกนี้
ผมรักพิพิธภัณฑ์นั้นมาก ผมยังระลึกถึงการไปเยือน ต้องผ่านห้องแสดงของชาวอินเดียนแดงก่อนไปถึงห้องประชุมใหญ่ มันเป็นห้องที่ยาวมาก ๆ แล้วคุณได้รับอนุญาตให้คุยกันแค่กระซิบกระซาบเท่านั้น
คุณครูจะนำไปก่อนคนแรก นักเรียนจึงค่อยๆเดินตามกันไป อาจจะเรียงเป็นสองแถวแบบเด็ก ๆ คุณจะถูกจับคู่กับเพื่อน ส่วนใหญ่ผมมักจับคู่กับเด็กผู้หญิงชื่อ เกอร์ทรูด ลีไวน์ เธออยากจะกุมมือคุณตลอดเวลาเชียว แล้วมือของเธอก็ช่างเหนียวเหนอะ เหงื่อซึม
พื้นห้องเป็นหินอ่อนหากคุณมีลูกหินหลายลูกในมือ ลองปล่อยลงพื้นสิ มันจะกระเด้งกระดอนไปทั่วจนหัวหมุนไปหมด กลิ้งไปตามพื้นแล้วเกิดเสียงกระทบอึงคะนึงอย่างมาก คุณครูก็จะเหลียวมาดูกลุ่มนักเรียนว่ามันเกิดอะไรขึ้น เธอไม่เคยโกรธอะไรเลยสำหรับคุณครูไอเกิลทิงเจอร์
จากนั้นคุณจะเดินผ่านเรือแคนูของนักรบอินเดียนแดงที่ใช้ออกศึกสงคราม ขนาดของเรือยาวเท่า ๆ กับรถคาดิลแลคสามคันต่อกันเลย บรรจุนักรบอินเดียนแดงได้สักยี่สิบคน บางคนทำท่าพายจ้ำ บางคนยืนชะเง้อมองไปรอบ ๆ ดูน่าเกรงขาม แต่ละคนมีสีทาใบหน้าแบบนักรบที่กำลังออกศึก
มีคนหนึ่งท่าทางราวกับปีศาจอยู่ท้ายสุดของลำเรือ สวมหน้ากาก ท่าทางจะเป็นหมอผีทำให้รู้สึกขนลุกเกรียว แต่ผมก็ชอบเขานะ
อีกอย่างหนึ่งถ้าคุณแตะต้องหนึ่งในนักรบที่เป็นฝีพายอยู่หรือส่วนไหนก็ตามขณะที่เดินผ่าน เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์จะพูดกับคุณ
“อย่าแตะต้องอะไรทั้งสิ้นนะเด็ก ๆ “ ด้วยน้ำเสียงสุภาพอ่อนโยน ไม่เหมือนแบบตำรวจแย่ ๆบางคน
จากนั้นคุณก็จะเดินผ่านตู้กระจกขนาดใหญ่ มีอินเดียนแดงหลายคนอยู่ในนั้น กำลังใช้กิ่งไม้ขัดสีกันเพื่อก่อกองไฟ และผู้หญิงอินเดียนแดงนั่งผ้าห่มขนสัตว์ หญิงอินเดียนแดงที่ถักผ้าห่มขนสัตว์อยู่ในอากัปกริยาโน้มตัวจนคุณเห็นทรวงอกเต็ม ๆ เลยล่ะ
เรามักชอบแอบจ้องมองเธอ แม้แต่นักเรียนหญิงก็ไม่วายจ้องดูเหมือนกัน เพราะว่าพวกเธอเป็นแค่เด็ก ๆ และไม่มีหน้าอกเหมือนอย่างที่เราเห็น
จากนั้นก่อนจะเข้าไปในห้องประชุม ด้านขวาของประตูจะเดินผ่านชาวเอสกิโมที่นั่งอยู่ปากรูในทะเลสาบน้ำแข็ง กำลังตกปลาจากรูที่เจาะลงไป มีปลาสองตัววางอยู่ถัดจากปากรูน้ำแข็ง นั่นเป็นปลาที่ตกได้
ไอ้หนูเอ๋ย พิพิธภัณฑ์นี่เต็มไปด้วยตู้กระจก ยังมีอีกมากมายที่ชั้นบน มีกวางอยู่ข้างในกำลังกินน้ำจากแอ่งน้ำเล็ก ๆ และฝูงนกกำลังบินอพยพลงไปทางใต้ในช่วงฤดูหนาว นกที่ใกล้คุณที่สุดเป็นนกที่ถูกสตั๊ฟฟ์ไว้แขวนด้วยเส้นลวด ส่วนตัวที่อยู่ด้านหลังเป็นภาพวาดบนฝาผนัง แต่ทั้งหมดก็มองเหมือนว่ามันกำลังบินลงไปทางใต้จริง ๆหากคุณก้มศีรษะลงแล้วมองกลับหัว พวกมันยิ่งดูราวกับตัวโตขึ้นและรีบเร่งบินลงไปทางใต้เลยทีเดียว
ที่ยอดเยี่ยมสุดในพิพิธภัณฑ์นั้น คือทุกสิ่งทุกอย่างมันอยู่ของมันอย่างนั้นตลอดกาลไม่มีเปลี่ยนแปลง ไม่มีใครมาขยับโยกย้ายที่ตั้งใหม่เลย
คุณอาจจะไปที่นั่นนับพันเที่ยว เอสกิโมก็ยังคงนั่งตกปลาได้สองตัวเหมือนเดิม พวกฝูงนกอพยพก็ยังคงมุ่งหน้าลงทางใต้ กวางก็ยังคงดื้่มน้ำจากแอ่งน้ำอยู่ มีเขาสวยงามและเรียวขาผอมบาง ส่วนหญิงอินเดียนแดงที่เปลือยอก ก็ยังคงนั่งทอผ้าห่มขนสัตว์ผืนเดิมอยู่ ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงแตกต่างจากเดิมเลย
สิ่งที่เปลี่ยนไปในพิพิธภัณฑ์ก็คือตัวคุณ ไม่เพียงแต่คุณจะแก่ลงไปเท่านั้น ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยจริง ๆ คุณนั่นแหละที่เปลี่ยนแปลง มันก็เท่านั้นเอง
คุณสวมเสื้อคลุมยาวในเวลานี้หรือตอนที่เด็กที่จับคู่กับคุณในแถวตอนล่าสุดเป็นอีสุกอีใส คุณก็ได้จับคู่กับคนใหม่ หรือคุณมีคุณครูอีกคนมาแทนครูประจำชั้น แทนที่จะเป็นมิสไอเกิลทิงเจอร์ หรือคุณอาจจะได้ยินแม่กับพ่อทะเลาะกันรุนแรงในห้องน้ำ หรือคุณอาจเคยผ่านรถหรูคันหนึ่งในกลุ่มบนถนนที่มีน้ำมันสีสายรุ้งบนคันรถ ผมหมายถึงว่าคุณต้องเปลี่ยนแปลงไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ผมอธิบายไม่ได้ว่ามันคืออะไร แม้จะทำได้ ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะชอบมัน
ผมหยิบหมวกล่าสัตว์ออกจากกระเป๋าขณะเดินแล้วก็สวมใส่ ผมรู้สึกว่าจะไม่ได้เจอใครที่รู้จักผมจนเห็นเป็นเรื่องน่าสมเพช ผมคงเดินดุ่มต่อไป ใจยังคงนึกถึงโฟบี้ ตอนไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ในวันเสาร์อย่างที่เคยไป
ผมคิดถึงตอนที่เธอเห็นสิ่งของในนั้น เหมือนอย่างที่ผมเห็น และความแตกตางทุกครั้งที่เธอได้เห็นในพิพิธภัณฑ์นั่น มันไม่ทำให้ผมรู้สึกเศร้าหดหู่นักหรอกที่คิดถึงเรื่องพวกนี้
แต่ก็ไม่ทำให้ผมรู้สึกเพลิดเพลินใจเลยเหมือนกันแน่นอนคือพวกนั้นก็ยังคงตั้งอยู่อย่างที่มันเคยเป็น คุณลองไปดูอย่างใกล้ชิดในตู้กระจกสักครั้งสิ แล้วก็จากไป ผมรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่มันก็แย่จังเลย ผมยังคิดถึงเรื่องนี้ตลอดขณะย่ำเท้าก้าวเดิน
ผมเดินผ่านสนามเด็กเล่น และหยุดยืนดูเด็ก ๆ สองคนบนกระดานหก คนหนึ่งค่อนข้างอ้วน ผมช่วยจับข้างเด็กที่รูปร่างผอมบางกว่า เพื่อเพิ่มน้ำหนักถ่วง แต่คุณพูดได้เลยว่า พวกเขาไม่ต้องการผมหรอก ผมเลยปล่อยพวกเขาเล่นไปตามเรื่องตามราว
แล้วเรื่องสนุก ๆ ก็บังเกิดขึ้น ตอนที่ไปพิพิธภัณฑ์ ผมเกือบจะไม่ได้เข้าไปในนั้นทันทีหรอก มันไม่ได้มีอะไรน่าเชิญชวนเลย
ผมเดินทะลุผ่านสวนสาธารณะตลอดและมองไปข้างหน้า ถ้าโฟบี้อยู่ที่นี่ บางทีผมอาจจะเข้าไปเหมือนกัน แต่ขณะนี้เธอไม่อยู่ ดังนั้นทั้งหมดที่ผมทำได้ ก็โบกแท็กซี่ที่หน้าพิพิธภัณฑ์ไปยังโรงละคสรบิลท์มอร์
ผมไม่อยากไปหรอก แต่ก็นัดแซลลี่ไว้แล้วนี่ ทำยังไงได้