ตำรวจกัมพูชาส่งตัว 3 คอลเซ็นเตอร์กลับมาดำดนินคดีในไทย ทั้งหมดเป็นพนักงานเป็นสาย 1อ้างเป็นฝ่ายเร่งรัดหนี้สินธนาคาร หากเหยื่อหลวมตัวจะส่งต่อเพื่อนร่วมแก๊งสาย2สาย3 ต้มต่อ แต่ไม่ยอมรับผิด
ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ รรท. รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดทุกรูปแบบซึ่งสร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาให้เร่งสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยเฉพาะพนักงานคอลเซนเตอร์ที่กระทำความผิดอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยทั้ง 3 รายมีวิธีการกระทำความผิดเป็นฝ่ายเร่งรัดหนี้สินธนาคารกสิกรไทย และตำรวจ สภ.เมืองตาก สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนจำนวนมาก
วันที่ 9 พฤศจิกายน66 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์
รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หน.PCT ชุดที่ 5 , พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. / รอง หน. PCT ชุดที่ 5 , พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. ,พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. ,พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ ทองแพ ผกก.(สอบสวน) บก.สส.บช.น. พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผกก.(สอบสวน) บก.สส.บช.น. ,พ.ต.อ.ธนวัฒน์ พูลสวัสดิ์ ผกก.ตม.จว.สุรินทร์ , พ.ต.ต.คณิตนนท์ ถนอมศรี สว.กก.1 บก.สส.บช.น.กับพวก สืบนครบาล , PCT ชุดที่ 5 และ ตม.สุรินทร์
ร่วมกันจับกุมนายภานุ อายุ 23 ปี ชาว อ.คลองหาด จว.สระแก้ว ตามหมายจับศาลอาญาที่ 615/2566 (พนักงานคอลเซ็นเตอร์)นายกฤษณะ อายุ 20 ปี ชาวอ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ตามหมายจับศาลอาญาที่ 621/2566 (พนักงานคอลเซ็นเตอร์)และนายพงศกร อายุ 28 ปี ชาวอ.เมืองฉะเชิงเทรา จ.ฉะเชิงเทรา ตามหมายจับศาลอาญาที่ 622/2566 (พนักงานคอลเซ็นเตอร์)
ข้อหา “ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันเป็นอั้งยี่, ร่วมกันเป็นซ่องโจร, ร่วมกันฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าข้อูมลสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน”จับกุมที่ จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จว.สุรินทร์ นำตัวส่งพนักสอบสวน พงส. กก.3 สอท.2 ดำเนินคดีตามกฎหมาย
พฤติการณ์ กล่าวคือ ชุดจับกุมสืบสวนขยาลผลจากสายลับทราบพบว่ามีผู้ต้องหาทั้ง 3 คนเดินทางไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซนเตอร์ ที่อาคารแห่งหนึ่ง เมืองโอเสม็ด จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา มีพนักงานคอลเซนเตอร์เป็นชาวไทยจำนวนมาก โทรหลอกผู้เสียหาย
แบ่งหน้าที่กันทำอ้างตัว สาย 1 ผู้ต้องหาที่1-3 อ้างตัวเป็นฝ่ายเร่งรัดหนี้สินธนาคารกสิกรไทย ออกอุบายสอบถามผู้เสียหายว่า เลขท้ายบัตรเครดิตสี่หลักนี้ เป็นของผู้เสียหายหรือไม่ ซึ่งเมื่อผู้เสียหายตอบว่าไม่ใช่ จะแจ้งกับผู้เสียหายว่า ข้อมูลของท่านอาจรั่วไหล แนะนำให้แจ้งกับที่ สภ.เมืองตากให้กดปุ่มสี่เหลี่ยม (#) 2 ครั้ง
ระบบจะโอนสายอัตโนมัติไปยัง กลุ่ม สาย 2อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองตาก (ยศ ส.ต.ต. ถึง ด.ต.) สอบถามผู้เสียหายว่าจะแจ้งความเรื่องอะไร และหลอกว่าข้อมูลของผู้เสียหายนั้น มีคนร้ายได้นำไปใช้ ทำให้ผู้เสียหายมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงินและยาเสพติด และผู้เสียหายจะต้องโอนเงินมาตรวจสอบ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์
หากผู้เสียหายยังไม่หลงเชื่อ จะทำทีเดินไปเคาะประตูและให้คุยกับตำรวจระดับ ร.ต.อ. ขึ้นไป เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ กลุ่มสาย 3 อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองตาก ระดับ ร.ต.อ. ขึ้นไป หลอกว่าจะดำเนินคดี กับผู้เสียหาย มีการส่งข้อมูลหลอกผู้เสียหายผ่านทางไลน์ เช่น หมายจับ (ปลอม) หรือบางครั้งใช้วิธีวิดีโอคอล และใช้เทคนิคตัดต่อ สร้างความน่าเชื่อถือว่าเป็นตำรวจจริง ๆ
ท้ายที่สุด ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงได้โอนเงินไปตรวจสอบความบริสุทธิ์ ทั้งที่ไม่ได้กระทำความผิดใดๆ สร้างความเสียหายหลักล้านบาท
ต่อมาวันที่ 9 พฤศจิกายน 2566ชุดจับกุมได้ประสานงานกับตำรวจประเทศกัมพูชาทลายและจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดทางการกัมพูชาจับกุมตัวที่ตึกคอลเซนเตอร์ ตรงข้ามด่านช่องจอม จ.สุรินทร์ และเพื่อมาส่งตัวผู้ต้องหาทั้งสามราย
ทั้งหมดให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่ยอมรับว่าเป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์ สาย 1 โดยให้การว่า ก่อนหน้าที่จะข้ามไปทำงานเป็นพนักงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้านตนตกงาน ได้เข้าไปหางานในเพจและสื่อโซเชียลต่างๆ และได้สมัครเข้าทำงานเพื่อเป็นแอดมินเพื่อตอบลูกค้า
ต่อมาช่วงเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2566 รับการติดต่อจากผู้ว่าจ้างและได้ให้นั่งรถไปที่ บขส. จว.สระแก้ว จากนั้นมีรถรับจ้างมารับต่อไปส่งยังชายแดนไทย-กัมพูชา และมีคนเขมรพาข้ามผ่านช่องทางธรรมชาติและขึ้นรถตู้มายังจังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชาทำงานเป็นพนักงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์สาย 1 ที่สำนักงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในจังหวัดอุดรมีชัย
ทั้งสามให้การว่าได้เงินเดือน ๆ ละ 20,000 บาท หากหลอกลวงผู้เสียหายได้จะได้ค่าตอบแทนร้อยละ 6 จากยอดความเสียหาย และให้การเพิ่มเติมอีกว่าภายในตึกดังกล่าวยังมีคนไทยที่ทำงานเป็นพนักงานแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์กว่าร้อยคน
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่าผู้ต้องหาทั้งหมดนี้ทำหน้าที่พูดสายสนทนากับประชาชนผู้ตกเป็นเหยื่อแก็งค์คอลเซ็นเตอร์ โดยกระทำความผิดอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ครั้งนี้เราสามารถจับกุมตัวคอลเซ็นเตอร์ได้ และจะขยายผลถึงที่สุดต่อไป แจ้งเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนว่าในสังคมขอให้ประชาชนได้โปรดใช้สติอย่ารีบโอนเงินให้คนแปลกหน้าหรืออ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่
หากไม่แน่ใจหรือสงสัยว่าบุคคลจะเป็นมิจฉาชีพ หรือไม่ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ หรือแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ “สืบนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ