รู้หน้าที่ มีความมุ่งมั่น ปัจจัยหลักสู่ชัยชนะแห่งความสำเร็จในชีวิต
คอลัมน์กุหลาบไร้หนามฉบับนี้เรามาทำความรู้จักสาวจากดินแดนที่ราบสูงเมืองหมอแคน แดนหมอลำ จ.ขอนแก่น อดีตสาวแบงก์ที่ไปใช้ชีวิตโกอินเตอร์อยู่ประเทศมหาอำนาจ สหรัฐอเมริกา และมีดีกรีการศึกษาไม่ธรรมดา จบปริญญาโทบริหารจากแคริฟอร์เนีย ซึ่งปัจจุบันผันตัวมาทำหน้าที่ “แม่บ้าน full time” เลี้ยงลูก ดูแลงานบ้านอย่างมีความสุข เขาผู้นี้คือ คุณ ลูลู คูสงวนชัย หรือเรียกสั้นๆว่า “ลู่”
ก่อนคุณลู่จะโกอินเตอร์ไปใช้ชีวิตที่ประเทศมหาอำนาจ ถือได้ว่าเธอเป็นหัวกะทิเรื่องการเรียน เธอจบมัธยมจากโรงเรียนขอนแก่นวิทยายน ซึ่งเป็นโรงเรียนคุณภาพระดับต้นๆของจ.ขอนแก่น จากนั้นเข้าสู่รัวมหาวิทยาลัยและจบปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับ 1 จากคณะวิทยาการจัดการ เอกการเงิน มหาวิทยาลัยขอนแก่น และการันตีว่าเป็นสาวเก่งด้วยวุฒิปริญญาโท Master of Business Administration (MBA) Major in Finance จาก California State University, Sacramento
สาวอีสานคนเก่ง เล่าถึงประสบการณ์การทำงานว่า เมื่อเรียนจบปริญญาตรี ก็เข้าทำงานที่ฝ่ายบริหารเงิน ธนาคารส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) โดยทำอยู่ 2 ปีครึ่ง แต่เป็นช่วงเวลาที่ได้ประสบการณ์ดีๆ ทำให้เราเติบโตทางความคิดและอารมณ์อย่างมาก รวมทั้งมีความสุขมากๆด้วย ประสบการณ์ที่นำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน หรือทุกสายงานคือ ได้เห็นความตรงต่อเวลาของผู้บริหารระดับสูงขององค์กรณ์ ได้เห็นความตั้งใจทำงานของหัวหน้าแผนกและพี่ๆเพื่อนๆ ที่ร่วมงานกัน เวลาทำงานก็จริงจังกับงานมาก แต่เมื่อถึงเวลาพัก ก็จะผ่อนคลายและคุยกันตลกโปกฮา เมื่อหมดเวลาพักก็กลับมาตั้งใจอย่างจริงจังกันต่อ มันเหมือนเราสับสวิตช์สลับไปมาได้ นั่นหมายถึงสิ่งที่ได้จากประสบการณ์ตรงนี้คือการมีวินัย รู้เวลา รู้กาละเทศะ รักในงานและองค์กร จึงทำให้การทำงานในช่วง 2 ปีครึ่งมีความสุข สนุก สอนให้เป็นผู้ใหญ่ ที่เริ่มต้นจากการเป็นนักศึกษา
แน่นอนว่าชีวิตต้องมีการพัฒนาไปข้างหน้า คุณลู่ก็เช่นเดียวกัน เธอมักจะพัฒนาเพิ่มศักยภาพให้ตัวเองอยู่เสมอ จึงบินลัดฟ้าข้ามน้ำข้ามทะเลไปเรียนต่อระดับปริญญาโทที่เธอถนัด จนเรียนจบคว้าปริญญาโทได้สำเร็จ และมีครอบครัวที่แสนอบอุ่น เธอตัดสินใจวางการบริหารธุรกิจ บริหารงาน มาทำหน้าที่ “แม่” ใช้ประสบการณ์ชีวิต ประสบการณ์การทำงาน การเรียนที่ผ่านมา มาบริหารจัดการงานในบ้าน นำมาใช้กับการเป็นแม่ เช่น เรื่องการสับสวิตช์เปลี่ยนบทบาท
“ลู่ก็จะมีกฏระเบียบที่เข้มงวดกับลูกในเรื่องการเรียน การซ้อมดนตรี แต่เมื่อลูกๆเสร็จภาระกิจตรงนั้น เราก็จะสลับบทบาทมาเป็นเพื่อนเขา คุยเล่นหยอกล้อ ยอมให้ลูกต่อรองอะไรกันได้บ้างตามสมควรคะ มันก็เกิดการบาลานซ์ที่เราจะไม่ดุลูก หรือตามใจลูกจนเกินไป ลูกก็เป็นเด็กมีวินัย มีความสุข ครอบครัวก็มีความสุข การเป็นคุณแม่ full time ทุ่มเทตัวเองเต็มที่ในการดูแลเรื่องงานบ้าน อาหาร การเรียนของลูก ขับรถรับส่งลูกไปทำกิจกรรมต่างๆ จนถึงจัดระเบียบชีวิตของลูกๆ ซึ่งลู่ว่าอาชีพแม่เต็มตัวเป็นอาชีพที่น่ายกย่องและน่าภูมิใจนะคะ ส่วนตัวรู้สึกดีใจที่ตัดสินใจสละอนาคตการงานของตัวเอง เพื่อมาทุ่มเทให้กับครอบครัว และต้องขอบคุณสามีด้วยที่สนับสนุน และเข้าใจว่าเราต้องเสียสละอะไรบ้างเพื่อแลกกับอนาคตของลูกและครอบครัวเรา ที่สำคัญคือขอบคุณทั้งสามีและลูกๆที่เห็นคุณค่าในตัวของเราอย่างมากค่ะ” สาวคนเก่งอธิบายด้วยความภูมิใจ
คุณลู่ยังบอกว่า ส่วนตัวมีคติประจำใจที่ว่า “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” เพราะผลของการกระทำมันอาจจะไม่แสดงออกมาเป็นรูปธรรม แต่ใจเราเองรู้ตลอดคะว่าเราทำอะไร ส่วนข้อคิดในการทำงานจะคิดเสมอว่า ทำงานอะไรก็แล้วแต่ ขอให้เราตั้งใจและไปให้สุดทาง ถึงอย่างไรมันก็ต้องออกมาดีอย่างแน่นอน ที่สำคัญคือการรู้หน้าที่ ซึ่งถือเป็นสิ่งใหญ่สำหรับเธอ เพราะถูกสอนมาให้รู้ว่าหน้าที่ของตัวเองคืออะไร และให้รับผิดชอบต่อหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ไม่ว่าเราจะทำงานในสายงานใดก็แล้วแต่ เชื่อว่าคนที่รู้หน้าที่และรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตัวเองจะไปได้ไกล ซึ่งมั่นใจว่าคนทุกคนอยากจะมีคุณค่าในตัวเอง โดยเฉพาะสมัยนี้เป็นสมัยที่ผู้หญิงเราสามารถพึ่งพาตัวเองได้ การวัดคุณค่า หลายๆคนอาจจะมองไประดับเงินเดือน การไต่ระดับสู่ตำแหน่งผู้บริหาร การมีหน้ามีตาในวงสังคม หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เป็นสิ่งที่เห็นผลเร็ว จับต้องได้ ฉะนั้นอาจจะเกิดความเข้าใจว่าผู้หญิงที่อยู่บ้านเลี้ยงลูกอย่างเดียว ก็เหมือนคนที่ขาดคุณค่าในตัวเอง ต้องพึ่งพาสามีตลอดเวลา ความคิดเช่นนี้เป็นค่านิยมที่ไม่ถูกต้อง เพราะผลงานของคนเป็นแม่full time ไม่ได้เห็นผลเร็ว กว่าจะเห็นผลก็ใช้เวลาเท่าชีวิตของคนๆหนึ่ง ซึ่งนั่นก็คือชีวิตของลูกเรานั่นเอง ผลงานของคนเป็นแม่สะท้อนออกมาที่นิสัยใจคอ ความคิดอ่านของลูก ว่า แม่อย่างเราได้สร้างคนดี มีศีลธรรม มีความรับผิดชอบและความสามารถเข้ามาสู่สังคมหรือปล่าวคะ
“ที่น่ายกย่องหน้าที่คุณแม่ full time เพราะทำงานทุกลมหายใจเข้าออก ไม่ได้หวังเงินเดือน ชื่อเสียง เกียรติยศ แต่หวังเพียงให้ลูกเป็นคนดี มีชีวิตที่ดี และมีความสุข ลู่ว่าไม่มีใครจะมายอมทำอะไรอย่างนี้นอกจากพ่อและแม่คะ นอกจากนี้แล้วเมื่อเดือนธันวาคม 2559 ลู่เปิดเพจขึ้นมาเพื่อแบ่งปันประสบการณ์ส่วนตัวในการเลี้ยงดูลูก ซึ่งเน้นไปในเรื่องของการสนับสนุนให้เด็กๆเล่นดนตรีค่ะ และหวังว่าเพจนี้น่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน ซึ่งสามารถติดตามได้ที่ Facebook page “มาวิน มาริช” หรือ http://FB.me/MarwynnMarrich ค่ะ” คุณแม่ยังสาวคนเก่ง กล่าวและว่า ส่วนตัวคุณตา คือนายธนะ พูลนิติพร เป็นไอดอล เพราะคุณตาเป็นคนจีนแผ่นดินใหญ่ที่โยกย้ายถิ่นฐานมาอยู่ประเทศไทยแบบเสื่อผืนหมอนใบ มาแบบไม่มีอะไรเลย แต่คุณตาเป็นคนขยัน เพียรพยายาม ซื่อสัตย์และมีน้ำใจ คุณตาสามารถตั้งตัวจากติดลบจนเป็นบวก และท่านยังสร้างชื่อเสียงที่ดีไว้ให้กับวงศ์ตระกูลมาตลอด เพราะสมัยที่คุณตายังมีชีวิตอยู่ ท่านทำความดี ช่วยเหลือสังคมอยู่เสมอ
เมื่อถามถึงมุมมองจากลูกผู้หญิงว่าผู้หญิงสวยและเก่งควรเป็นแบบไหน คุณลู่อธิบายว่า สวยต้องออกมาจากข้างใน บางคนภายนอกอาจจะไม่ได้ดึงดูดอะไร แต่พอได้พูดคุยด้วย หรือเห็นกริยาการวางตัวแล้วรู้สึกเลยว่า ความเฉลียวฉลาด ความสุภาพ อ่อนน้อมของเขาทำให้เขาดูสวย มีเสน่ห์ น่ารักขึ้นมาถนัดใจ เพราะทุกวันนี้อยากจะสวยแค่ไหนเราก็เสริมแต่งกันได้ แต่สวยจากข้างในเป็นเรื่องที่ต้องปลูกฝังกันตั้งแต่เด็กๆ และสามารถแผ่รัศมีความสวยออกมาได้จริงๆ ส่วนผู้หญิงเก่ง เป็นผู้หญิงที่มีความตั้งใจ จริงจังจริงใจกับสิ่งที่ทำ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงทำงาน หรือคุณแม่ full time ขอให้มุ่งมั่น ตั้งใจในบทบาทหน้าที่ของตัวเอง ก็เป็นผู้หญิงเก่งได้เหมือนกัน
ท้ายนี้คุณลูลู คูสงวนชัย หรือ ลู่ บอกว่า เป้าหมายในชีวิตคือเลี้ยงดูลูกทั้งสองคือ น้องวิน(มาวิน) และ น้องชี่ (มาริช) ให้เป็นเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ดีและมีประโยชน์ต่อสังคม ซึ่งตอนนี้รู้สึกว่าเราประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง เพราะลูกชายทั้งสองก็เป็นเด็กน่ารัก จิตใจดี ความประพฤติดี ส่วนเป้าหมายที่สุดของเรายังมาไม่ถึง เพราะหนทางนั้นยังอีกยาวไกล แต่ด้วยเป้าหมายที่ชัดเจนมาก และความมุ่งมั่นว่าเราทำได้ ทำให้เรามีความสุขและภูมิใจมากในทุกๆวันกับบทบาทความเป็นแม่ อย่างไรก็ตามมองว่าจริงๆแล้วผู้หญิงสมัยก่อนกับสมัยนี้ก็ไม่ได้ต่างกันมาก เพราะผู้หญิงสมัยก่อนก็เก่งมาก ดูแลกิจการในบ้านช่อง ความเป็นอยู่ของสามีและลูก และเป็นหลังบ้านที่คอยสนับสนุนความสำเร็จของพ่อบ้านด้วย ซึ่งไม่ใช่งานง่ายๆเลย ผู้หญิงสมัยก่อนจึงเป็นตัวอย่างของแม่บ้าน full time ที่คนสมัยนี้ต้องเอามาเป็นแบบอย่าง แต่สิ่งที่ต่างคือโอกาส เนื่องจากสมัยนี้ผู้หญิงเราได้รับโอกาสในเรื่องการเรียน การทำงาน มีสถานภาพทางสังคมที่ทัดเทียมกับผู้ชาย ทำให้ค่านิยมสมัยใหม่อาจจะตีค่าว่า ผู้หญิงสมัยนี้มีคุณค่ากว่าผู้หญิงสมัยก่อน เพราะเราหาเลี้ยงครอบครัวได้เอง ไม่ต้องพึ่งพาใคร แต่ถ้าลองพิจารณาดูให้ดี ผู้หญิงในแต่ละสมัย หรือแม้กระทั่งผู้หญิงในยุคสมัยเดียวกันทั้งที่เป็นผู้หญิงทำงานหรือคุณแม่ full time หากทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มกำลังแล้ว ก็ล้วนมีคุณค่าในตัวและน่ายกย่องด้วยกันทั้งนั้น
/////////////////////////////////