“สืบ ตม.3 บุกร้านนวดลับ จับสาวเมียนมาค้ากาม! ลูกค้าติดตรึม”
ภายหลังจากที่ ผบ.ตร. ได้มีข้อกำชับเด็ดขาดให้แก้ไขปัญหาอาชญากรรมเร่งด่วน 6 ด้าน รวมถึงอาชญากรรมเกี่ยวกับคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง คนต่างด้าวถูกหลอกลวง และคนต่างด้าวที่ประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย
สตม.โดย พล.ต.ท.ภานุมาศ บุญญลักษณ์ ผบช.สตม.พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ รอง ผบช.สตม.ได้สั่งกำชับให้หน่วยงานในสังกัดดำเนินการกวดขันให้เป็นไปตามนโยบายของ ผบ.ตร.
กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 โดย พล.ต.ต.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ ผบก.ตม.3 พ.ต.อ.คธาธร คำเที่ยง รอง ผบก.ตม.3 และ พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รอง ผบก.ตม.3 สั่งการให้เร่งสนองนโยบาย ผบ.ตร. โดยให้ปราบปรามการกระทำผิดของบุคคลต่างด้าวในพื้นที่
ก่อนจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจรับแจ้งจากประชาชนผู้หวังดีว่าที่ร้านค้าที่เกิดเหตุเปิดให้บริการนวดร่วมถึงแฝงการให้บริการทางเพศกับลูกค้า จึงได้หารือร่วมกับตำรวจพื้นที่เข้าฃสืบสวนทราบว่า ผู้กระทำผิดน่าจะเป็นคนต่างด้าวที่มาลักลอบให้บริการนวดและแอบค้าบริการทางเพศ
มีการเปิดกลุ่มลับในเทเลแกรม ลงภาพถ่ายที่เข้าข่ายลามกอนาจารของพนักงานร้าน เพื่อใช้โฆษณาเชิญชวนให้ลูกค้ามาใช้บริการ และไว้ส่ง “การบ้าน” จากทางลูกค้าที่เคยใช้บริการจำนวนหลายราย
วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 68 กองกำกับการสืบสวน บก.ตม.3 ภายใต้การสั่งการของ พ.ต.อ.จิรพงศ์ รุจิรดำรงค์ชัย ผกก.สส.ฯ โดย พ.ต.ท.วิรชา สนั่นศิลป์ รอง ผกก.สส.ฯ, พ.ต.ท.สุริโย ไชยยอด สว.กก.สส.ฯ, ว่าที่ พ.ต.ท.จตุรโชค เพชรคง สว.กก.สส.ฯ และทีมกองสืบ ตม.3
ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ นำกำลังพร้อมหมายค้นศาลจังหวัดนนทบุรีที่ ค.100/2568 ลง 13 ก.พ.2568 เข้าตรวจค้นร้านนวดแห่งหนึ่งในพื้นที่ จว.นนทบุรี โดยล่อซื้อบริการทางเพศจากหมอนวดชาวเมียนมาเมื่อได้หลักฐานเพียงพอ สายลับให้สัญญาณแก่เจ้าหน้าที่ที่ซุ่มอยู่บริเวณใกล้เคียง นำกำลังเข้าตรวจค้น
จากการตรวจค้นพบว่า ร้านดังกล่าวเป็นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น เปิดบริการนวดบังหน้า แต่มีการให้บริการทางเพศเป็น “บริการเสริม”
ขณะเข้าตรวจค้น พบ น.ส.เลมอน (นามสมมติ) อายุ 39 ปี สาวเมียนมา กำลังให้บริการนวดแก่สายลับ และเสนอให้บริการทางเพศในราคา 2,000 บาท เจ้าหน้าที่แสดงตัวจับกุม พร้อมของกลางเป็นธนบัตรที่ใช้ในการล่อซื้อ ถุงยางอนามัย และเจลหล่อลื่น อยู่ภายในกระเป๋าของ น.ส.เลมอน
นอกจากนี้ ยังพบ น.ส.หญิง (นามสมมติ) พนักงานนวดอีกรายเป็นบุคคลไม่มีสถานะทางทะเบียนฯ ที่ไม่มีใบอนุญาตทำงาน และให้การรับว่ารับงานนวดจากเจ้าของร้าน ได้ค่าจ้างชั่วโมงละ 100 บาท
เจ้าหน้าที่ยังได้จับกุมนางสาวขนม และนายอมยิ้ม (นามสมมติ) ที่เป็นทั้งเจ้าของร้านและแอดมินร้าน ได้พร้อมโทรศัพท์มือถือของกลางที่ใช้ส่งข้อความและภาพภายในกลุ่มลับ และรับจองจากลูกค้ารายต่างๆ
จากการตรวจค้นภายในร้าน ได้ตรวจพบถุงยางอนามัยที่ยังไม่ใช้หลายสิบกล่อง เจลหล่อลื่น อยู่ในล็อกเกอร์ของร้าน และถุงยางอนามัยใช้แล้วอยู่ในถังขยะภายในห้องนวดของทางร้าน
ชั้นจับกุม ผู้ต้องหาทั้งหมดรับสารภาพ กระทำความผิดจริง โดย น.ส.เลมอน ให้การว่ารับงานนวดและขายบริการทางเพศจริง ส่วนเจ้าของร้านรับว่าเป็นผู้ดูแลจัดการร้าน และรับรู้ถึงการขายบริการทางเพศของพนักงานกับทางลูกค้าของทางร้าน เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีในความผิดตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ต.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ ผบก.ตม.3 ได้เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวเป็นอีกปัญหาที่สะท้อนถึงการลักลอบประกอบอาชีพของคนต่างด้าว ในทางกฎหมายอาชีพนวดแผนโบราณเป็นอาชีพที่สงวนไว้สำหรับคนไทยเท่านั้น หากแต่เจ้าของสถานประกอบการกับลักลอบนำคนต่างด้าวมาทำงานทั้งยังแอบแฝงบริการทางเพศเอาไว้ด้วย
ต่อมาขณะจับกุมยังพบอีกว่ามีการโฆษณาเชิญชวนโดยการส่งภาพลามกอนาจารที่เรียกว่าการส่งการบ้านจากลูกค้า ในกลุ่มเทเลแกรมของพวกตน อันเป็นการนำเข้าสู่ข้อมูลคอมพิวเตอร์ซึ่งภาพลามก การกระทำดังกล่าวมีลักษณะเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ทั้งความผิดตาม พรก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี และเป็นความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ อีกด้วย
กรณีเช่นนี้จะได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกวดขันจับกุมอย่างจริงจัง และให้ดำเนินความผิดในทุกฐานความผิดตามตัวบทกฎหมายที่ยกมาข้างต้นอย่างต่อเนื่อง