เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2566 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หน.PCT ชุดที่ 5 , พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. / รอง หน. PCT ชุดที่ 5 , พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ ทองแพ , พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผกก.(สอบสวน) บก.สส.บช.น. ,
พ.ต.ต.คณิตนนท์ ถนอมศรี , พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ , พ.ต.ต.ภัสส์กร เฉลียวบุญ , ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น , ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพร , ร.ต.อ.พลวัต นาคถมยา ร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 5 และ ชุดสืบสวนนครบาล (บก.สส.บช.น.)
นำกำลังจับกุมตัวนายกิติรัช หรืออั๋น อายุ 25 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร ตามหมายจับศาลอาญาที่ 2032/2565 ลงวันที่ 21 กันยายน 2565 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
จับกุมได้ที่หน้าหอพักแห่งหนึ่ง ใน จ.ฉะเชิงเทรา
พฤติการณ์กล่าวคือเมื่อช่วงพฤษภาคม 2565 ผู้เสียหายหลายราย ถูกนักต้มตุ๋นหลอกขายเครื่องเล่นเกม PS5 จนเหล่าสาวกพ่อบ้านต่างได้รับความเดือดร้อนกันระงม
ต่อมาวันที่ 10 พ.ค. 2565 พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. (ดำรงตำแหน่ง ผบก.สส.ภ.2 ในขณะนั้น) นำกำลัง ชป.5 ศปอส.ตร. หรือ PCT 5 รวบตัวมิจฉาชีพรายดังกล่าวได้คือ นายกิติรัช (อั๋น บางใหญ่) ได้ที่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี
ชั้นจับกุมรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และได้ให้คำมั่นสัญญาแบบลูกผู้ชายกับ พล.ต.ต.ธีรเดชฯ ไว้ว่า “จะกลับตัวกลับใจ ไม่กลับไปหลอกลวงผู้อื่นอีก” แสร้งตีหน้าเศร้า “ดราม่าสำนึกผิด”
หลังจากนำตัวเข้าซังเต นายกิติรัชฯ ได้กลับออกมาใช้ชีวิตในโลกภายนอกได้ไม่นาน เจ้าตัวได้ออกเพนจร ออกเดินทางไปทั่วประเทศ ทั้งภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้ และยังตระเวนก่อเหตุฉ้อโกงเช่นเดิมจนกระทั่งถูกออกหมายจับเพิ่ม ีกทั้งยังพัฒนารูปแบบการกระทำความผิดให้แยบยลกว่าเดิม
กระทั่งชุดวิเคราะห์แผนประทุษกรรมของ PCT5 พบข้อมูลการก่อเหตุทางออนไลน์พบว่าเป็น “ลูกค้าเก่าเจ้าเดิม” ที่เคยให้คำมั่นสัญญาไว้กับ พล.ต.ต.ธีรเดชฯ แท้จริงไม่มีความสำนึกผิด และไม่ได้คิดจะกลับตัวกลับใจแต่อย่างใด
พล.ต.ต.ธีรเดชฯ เห็นว่าหากปล่อย “เข้น้อย” รายนี้ไปภายหน้าต้องเป็น “ชาละวัน” อย่างแน่แท้ สั่งการเจ้าหน้าที่ชุด PCT5 และ สืบนครบาล ติดตามจับกุมจากการลงพื้นที่สืบสวนไปได้ระยะหนึ่ง นายกิติรัชฯ มีพฤติกรรมระวังตัวเป็นอย่างยิ่งเพราะเคยถูกจับกุมตัวมาแล้ว เรียกได้ว่า “ไร้เงา”
แต่มีสิ่งหนึ่งที่เคยพูดกับเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมไว้ว่าตนเองชอบเล่นเกม “GTA FiveM” เป็นเบาะแสเดียวที่ยังหลงเหลือ เจ้าหน้าที่จึงอำพรางเข้าไปในเกมดังกล่าวกระทั่งนำมาสู่การจับกุมนายกิติรัชฯได้อีกครั้ง
ชั้นจับกุมผู้ต้องหารับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่า “ได้ออกเดินทางไปทั่วประเทศ ทั้งภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้ โดยค่าใช้จ่ายจะหามาจากเงินที่ได้จากการขายไอเทมในเกม GTA FiveM บ้าง เงินจากการทำงานร้านเหล้าบ้าง แต่ยังไม่พอใช้ ต้องหาจากการหลอกลวงผู้อื่นเช่นเดิม
โดยการหลอกขาย PS5 และหลอกเก็บเงินค่าประกันหอพักจากกลุ่มนักศึกษาปี 1 มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.พิษณุโลก เซฟรูปภาพหอพักจากอินเทอร์เน็ตมาใช้หลอกลวงนักศึกษาไปหลายราย มูลค่าความเสียหายหลักหมื่น และเพิ่มความแยบยล เพื่อให้ยากต่อการแกะรอยเส้นทางการเงิน
วิธีการคือ ไม่ได้ซื้อขายบัญชีม้ามาใช้ แต่จะเป็นการหลอกเอาบัญชีผู้อื่นมาใช้ผ่านทางชั่วครั้งชั่วคราว ซึ่งเจ้าของบัญชีเหล่านั้น เป็นกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่เล่นเกมด้วยกันรู้จักกันผ่าน Discord เมื่อเงินผู้เสียหาย ถูกโอนเข้ามายังบัญชีม้า (ชั่วคราว) แล้ว จะไม่ให้โอนเข้าบัญชีตัวเอง แต่จะขอรหัสกดเงิน (OTP) ของบัญชีม้า (ชั่วคราว)ไปกดเงินสดออกจากบัญชีแทน
การกระทำลักษณะนี้ ทำให้เงินไม่ผ่านบัญชีตัวเอง เพื่อสร้างความซับซ้อน เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ติดตามจับกุมตัวยากขึ้น แต่ไม่คาดคิดว่าตำรวจจะแฝงตัวเข้ามาในเกมที่เล่นอยู่ คาดไม่ถึงจริงๆ” นำส่งพนักงานสอบสวน สน.สามเสน ดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./ หน.ชป.5 ศปอส.ตร. ได้กล่าวว่า “การแฝงตัวเป็นเทคนิคการสืบสวนมาตั้งแต่โบราณ หากแต่ยังคงเป็นวิธีการที่คลาสสิค และมีประสิทธิภาพอยู่ เพียงแต่เราเอามาปรับใช้ให้เข้ากับยุคสมัยเท่านั้น
กรณีของนายกิติรัชฯ หรืออั๋นบางใหญ่นี้ มักจะใช้สร้างเฟสบุคอวตาร หรือทวิตเตอร์อวตาร เพื่อใช้หลอกซึ่งหากพิจารณาให้รอบคอบจะพบว่า ไม่มีความน่าเชื่อถือ
ขอนำคดีนี้มาใช้เป็นอุทาหรณ์ ตักเตือนภัยพี่น้องประชาชนทุกท่านครับ และหากมีคดีที่ก่อให้เกิดความเดือนร้อนของประชาชนสามารถแจ้งมาทางช่องทางเฟสบุ๊คเพจ สืบนครบาล IDMB เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมให้คำแนะนำตลอด 24 ชั่วโมง แม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์แต่หากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.”