Saturday, September 28, 2024
More
    Homeข่าวเด่นรอบวันสืบนครบาลจับยกยวงแก๊ง “ฟ้า เขื่อนแก้ว” ปลอมเพจหลอกโอนเงินค่าวัตถุมงคล

    สืบนครบาลจับยกยวงแก๊ง “ฟ้า เขื่อนแก้ว” ปลอมเพจหลอกโอนเงินค่าวัตถุมงคล

    สืบนครบาล รวบ “ฟ้า เขื่อนแก้ว” พร้อมซิมผีบัญชีม้าทั้งขบวนการ หลังปลอมเพจเฟซบุ๊กสวมรอยหลอกให้โอนเงินค่าวัตถุมงคล

    ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ,พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. โดยชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนผู้เสียหายว่าช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาตนได้สั่งเช่าบูชาวัตถุมงคลในเพจเฟซบุ๊ก ชื่อบัญชี “คุณเม สาลิกาลิ้นทอง พระพิฆเนศ สร้อยข้อมือ ดวงชะตา ราศี ปีชง” และได้โอนเงินค่าสั่งซื้อวัตถุมงคล

    ต่อมา ได้มีมิจฉาชีพปลอมเฟซบุ๊กในลักษณะเดียวกันกับเพจเฟซบุ๊กที่ตนตกลงสั่งซื้อวัตถุมงคงจริง สวมรอยทักข้อความมาหลอกให้ตนโอนเงินค่าสินค้าเพิ่มเติมโดยหลอกว่ายังไม่ได้รับเงินโอนเงินค่าสินค้า  ทำให้ตนหลงเชื่อโอนเงินจากบัญชีธนาคารของตน   2 บัญชี เข้าบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา ชื่อบัญชี Varawut  3 ครั้ง รวมเป็นเงิน 16,093 บาท เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายกว่าสองล้านบาท  ได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.แก้งสนามนาง ให้ดำเนินคดีกับคนร้ายที่ร่วมกันก่อเหตุให้ได้รับโทษถึงที่สุดทุกราย

    ต่อมาวันที่ 25 กันยายน 2567 และวันที่ 26 กันยายน 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธคล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น.

    สั่งการให้ พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฏศรี , พ.ต.ท.นิธิ ปิยะพันธุ์ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , ร.ต.ต.ทรงศักดิ์ เจียมสกุล รอง สว.ฯ ,

    ร่วมกันจับกุม1) น.ส.วิราวรรณ์ หรือฟ้า   อายุ 23 ปี ชาวคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดบัวใหญ่ ที่ จ.95/2567 ลงวันที่ 25 กันยายน 2567
    2) นายวราวุฒิ  อายุ 18 ปี ชาวอำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ ตามหมายจับศาลจังหวัดบัวใหญ่ ที่ จ.94/2567 ลงวันที่ 25 กันยายน 2567 ทั้งคู่จับกุมตัวได้ที่รีสอร์ทตำบลดองกำเม็ด อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ ขณะกบดานและกำลังจะหลบหนี

    3) น.ส.ศิริศร อายุ 23 ปี ชาวอำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร  ตามหมายจับศาลจังหวัดบัวใหญ่ ที่ จ.98/2567 ลงวันที่ 25 กันยายน 2567  จับกุมได้ในบ้านหมู่ 5 ตำบลย่อ อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร4) นายชาลี อายุ 62 ปี ชาวอำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร  ตามหมายจับศาลจังหวัดบัวใหญ่ ที่ จ.96/2567 ลงวันที่ 25 กันยายน 2567  จับกุมตัวได้หน้าบ้านหมู่ 10 ตำบลย่อ อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร และ5) น.ส.เจนจิรา  อายุ 26 ปี ชาวอำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร ตามหมายจับศาลจังหวัดบัวใหญ่ ที่ จ.97/2567 ลงวันที่ 25 กันยายน 2567  จับกุมได้หน้าบ้าน ถนนวิทยะธำรงศ์ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร

    ฐาน “ ร่วมกันฉ้อโกงโดยได้กระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน , นำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนฯ ”

    จากการสืบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. สามารถสืบสวนสวนจนทราบถึงตัวคนร้ายที่ร่วมกันก่อเหตุ มีทั้งหมด 5 ราย ประกอบด้วย
    (1) นายวราวุฒิ หรือโด๊ปอายุ 18 ปี  ทำหน้าที่เปิดบัญชีม้าและเชื่อว่าร่วมก่อเหตุในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ (2) น.ส.วิราวรรณ์ หรือฟ้า อายุ 23 ปี  ตัวการในการเหตุ(3) นายชาลี อายุ 62 ปี  ทำหน้าที่เปิดซิมม้าให้แก่ น.ส.วิราวรรณ์ คนร้ายที่เป็นตัวการในการก่อเหตุ โดยมีสถานะเป็นคุณตาน.ส.วิราวรรณ์(4) นางสาวเจนจิรา อายุ 26 ปีและ (5) นางสาวศิริศร อายุ 23 ปี 2คนร้ายซึ่งตามแนวทางการสืบสวนเชื่อว่าเป็นตัวการร่วมในการก่อเหตุ

    จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินจากแผนประทุษกรรมและพฤติการณ์คนร้ายกลุ่มนี้ มีลักษณะก่อเหตุเป็นปกติธุระ   เชื่อว่าน่าจะมีผู้เสียหายหลายรายหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อคนร้ายกลุ่มนี้ จึงได้ส่งรายงานการสืบสวนให้พนักงานสอบสวน สภ.แก้งสนามนาง  รวบรวมพยานหลักฐานเสนอต่อศาลจังหวัดบัวใหญ่ พิจารณาออกหมายจับทั้งหมด

    ต่อมา เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2567 ศาลจังหวัดบัวใหญ่ ได้พิจารณาอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุทั้งหมด 5 ราย/ 5 หมายจับตามพยานหลักฐาน

    ชั้นจับกุม น.ส.วิราวรรณ์ หรือฟ้ารับสารภาพให้การว่า เรียนจนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ผ่านการเรียน กศน. หลังจากเรียนจบไม่ได้ทำงานเป็นหลักแหล่ง เกี่ยวกับความผิดที่ถูกจับกุม ตนขอสารภาพว่า เมื่อช่วงประมาณต้นปี 2565  ได้รู้จักกับผู้หญิงชื่อผ่านเฟซบุ๊ครับจ้างเปิดบัญชี ขณะนั้นได้ติดต่อขายบัญชีธนาคารให้กับผู้หญิงชื่อเมล์ แทบทุกบัญชีธนาคาร

    หลังจากที่เปิดบัญชีธนาคารเสร็จเรียบร้อย  ได้ให้ข้อมูลเลขบัญชีธนาคาร , เบอร์โทรศัพท์ที่เปิดและลงทะเบียนใช้งานโดยเลขบัตรประชาชนของตนและใช้ผูกใช้งานกับบัญชีธนาคารที่ตนรับจ้างเปิด พร้อมเลขบัตรประจำตัวประชาชนให้แก่ ผู้หญิงชื่อเมล์ ไปในคราวเดียวกัน โดยได้ค่าจ้างครั้งละ 200 ถึง 500 บาท

    หลังจากรับจ้างเปิดบัญชีประมาณครึ่งปี  ก็ตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับและถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับการรับจ้างเปิดบัญชี  2 คดี โดยถูกจับเมื่อปลายปี 2566 หลังจากจบคดีได้หันมาก่อเหตุเอง  มีผู้หญิงชื่อเมล์ เป็นคนแนะนำ/สอนให้ตนก่อเหตุ  ใช้โทรศัพท์มือถือ ปลอมเฟซบุ๊กของเพจขายวัตถุมงคลต่างๆ ประกอบด้วย เพจ “เพจ.โทน บางแค ” , เพจ “ คุณเม สาลิกาลิ้นทอง พระพิฆเนศ ราศีปีชง ” , เฟซบุ๊ก “ โทน บางแค ” ก่อนจะเข้าไปก่อเหตุหลอกให้ผู้เสียหายที่เข้าไปประมูลวัตถุมงคลในเพจนั้นซึ่งตนปลอมขึ้นให้หลงเชื่อโอนเงินเข้าบัญชีม้า (ที่ตนจ้างให้คนรับจ้างเปิดบัญชีม้ามาอาศัยอยู่กับตน)

    วิธีการในการก่อเหตุ คือ เมื่อเพจเกี่ยวกับวัตถุมงคลได้มีการโพสต์ประมูลหรือตั้งราคาลงขาย หรือทำการไลฟ์สดประมูลหรือตั้งราคาลงขาย วัตถุมงคล เมื่อมีลูกค้าประมูลได้ หรือสนใจสั่งซื้อ  จะสุ่มลูกค้าที่ประมูลได้ หรือสนใจลงราคาสั่งซื้อวัตถุมงคล โดยทักข้อความส่วนตัวไปหาเฟซบุ๊กลูกค้าดังกล่าว ผ่าน Facebook Messenger โดยสวมรอยเป็นเพจจริง  ให้ค่าจ้างแก่นายวราวุฒิ  ที่มาทำหน้าที่รับจ้างเปิดบัญชีม้าให้ครั้งละ 500 ถึง 1,000 บาท โดยให้มาอยู่กินนอนด้วยกัน เดินทางไปเบิกถอนเงินที่หลอกได้จากผู้เสียหายด้วยกัน

    ทั้งนี้ แต่ละเคสที่สวมรอยหลอกให้ผู้เสียหายหรือลูกค้าโอนเงิน เมื่อลูกค้าหรือผู้เสียหายโอนเงินให้ตนครบตามราคาวัตถุมงคลเสร็จเรียบร้อยแล้ว  ก็จะทำนิ่งเฉยไม่ตอบข้อความสนทนากับลูกค้าหรือผู้เสียหาย หากมีลูกค้าหรือผู้เสียหายรายใดด่าว่า  ก็บล็อกเฟซบุ๊ก เงินที่ได้จากการก่อเหตุนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน จนมาถูกจับกุม

    เมื่ิตรวจสอบประวัติคดีในฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ระบบ Crime) พบข้อมูลว่า น.ส.วิราวรรณ์ มีประวัติเคยถูกดำเนินคดี 5 คดี ประกอบด้วย

    1) ปี 2560 ถูกจับกุมในความผิดฐาน “ ร่วมกันครอบครองเพื่อจำหน่าย ซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (แอมเฟตามีน หรืออนุพันธ์แอมเฟตามีน) ” ท้องที่ สภ.คำเขื่อนแก้ว
    2) ปี 2565 ถูกจับกุมในความผิดฐาน “ ตัวการการเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ตามมาตรา 14 วรรคหนึ่ง (1) ที่มิได้กระทำต่อประชาชน แต่เป็นการกระทำต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง,ตัวการฉ้อโกง ” ท้องที่ สน.ทุ่งสองห้อง
    3) ปี 2566 ถูกจับกุมในความผิดฐาน “ ตัวการฉ้อโกง,ตัวการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม โดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ” ท้องที่ สภ.คำเขื่อนแก้ว
    4) ปี 2567 ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 806/2567 ลงวันที่ 10 กันยายน พ.ศ.2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่นและโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนอันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา ” ท้องที่ สภ.สำโรงเหนือ
    5) ปี 2567 ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดบัวใหญ่ ที่ จ.95/2567 ลงวันที่ 25 กันยายน 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ ร่วมกันฉ้อโกงโดยได้กระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน , นำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนฯ ” ท้องที่ สภ.แก้งสนามนาง

    ด้านนายวราวุฒิรับสารภาพว่าประมาณต้นปี 2567  รู้จักกับ น.ส.วิราวรรณ์ หรือพี่ฟ้า โดย น.ส.วิราวรรณ์ ได้สอบถามตนว่าสนใจเปิดบัญชีธนาคารให้ โดยแลกกับค่าจ้างตามยอดเงินที่จะเข้ามาในบัญชี   เนื่องจากขณะนั้นตนไม่มีงานทำ ประกอบกับไม่มีเงินใช้จ่าย จึงตอบตกลงเปิดบัญชีธนาคารให้แก่ น.ส.วิราวรรณ์ ตามคำชวน จำนวน 4 บัญชี

    หลังจากที่มีผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินเข้ามาในบัญชีธนาคารที่ตนเปิดให้ น.ส.วิราวรรณ์ จะโอนเงินที่หลอกได้ไปยังบัญชีธนาคารของตนอีกทอด  จากนั้น น.ส.วีราวรรณ์ จะพาตนไปเบิกถอนเงินที่หลอกได้จากผู้เสียหายออกจากตู้เบิกถอนเงินสด โดยจะทำรายการเบิกถอนเงินออกจากบัญชีของตนเองทุกขั้นตอน อีกทั้ง จะเป็นคนดูแลเรื่องอาหาร ที่พัก และให้ตนไปด้วยทุกที่ จนมาถูกจับกุม จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวผู้ต้องหา นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.แก้งสนามนาง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

    ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ กล่าวแจ้งเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนว่าในสังคมปัจจุบัน มิจฉาชีพมีเล่เหลี่ยมกลโกงมากมายหลายรูปแบบ ขอให้ประชาชนได้โปรดใช้สติในการใช้ชีวิตในสังคม อย่างหลงเชื่อกลโกงต่างๆ ของมิจฉาชีพซึ่งมีอยู่มากมาย

    อีกทั้งแจ้งเตือนไปยังผู้ที่เป็นตัวการในการก่อเหตุ ตลอดจนผู้ที่จะถูกหลอกให้เปิดบัญชีม้า อย่าให้บัญชีธนาคารหรือเปิดบัญชีให้บุคคลอื่นนำไปใช้เด็ดขาดเนื่องจากอาจเป็นช่องทางให้คนร้ายนำบัญชีไปใช้ในการก่ออาชญากรรมที่มีผลกระทบต่อประชาชนส่วนใหญ่ในสังคมอย่างมหาศาล ตลอดจนโทษกรณีการเปิดบัญชีม้า ซิมผี ณ ปัจจุบัน มีอัตราโทษหนัก คือ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (บัญชีม้า) นอกจากนี้ ผู้เป็นธุระจัดหา จ้างผู้อื่นมาเปิดบัญชีม้าก็มีโทษหนักเช่นเดียวกัน

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments