ถามไถ่ว่าเป็นอย่างไรในวันนี้ เจ้าตัวบอกว่า “จากที่รับราชการมาจนเป็นผู้นำหน่วย ก็ต้องถือว่าเป็นสิ่งที่ผู้บังคับบัญชาไว้วางใจให้รับผิดชอบ มอบหมายให้มาทำงาน เราก็ต้องทำให้ดีที่สุด เพื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเพื่อพี่น้องประชาชน ส่วนใหญ่แล้วทางโซนนี้ปัญหาไม่ค่อยเกิด ส่วนใหญ่จะเป็นหน้าที่ของงานให้บริการ คือ สิงห์บุรี อ่างทอง ชัยนาท เป็นพื้นที่ที่คดีอุกฉกรรจ์มันน้อย เพราะเป็นทางผ่าน มันไม่ใช่เขตเมืองใหญ่ เป็นเมืองเล็ก ไม่มีอบายมุข ไม่มีสถานบริการ ชาวบ้านก็มีวิถีเกษตรกรรม วิถีพอเพียง ทำนา ก็เลยมีปัญหาไม่ค่อยมาก….”
ปัญหาที่เกิดขึ้น คือน้ำท่วม พื้นที่อ่างทอง จะเป็นพื้นที่รองรับน้ำของกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล เพราะฉะนั้นทุกหน้าน้ำ จะทำให้เกษตรกรได้รับความลำบาก ก็จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูแล ช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม วันนี้ทางจังหวัด หรือทางทหาร ตำรวจเอง ก็ช่วยกันคนละไม้คนละมือ แล้วมีภาคเอกชนอีกหลายๆ ส่วน นำสิ่งของหรือเครื่องยังชีพมาช่วย ในส่วนของตำรวจเอง เน้นในเรื่องของการบริการเป็นหลัก ทำอย่างไร ให้ได้รับการดูแลจากภาครัฐได้ดี การดูแลจากภาครัฐในเรื่องสวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
สิ่งที่กระทบคือ เวลาที่ข้าวราคาตกปุ๊บ ชาวนาขาดรายได้ ก็พยายามลงไปดู ว่าจะมีหนทางหาอาชีพเสริม หรือจะมีหนทางอย่างไร คุยกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น หรือทางจังหวัด ว่าจะพยุงราคาข้าว ได้หรือไม่ มีคำแนะนำว่า ข้าวอย่างเพิ่งรีบขาย ช่วยกันหาลานตาก เพื่อให้เปอร์เซ็นต์ความชื้นมันต่ำ จะได้ขายข้าวได้ราคามากขึ้น ตำรวจเรามี 7 อำเภอ 11 โรงพัก ลงพื้นที่หมด ไปช่วยชาวบ้านกันหมด อีกอย่างคือปีนี้ พอข้าวมันเหลือตันละ 5,000-6,000 มันเหนื่อยจริง คือมันขาดทุน
วันนี้พยายามคิด และคุยกับจังหวัด ลงไปช่วยเขา ว่าจะทำอย่างไร ให้เขาลดต้นทุนการผลิตข้าวให้ได้ ก็ลดในเรื่องของปุ๋ยวิทยาศาสตร์ พยายามใช้ปุ๋ยอินทรีย์ให้มากขึ้น ก็มาแก้ปัญหาเรื่องของยาฆ่าแมลง แล้วก็ใช้เครื่องจักรเข้ามาช่วย เพื่อให้ต้นทุนเฉลี่ยต่อไร่ ให้มันต่ำลง แล้วก็ทำอย่างไร ให้เพิ่มผลผลิตให้มากขึ้น แล้วก็แก้ปัญหาเรื่องความชื้น คือที่นี่แถวนี้ฝนตกบ่อย พอฝนตกบ่อย ข้าวก็ชื้น ถ้าตากไม่ได้ ราคาก็ไม่ดี
ตำรวจอ่างทองเอง 40-50% ก็คือทำนา ตำรวจก็อยู่แถวนี้ ก็วิถีชาวบ้าน ในส่วนตำรวจ เราก็มานั่งดู หาอาชีพเสริม เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ ปลูกต้นไม้ ทำอย่างไร ให้เขามีรายได้ ไม่ไปยุ่งกับเงินที่ทุจริต เป็นวิถีพอเพียง แม้กระทั่งตัวผู้บังคับการเอง ก็ทำตัวเป็นตัวอย่าง ว่าไม่ได้ฟุ้งเฟ้อ หัวหน้าโรงพัก ต้องไม่ฟุ้งเฟ้อ แล้วใช้ชีวิตให้พอเพียงให้สมดุลเป็นตัวอย่างให้ผู้ใต้บังคับบัญชา แล้วหลายโรงพักตอนนี้ ก็เลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ ปลูกต้นไม้ ทำสวนผัก แล้วก็มา แบ่งกันกิน ก็วิถีเกษตร วันนี้ต้องมาเน้นหนักกันในเรื่องของวิถีเกษตรนะ
สำหรับปัญหายาเสพติด ก็อาจจะมีปัญหาที่เป็นทางผ่าน จากอยุธยาไปสุพรรณ ทางวิเศษไชยชาญ ป่าโมกข์ ก็จับได้เรื่อยๆ นะ มากสุดก็แค่หลักพัน เพราะมันไม่ใช้เส้นทางขนยารายใหญ่ คือ มันจะแตกออกจากรายใหญ่ จะเป็นที่พักรายย่อย เป็นพ่อค้าระดับรองลงมา จะจับได้หลักพัน หลายพัน อะไรอย่างนี้ ส่วนกลุ่มผู้มีอิทธิพล มือปืน ในพื้นที่ เมื่อก่อนอ่างทอง มีปัญหาเรื่องมือปืน แต่วันนี้ วิถีชีวิตมันเปลี่ยนแปลงไป หลังจากที่ตำรวจกวดขัน วันนี้ซุ้มมือปืนในอ่างทอง ไม่มีแล้ว อีกอย่างคือ การเมืองท้องถิ่นเขาค่อนข้างเข้มแข็ง เพราะฉะนั้น การแข่งขัน การทะเลาะกันมันก็น้อย
ถามว่า ในการปรับตัวจากการเป็นรองผู้การจราจร ดูแลการจราจรคับคั่งในนครบาล แล้วมาอยู่ตรงนี้ ผมว่าเป็นตำรวจต้องทำงานได้ทุกรูปแบบตามที่ผู้บังคับบัญชาสั่ง วันนี้เขาให้เล่นบทชาวนา ก็ต้องเล่นบทชาวนา วันไหนให้เล่นบทโจร ต้องเล่นบทโจร วันไหนให้เล่นบทพระรอง ก็ต้องเป็นพระรอง วันนี้ผู้บังคับบัญชามอบหมายให้มาดูตรงนี้ ก็ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพียงแต่ว่าพื้นฐานที่บ้านเป็นคนชนบทอยู่แล้ว ฉะนั้นวิถีชาวบ้านเราเข้าใจอยู่แล้ว เลยทำงานไม่ยาก ผมเป็นคนลพบุรี โตที่ลพบุรี แล้วมาเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ แล้วก็มาเรียนโรงเรียนนายร้อย คือโตมากับทุ่งนามาตั้งแต่เด็กๆ พอมาอยู่ตรงนี้ วิถีชาวบ้านเราเข้าใจ และไปกับเขาได้
สรุปไม่มีอะไรหนักใจ หลังจากอยู่เมืองหลวง มาอยู่อ่างทอง นี่ งานสบาย ส่วนใหญ่เป็นงานมวลชน ไปดูไปช่วยเหลือชาวบ้าน ทำด้วยความเข้าใจ แล้วไปส่งเสริมเรื่องเกษตรเป็นหลัก อ่างทอง เป็นจังหวัดไม่ใหญ่มาก สัดส่วนประชากรต่อพื้นที่นิดเดียว เพราะฉะนั้น ในอำเภอ มันเห็นหน้ากันหมด ในพื้นที่พอมีเหตุเรื่องทะเลาะวิวาท ปัจจุบันทันด่วน อย่างในเมืองไม่ค่อยมี เพราะคนรู้จักกันหมด การพนันไม่มี อบายมุขไม่มี สถานบันเทิงไม่มี อยู่กันสงบสุข ไม่มี 3 เรื่องนี้ ทุกเรื่องก็เงียบหมดแล้ว คนที่นี่ ถ้าอยากเที่ยว จะขับรถเข้าอยุธยา พอเที่ยวเสร็จเขาก็กลับมา ข้ามถนนสายเอเชีย ไปนี่ ก็อยุธยา แล้ว 20-30 กิโลเมตร อยุธยา มีตัวเลือกได้มากกว่า เพราะฉะนั้นผู้ประกอบการ เลือกจะไปทำที่อยุธยา คนเที่ยวก็ไปเที่ยวอยุธยา ที่นี่ก็กลายเป็นที่กลับมานอนบ้าน
ว่าที่นายพลนรต.41 บอกให้ฟังตบท้าย “นโยบาย วันนี้ที่เราให้คือ 1.ต้องเป็นมิตรกับประชาชน ต้องดูแลประชาชนเหมือนพี่น้อง ครอบครัวของตำรวจ กับครอบครัวของประชาชน ต้องอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข แล้วพึงพอใจในอาชีพของตัวเอง รักษาเกียรติ มีชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ฟุ้งเฟ้อ ส่วนใครจะคิดว่าขึ้นมาเอาตำแหน่งเดี๋ยวก็ย้ายนั้น อย่างน้อยเราก็ต้องอยู่ตลอด จนกว่าผู้บังคับบัญชาจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น แต่ว่าไปอยู่ตรงไหนก็ต้องทำให้ดีที่สุด หน้าที่ของผู้บังคับบัญชา คือ ทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี เราจะอยู่ต่อ หรือย้ายไปไหน นั่นมันอีกเรื่องหนึ่ง แล้วแต่ผู้บังคับบัญชา
กากีกลาย14/12/59