Sunday, November 24, 2024
More
    Homeเรื่องสั้น-วรรณกรรมวรรณกรรมแปล “ผู้พิทักษ์ทุ่งข้าวไรย์”ตอน 18

    วรรณกรรมแปล “ผู้พิทักษ์ทุ่งข้าวไรย์”ตอน 18

    ตอน 18

    ตอนที่ออกจากลานสเกตน้ำแข็งชักหิวแล้ว

    เลยแวะซื้อแซนด์วิชเนยสวิสและนมข้าวมอลต์หนึ่งกล่อง แล้วเข้าไปในตู้โทรศัพท์ คิดว่าจะโทรหาเจนสักหน่อย อยากรู้ว่าเธอกลับบ้านไปแล้วหรือยัง

    ผมหมายถึงว่าผมมีเวลาว่างตลอดเย็น คิดว่าน่าจะลองโทรไปหาเธอ ถ้าเธอยังไม่กลับบ้านก็พาเธอไปเต้นรำหรืออะไรสักอย่างที่ไหนสักแห่ง

    ผมไม่เคยเต้นกับเธอเลยตลอดที่รู้จักกัน เคยเห็นแต่เธอเต้นรำครั้งหนึ่ง ดูราวกับนักเต้นเก่งคนหนึ่ง

    ตอนนั้นเป็นงานฉลองวันชาติสี่กรกฎาคมที่คลับแห่งหนึ่ง ผมยังไม่สนิทสนมกับเธอเท่าใดนัก และไม่คิดว่าสมควรจะแย่งเธอไปจากคู่เดต เธอออกเดตกับไอ้จอมเฟี้ยว อัล ไพค์ ตอนนั้นมันอยู่ที่โคเอต

    ผมไม่รู้จักมันมากนัก เห็นแต่มันชอบไปเตร่อยู่แถวสระว่ายน้ำ สวมกางเกงว่ายน้ำสีขาว  ชอบกระโดดจากกระดานโดดน้ำ เรือนร่างเต็มไปด้วยมัดกล้า แต่ไร้มันสมอง ถึงอย่างไรมันก็คือคู่เดตของเจนในคืนนั้น

    ผมไม่เข้าใจเลยจริงสาบานได้ หลังจากที่เราเริ่มไปไหนมาไหนด้วยกัน ผมก็ลองถามว่าเป็นยังไงถึงได้ไปออกเดตกับเจ้าอัล ไพค์ จอมโวนั่น  

    เจนบอกว่า มันไม่ใช่คนขี้โอ่หรือชอบโชว์ออฟอะไรหรอก เธอบอกว่ามันแค่มีปมด้อยเท่านั้น เธอทำราวกับว่าเสียใจแทนมัน แล้วเธอก็ไม่ได้เก็บเอามาคิดอะไรอีก

    มันน่าตลกจริงกับผู้หญิง ทุกคร้้งที่คุณแสดงความเห็นเกี่ยวกับผู้ชายที่สุดห่วยระยำโคตร หรือพวกหยิ่งยโสสุดเมื่อผู้หญิงได้ยินมักจะบอกคุณว่าเขาเป็นแค่คนมีปมด้อยเท่านั้นเอง

    มันก็ใช่ล่ะ แต่นั่นก็ยังไม่พ้นข้อครหาว่าไอ้ยอดสถุนในทัศนะของผมหรอก โธ่เอ๋ยผู้หญิงนี่หนอ คุณไม่รู้หรอกว่าพวกเธอคิดอะไร

    ผมเคยรู้จักผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นกับโรเบอร์ตา  วอลช์ แฟนของเพื่อนผมชื่อ ๊อบ โรบินสัน ไอ้หมอนี่เป็นคนมีปมด้อยอย่างแท้จริง บอกได้เลยว่ามันเป็นคนที่จะอายมากถ้าเกี่ยวกับพ่อแม่ของมัน เพียงเพราะพ่อแม่ของมันพูดไม่ค่อยถูกหลักภาษาใช้คำกริยาผิดที่ผิดทางไม่ถูกหลักไวยากรณ์

    ทั้งคู่ไม่ใช่คนมีอันจะกิน แต่ก็ไม่ใช่คนเลวอะไร เป็นคนดีทีเดียวล่ะ แต่หญิงสาวเพื่อนของโรเบอร์ตาวอลช์ ไม่ชอบเขาเลย เธอบอกโรเบอร์ตาว่าเขาเป็นคนเย่อหยิ่งจองหองอวดดี

    นี่แหละสิ่งที่แย่ของผู้หญิง

    ถ้าเธอชอบไอ้หนุ่มคนไหนที่ไม่ว่ามันจะเลวระยำสักเท่าใด พวกเธอจะปกป้องบอกว่ามีมันแค่มีปมด้อยนิดหน่อยเอง แต่ถ้าเธอไม่ชอบขี้หน้าล่ะก้อ ไม่ว่าผู้ชายคนนั้นจะแสนดีวิเศษขนาดไหนหรือมีปมก็ตาม พวกเธอจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไอ้หมอนี่เป็นพวกขี้โอ่ยโสโอหังสิ้นดี แม้ผู้หญิงที่ดูฉลาดก็เถอะมักคิดอย่างนี้เหมือนกัน

    อย่างไรก็ตามผมโทรไปหาเจนอีกหน แต่ไม่มีเสียงตอบทางปลายสาย จึงต้องวางหูแล้วเปิดสมุดรายชื่อผู้ใช้โทรศัพท์ ดูสิว่าจะมีใครว่างในช่วงเย็นนี้หรือเปล่า มันแย่ตรงที่สมุดรายชื่อของผมมีเพียงสามรายชื่อเท่านั้น เจน นายแอนโทนี่ ครูของผมที่เอลค์ตัน ฮิลล์ส และหมายเลขโทรศัพท์ที่ทำงานของพ่อผม ผมแสร้งไม่ใส่ชื่อไว้

    ที่สุดผมก็โทรไปหา เจ้าคาร์ล ลูเช่ เจ้านี่จบจากโรงเรียนวูตัน หลังจากที่ผมลาออกมาก่อนแล้ว มันแก่กว่าผมสักสามปี ผมไม่ค่อยชอบมันหรอก แต่มันเป็นหนึ่งในกลุ่มเด็กเรียน ไอคิวสูงสุดในโรงเรียนวูตันเลยทีเดียว

    ผมคิดว่ามันอาจอยากจะออกมากินอาหารมื้อค่ำกับผมที่ไหนสักแห่งก็ได้ แล้วก็คุยกันอย่างคนมีความรู้ มันเป็นคนร่าเริงคนหนึ่ง ผมเลยไปโทรไปหา ตอนนี้มันเรียนที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย แต่ยังพักอยู่แถวถนนซิกซ์ตี้-ฟิฟท์ ผมคิดว่ามันจะมาแน่

    ตอนโทรไปหามันบอกว่าออกมาดินเนอร์ไม่ได้ แต่พอจะออกมาดื่มได้ราวสี่ทุ่มที่วิคเกอร์ บาร์ ถนนฟิฟตี้-โฟร์ท ผมคิดว่ามันคงแปลกใจมากที่ผมโทรไปหามัน ผมเคยด่ามันว่าไอ้จอมตอแหลก้นบานด้วยล่ะ

    พอมีเวลาบ้างที่จะหาอะไรทำก่อนสี่ทุ่ม เลยแวะไปดูโชว์ที่เรดิโอซิตี้ เกือบจะเป็นเรื่องสุดเลวร้ายที่เคยทำล่ะ ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง ก็ผมไม่รู้จะทำอะไรดีกว่านี้แล้วนี่

    ผมเข้าไปในสถานบันเทิงที่การแสดงเริ่มไปบ้างแล้ว เดอะ ร็อกเก็ตส์ สะบัดหัวอย่างเมามันแบบที่พวกนี้ทำเวลาอยู่ในแถว แขนโอบกอดเอวของกันและกัน คนดูก็กรี๊ดกันอย่างบ้าคลั่ง บางคู่ที่อยู่ข้างหลังผมพูดกับภรรยาของเขาว่า

    “เธอรู้รึเปล่าว่ามันหมายถึงอะไร นั่นคือความเฉียบขาดแน่นอน”

    ผมอยากจะอ้วกจริงๆ

    จากนั้นหลังจบการแสดงของเดอะ ร็อกเกตส์ ชายหนุ่มในชุดทักซิโด้สวมรองเท้าโรลเลอร์สเกตก็ออกมาวาดลวดลาย เริ่มสเกตไปตามระหว่างแถวที่นั่งคนดู ทำท่าทางตลก ๆ ขณะวิ่งสเกตไปอย่างช่ำชองเลยทีเดียว

    แต่ผมไม่ยักสนุกสนานไปด้วย เพราะผมนึกไปถึงตอนที่เขาฝึกฝนอย่างแสนสาหัสกว่าจะออกมาโชว์ลีลาได้อย่างสุดพลิ้วขนาดนี้  มันช่างไร้สาระจัง ผมไม่มีอารมณ์อยากสนุกสนานเลย

    หลังจากโชว์ของนักสเกต มีการแสดงเกี่ยวกับวันคริสต์มาสที่เรดิโอ ซิตี้ ทุกปี โดยผู้แสดงเป็นเทพธิดาโผล่ออกมาจากบ๊อกซ์ที่นั่งจากทุกมุมของโรงแสดง ผู้ชายถือไม้กางเขน ติดเครื่องหมายของศาสนาคริสต์ออกมาทั่วทุกบริเวณที่นั่ง ตลอดแถวดูเหมือนจะมีนับพัน ๆ คน ร้องประสานเสียงเพลง

    “มาร่วมกัานเถิดผู้ศรัทธาในคริสตศาสนา”

    เอาจริงเอาจังมาก สำคัญนักทีเดียว มันช่างมีบรรยากาศน่าอบอวลไปด้วยความศรัทธาแรงกล้าเหลือเกิน แต่ก็ไม่เห็นมีตรงไหนจะดูเหมือนพิธีกรรมทางศาสนาและเคร่งครัดศักดิ์สิทธิ์

    ให้ตายสิ นักแสดงกลุ่มที่ถือไม้กางเขนวิ่งไปทั่วเวทีแสดง เมื่อจบการแสดงและเริ่มเข้าไปที่บ๊อกซ์ประจำอีกครั้ง คุณบอกได้เลยว่าพวกเขาแทบทนรออีกไม่ไหวแล้วที่จะออกไปอัดบุหรี่สักมวน ผมเคยเห็นตอนที่ไปดูกับแซลลี่ เฮย์ส เมื่อปีก่อน เธอเอาแต่พูดว่าสวยจังสวยเหลือเกิน เครื่องแต่งกายอะไรพวกนั้น ผมว่าจีซัสอาจะเวียนหัวถ้าพระองค์มาเจอสภาพแบบนี้ ชุดแฟนซีหลากสีหลากลวดลาย

    แซลลี่หาว่าผมเป็นพวกไม่เชื่อในพระเจ้า ชอบลบหลู่ศาสนา

    ผมอาจเป็นแบบนั้นจริง เรื่องมันอยู่ที่ว่าจีซัสอาจจะชอบที่จะเป็นเหมือนชายหนุ่มที่เล่นกลองก้นกลมในวงออเคสตร้าก็เป็นได้  ผมเคยเห็นชายคนนี้มาตั้งแต่ตอนผมอายุแปดขวบ น้องชายผมแอลลี่กับผม ถ้าเราไปกับพ่อแม่ เรามักจะย้ายที่นั่งไปดูใกล้เพื่อเห็นเขาถนัด

    เขาเป็นมือกลองที่ยอดเยี่ยมเท่าที่ผมเคยเห็นมาเลย เขามีจังหวะกระหน่ำกลองเพียงครั้งสองครั้งตลอดทั้งงานชิ้นนั้น แต่เขาก็ดูท่าทางไม่เบื่อหน่ายเลยตอนที่ไม่ได้หวดกลอง แต่เมื่อถึงโอกาสเล่นเขาก็หวดได้ดังกังวานใสและนุ่มนวลดีจัง โดยที่สีหน้าดูเกร็งและเคร่งเครียดเหลือเกิน

    มีครั้งหนึ่งตอนที่เราไปวอชิงตันกับพ่อ แอลลี่ส่งโปสการ์ดไปให้เขาด้วยล่ะ แต่พนันได้ว่าเขาไม่ได้รับโปสการ์ดนั่นหรอก เราไม่ค่อยแน่ใจว่าเขียนที่อยู่เขาถูกต้องหรือไม่

    ลัการแสดงโชว์วันคริสต์มาสผ่านไป หนังห่วยก็เริ่มฉาย มันโคตรน้ำเน่าเลย แต่ไม่อาจละสายตาได้

    เป็นเรื่องของหนุ่มอังกฤษคนหนึ่ง ชื่ออเล็ก หรืออะไรนี่แหละ ไปสงครามแล้วก็สูญเสียความทรงจำอยู่ในโรงพยาบาล เขาออกจากโรงพยาบาลถือไม้ตะพดเดินกระย่องกระแย่งไปทั่วลอนดอน ไม่รู้กระทั่งว่าตัวเองเป็นใคร

    ความจริงเขาเป็นถึงดยุค แต่เขาไม่รู้ตัวเองหรอก แล้วต่อมาก็ไปประสบพบหญิงสาวที่เป็นกุลสตรีแท้ขณะก้าวขึ้นรถบัส หมวกของเธอหลุดปลิวลอยไป เขาคว้ไว้ได้ทัน และแล้วเขาก็ขึ้นไปชั้นบนและนั่งคุยกันถึงเรื่องนักประพันธ์นามชาร์ลส์ ดิคเคนส์ เป็นนักเขียนคนโปรดของคนทั้งสองด้วย

    เขามักถือหนังสือเรื่อง โอลิเวอร์ ทวิสต์ มาด้วยเช่นเดียวกับเจ้าหล่อน ผมอยากอ้วกจัง

    แล้วทั้งสองก็เป็นอันตกหลุมพิศวาสรักใคร่กันเข้าแล้ว ด้วยปมตรงกันที่ทั้งคู่ชอบชาร์ลส์ ดิคเคนส์ เลยได้มีโอกาสไปช่วยเธอประกอบกิจการโรงพิมพ์ เธอเป็นเจ้าของสำนักพิมพ์ เพียงแต่กิจการไม่ค่อยรุ่งเรืองนัก เพราะพี่ชายของเธอติดสุราหยำเป ใช้เงินมือเติบ มีชีวิตที่ระทมอมทุกข์ เคยเป็นถึงนายแพทย์ทหารแต่ตอนนี้ไม่สามารถแม้แต่จะลงมีดผ่าตัดได้อีกต่อไป เนื่องจากมีอาการทางประสาทด้วยจากการติดสุราอย่างหนักตลอดเวลา แต่ก็เป็นคนที่ฉลาดเอาเรื่อง

    ส่วนอเล็กก็เขียนหนังสือนิยายโดยแฟนสาวเป็นผู้จัดพิมพ์ให้ ทั้งสองสร้างฐานะมั่งคั่งจากอาชีพนี้ จนกระทั่งพร้อมจะร่วมครองคู่ชีวิตด้วยกันยู่แล้ว คู่หมั้นของอเล็กชื่อ มาร์เซี ก็โผล่มา

    เธอจำอเล็กได้ดีตอนที่เห็นเขาอยู่ในโรงพิมพ์ เธอพยายามบอกให้เขาระลึกว่าเขาเป็นดยุค แต่เขาไม่เชื่อและไม่ต้องการจะไปกับเธอเพื่อไปเยี่ยมแม่ แม่ของเขาตาบอด หญิงสาวที่เป็นคู่รักก็ส่งเสริมยุยงให้เขากลับไป เธอช่างมีน้ำใจสูงส่งเหลือเกิน เขาถึงยอมไปกับคู่หมั้นเก่าแต่ก็ยังไม่สามารถฟื้นความทรงจำได้

    แม้ตอนที่เจ้าสุนัขเกรทเดนกระโจนเข้าใส่เขา หรือแม่ลูบไล้ไปทั่วใบหน้าของเขา และนำตุ๊กตาหมีเทดดี้ที่เขาเคยหิ้วไปไหนมาไหนด้วยเสมอในตอนที่ยังเล็กมาให้ก็ตาม

    แต่ทันใดนั้นวันหนึ่งมีเด็กเล่นคริกเกตอยู่ในสนาม แล้วเขาถูกลูกคริกเกตลอยพุ่งมาโดนศีรษะเข้าอย่างจัง พลันเขาฟื้นระลึกความทรงจำได้ทันที เขาเริ่มกลับมาเป็นท่านดยุคอีกครั้งหนึ่งแล้วก็ลืมเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับหญิงสาวเจ้าของสำนักพิมพ์ไปเลย

    ผมอยากจะเล่าเนื้อเรื่องให้จบ แต่เกรงว่าจะอาเจียนก่อนจะเล่าจบแน่ ไม่ใช่ผมหาเหตุกวนใจคุณหรอก มันไม่มีอะไรเลยที่จะทำให้คุณหัวเสียหงุดหงิด ให้ตายสิเอ้า

    เรื่องมันลงเอยตรงที่อเล็กและกุลสตรีแม่ศรีเรือนได้แต่งงานกันในที่สุด ส่วนพี่ชายที่ขี้เมาก็หายจากอาการทางประสาท กลับมาเป็นแพทย์สามารถผ่าตัดนัยน์ตาให้แม่ของอเล็กจนทำให้กลับมามองเห็นได้อีก พี่ชายขี้เมาและคู่หมั้นเก่ามาร์เซียก็พบรักครองคู่กันอีกด้วย

    ฉากจบอยู่ตรงทุกคนมาร่วมโต๊ะดินเนอร์ยาว คุยหัวเราะกันอย่างสนุกสนานเป็นบ้า เนื่องจากเจ้าสุนัขเกรทเดนกลับเข้ามาพร้อมกับลูกสุนัขหลายตัว ตอนแรกทุกคนเข้าใจว่าเป็นตัวผู้ ผมเดาอย่างนั้นหรือห่าอะไรช่างเถอะ ทั้งหมดที่พูดได้คืออย่าไปดูหนังหลังจากโชว์วันคริสต์มาสผ่านไป หนเรื่องนี้เด็ดขาดถ้าคุณไม่อยากอาเจียนใส่ตัวเองไปทั้งตัว

    ส่วนหนึ่งผมประทับใจคือมีสุภาพสตรีนางหนึ่งที่นั่งติดกับผม เธอร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรแทบตลอดทั้งเรื่อง ยิ่งหนังเน่าแค่ไหนก็ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิมเสียอีก คุณอาจคิดว่าที่เธอเป็นอย่างนั้นเพราะว่าเธอเป็นคนอ่อนไหวอย่างมาก

     แต่ผมนั่งติดกับเธอ เธอก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรทั้งนั้น เธอมากับเด็กเล็กคนหนึ่งที่มีท่าทางเบื่อหน่ายเต็มที อยากจะเข้าห้องน้ำ แต่เธอก็ไม่นำพาด้วย เอาแต่บอกให้เด็กนั่งให้เรียบร้อย

    เธอช่างจิตใจเหี้ยมเกรียมดุจหมาป่าเลย บอกเลยคนที่ชอบร้องไห้กับหนังน้ำเน่า เชื่อได้ว่าเก้าในสิบของผู้หญิงพวกนี้ต้องมีจิตใจแสนเลวทรามแน่นอน ผมไม่ได้พูดเล่นนะ

    หลังหนังจบผมเดินไปที่วิคเกอร์ บาร์ ที่อาจจะเจอเจ้าคาร์ล ลูเช่ และระหว่างที่เดินผมก็หวนนึกไปถึงสงครามโน่น หนังสงครามทำให้ผมมักคิดอย่างนี้ ผมทนไม่ได้แน่ถ้าต้องไปอยู่ในสนามรบ ผมไม่เคยคิดอยากไปรบเลย มันอาจไม่เลวร้ายเลยก็ได้ ถ้าแค่เขาจับคุณออกมาและยิงคุณทันที แต่คุณต้องร่วมในกองทัพเป็นระยะเวลานานต่างหากล่ะ นั่นแหละมันเป็นเรื่องโหดร้ายสำหรับผม

    พี่ชายผม ดี.บี.เข้าไปอยู่ในกองทัพนานถึงสี่ปี ยังได้เข้าร่วมสงครามด้วย บุกขึ้นฝั่งในวันดีเดย์ แต่ผมว่าเขาเกลียดกองทัพมากกว่าสงคราม ตอนนั้นผมยังเด็กอยู่เลย แต่ก็จำได้ตอนที่เขากลับมาบ้านช่วงลาพัก สิ่งที่เขาทำตลอดช่วงนั้นก็คือนอนบนเตียงอย่างจริงจัง เขาแทบจะไม่แม้แต่เยื้องกายเข้าไปในห้องนั่งเล่น

    ต่อมาเมื่อเขากลับไปสงครามในโพ้นทะเล เขาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย และไม่ต้องการจะไปยิงใครอีกด้วย ท้ั้งหมดที่เขาต้องปฏิบัติก็เพียงเป็นพลขับให้นายพลในรถบัญชาการเท่านั้นเอง

    ครั้งหนึ่งเขาเคยเล่าให้แอลลี่และผมฟังว่าถ้าเขาจำเป็นต้องลั่นไกยิงศัตรู เขาก็ไม่มีทางรู้เลยว่าจะต้องยิงไปทิศทางไหน เขาบอกว่าในกองทัพเต็มไปด้วยพวกงี่เง่าระยำเหมือนอย่างพวกนาซีนั่นแหละ

    ผมจำได้ครั้งหนึ่งแอลลี่ถามเขาว่าเป็นเรื่องดีสำหรับเขาที่ได้เข้าสงครามใช่หรือไม่ เพราะว่าเขาเป็นนักเขียนและมันก็ทำให้เขามีวัตถุดิบในการเขียนมากมาย

    เขากลับบอกให้แอลลี่ไปเอาถุงมือเบสบอลมา และก็ถามว่าใครคือนักกวีสงครามที่ยอดที่สุด รูเพิร์ท บรูค หรือว่าเอมิลี ดิคคินสัน แอลลี่ตอบว่า เอมิลี ดิคคินสัน ตัวผมเองไม่รู้อะไรเพราะไม่ได้อ่านบทกวีมากมายอะไร  

    แต่ผมรู้ดีล่ะว่ามันทำให้ผมคลั่งแน่ ถ้าต้องเข้าร่วมกองทัพและร่วมอยู่กับคนอย่างเจ้าแอคลี่ย์และสแตรดเลเตอร์ และเจ้ามัวริชตลอดเวลาเดินแถวกับพวกนี้ตลอด

    ผมน่ะเคยเข้าค่ายลูกเสือสักสัปดาห์หนึ่ง และผมไม่อาจทนมองท้ายทอยของพวกที่ยืนอยู่ข้างหน้าได้หรอก เขามักจะตะโกนบอกให้จ้องมองท้ายทอยของคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าของคุณ

    ผมสาบานว่าถ้ามันจะเกิดสงครามขึ้นอีกสักครั้งหนึ่ง พวกเขาควรจะให้ผมยืนอยู่ข้างหน้าปืนใหญ่ไปเลย ผมจะไม่คัดค้าน

    สิ่งที่ติดใจผมเกี่ยวกับดี.บี.ตรงที่เขาเกลียดสงครามอย่างกับอะไรดี แล้วเขาก็เป็นคนแนะนำให้ผมอ่านวรรณกรรมเล่มนี้ อะ แฟร์เวล ทู อาร์มส์ เมื่อฤดูร้อนที่แล้ว เขาบอกว่ามันสุดยอดจริงนั่นที่ทำให้ผมไม่เข้าใจเลย

    มันเป็นเรื่องของร้อยโทเฮนรี่ หนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง ผมไม่เห็นว่า ดี.บี.เกลียดชังสงครามได้ยังไง และยังกลับชอบวรรณกรรมจอมหลอกลวงอย่างนั้นได้ยังไงด้วย แถมยังชอบอีกเรื่องหนึ่งของ ริง ลาร์ดเนอร์ หรืออีกเรื่องหนึ่งที่เขาคลั่งไคล้เอามากอย่าง เดอะ เกรท แกตสบี้  ดี.บี.จะฉุนมาก ถ้าผมบอกอย่างนั้นและก็จะพูดใส่ว่าผมยังเด็กเกินไปที่จะเข้าใจรับรู้อรรถรสของวรรณกรรม

    แต่ผมว่าก็ไม่เลวนะ ผมบอกเขาไปว่าผมชอบริง ลาร์ดเนอร์ และเดอะ เกรท แกตสบี้ ผมชอบจริงทั้งยังหลงใหล เดอะ เกรท แกตสบี้ เอามากนายแกตสบี้ กีฬาที่โปรดปราน ทุเรศตายชักถึงอย่างไรผมก็ยังยินดีที่พวกเขาคิดค้นสร้างระเบิดปรมาณูขึ้นมาสำเร็จ

    ถ้ามันเกิดมหาสงครามอีกครั้ง ผมก็จะเข้าไปนั่งบนยอดของมันเลยล่ะ ผมจะขออาสาพลีชีพเลย ผมตั้งปณิธานต่อพระผู้เป็นเจ้าว่าจะเสียสละชีพเลยทีเดียวนะ.

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments