หลบ 6 ปีไม่รอดมือสืบนครบาล!!! ตามจับ ชิชาแสบตุ๋นบริษัทใหญ่” ปลอมโปรไฟล์หรูจบออสเตรเลีย ขโมยทรัพย์สินกว่า 6 ล้านบาท
ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ให้ปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบ ที่สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก โดยชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบนครบาล IDMB ได้ตรวจพบการกระทำความผิดของ น.ส.ชิชา ถนนจันทน์ แสบหลอกปลอมคุณวุฒิการศึกษา จากมหาลัยย่านบางเขน ป.ตรี และป.โท และโกหกว่าเรียนจบ เมลเบิร์น ออสเตรเลีย เพื่อนำไปสมัครงานในบริษัทใหญ่ ตำแหน่งหน้าที่ระดับสูงที่เกี่ยวกับการเงิน ต่อมาได้ลักขโมยทรัพย์สินของบริษัทไป เสียหายกว่า 6 ล้านบาท สร้างภาพในโลกโซเชียลให้ดูหรูหรา ไฮโซ ใช้ของแบรนด์เนม ไปเที่ยวที่ต่างๆ พบมีประวัติหลอกขายของออนไลน์อีก ตรวจสอบไม่เคยผ่าน ตม. สักครั้งเลยในชีวิต
เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2566 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.,พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น.,พ.ต.ท.ยิ่งยศ ลีชัยอนันต์,พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฏศรี รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น.
สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส. นำโดย พ.ต.ท.ทศรัสมิ์ กิติธารา สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , ร.ต.อ.ธนพล มโนษร รอง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ ชุดปฎิบัติการที่ 4
ร่วมกันจับกุมตัว นางสาวชิชา อายุ 37 ปี ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.782/2559 ลงวันที่ 14 ธันวาคม 2559 ฐาน “ ทำลายซ่อนเร้นเอาไปเสียหรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งเอกสารใดของผู้อื่นใรประการที่น่าจะเกิดความเสียแก่ผู้อื่นหรือประชาชน, ลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้าง, ปลอมตั๋วเงินตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 266, ใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิดตามมาตรา 226 ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ”
สืบเนื่องมาจาก น.ส.ชิชาฯ (ผู้ต้องหา)ก่อเหตุลักทรัพย์ในขณะที่ตนเองมีตำแหน่งระดับสูงในบริษัทของผู้เสียหายมูลค่าความเสียหายกว่า 6 ล้านบาท จากการสืบสวนประวัติย้อนหลังพบว่า น.ส.ชิชาฯ (ผู้ต้องหา) มีประวัติในการปลอมแปลงเอกสารทางราชการ (คุณวุฒิ) เพื่อนำไปใช้ในการสมัครงานในตำแหน่งที่ดีของหลายๆบริษัทที่ผู้ต้องหาเคยทำงานมา และยังตรวจสอบพบข้อมูลใน blacklistseller ในการหลอกขายสินค้าออนไลน์ หลังจากก่อเหตุก็ได้มีการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล ของตนเอง 2-3 ครั้ง
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบข้อมูลทางโซเชียลมีเดีย IG พบว่า ได้แต่งโปรไฟล์จบจากเมืองนอก เรียนจบสูง ใช้ของแบรนด์เนม ถ่ายรูปในสถานที่หรูหรา สร้างความน่าเชื่อถือของตนเอง และหลบหนีการจับกุมโดยได้มีการย้ายที่อยู่หลายที่มานานกว่า 6 ปี จนทราบว่าผู้ต้องหาได้มาพักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งภายในซอยประวิทย์และเพื่อน 4 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ ติดตามจับกุมได้นำส่ง สน.ยานนาวา ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ในชั้นจับกุม รับสารภาพตลอดข้อหา ปัจจุบันไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร อ้างว่าเขียนงานวิจัยขาย ส่วนเงินที่ได้มาจากการขโมยนั้น เอามาแบ่ง 3 คน คนแรก เสียชีวิต คนที่ 2 ตัวผู้ต้องหา คนที่ 3 เป็นพนักงานส่งเอกสาร แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปปักใจเชื่อ
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สม.บช.น.กล่าวว่า ภัยในโลกออนไลน์ มิจฉาชีพสร้างโปร์ไฟล์หรู จบต่างประเทศ ใช้แบรนด์ เพื่อหลอกลวงประชาชนที่ชื่นชมเล่นโซเชี่ยล ระวังตกเป็นเหยื่อ สืบนครบาลจัดชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายที่เป็นภัยต่อสังคม สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนทุกประเภท ซึ่งมีผลกระทบกับการดำเนินชีวิตปกติของประชาชนนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.