แกะรอยกว่า 15 วัน …สืบนครบาลรวบ “เจน-ยวน คู่ขาแก๊งล้วงกระเป๋า เตรียมตัวก่อเหตุซ้ำ ผงะคำรับสารภาพ ก่อเหตุกว่า 100ครั้ง
เมื่อวันที่ 26 กันยาบน2566 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.นิวัตน์ พึ่งอุทัยศรี รอง ผบก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู รอง ผกก.สส.1 บช.น. , พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.สส.1 บช.น. , พ.ต.ท.พัฒน์พงษ์ กื้อมะโน สว.กก.สส.1 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ต.คณิตนนท์ ถนอมศรี สว.กก.สส.1 บก.สส.บช.น. ,เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนนครบาล (บก.สส.บช.น.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.จว.สมุทรปราการ และเหล่านักเรียนอบรมหลักสูตรสืบสวนคดีอาญา รุ่นที่ 113
ร่วมนำกำลังสืบสวนติดตามและจับกุมตัว นายบุญ หรือเจน อายุ 43 ปี ชาวกัมพูชา ตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ 903/2566 ลงวันที่ 26 กันยายน 2566 และนายจัน หรือยวน เน็ต อายุ 31 ปี ชาวกัมพูชาโดยกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 1 ว่า ในข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ฯ(ล้วงกระเป๋า)”โดยกล่าวหาผู้ต้องหาที่ 2 ว่า “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”
ยึดของกลาง ได้แก่ เสื้อผ้าและอุปกรณ์ที่ผู้ถูกจับใช้ในการก่อเหตุ 1 ชุด เงินสด 30,000 บาท แหวน ลักษระคล้ายทองคำ 1 วง พระเครื่องพร้อมกรอบ ลักษระคล้ายทองทำ 1 องค์ สร้อยคอ ลักษณะคล้ายทองคำ 1 เส้น และ โทรศัพท์มือถือ ยี่ห้อ oppo 1 เครื่อง และ ของกลางอื่นๆ อาทิ สมุดบัญชีธนาคารต่างๆ 3 เล่ม ตั๋วจำนวนทอง 5 ใบ รายการอื่นๆ รวม 22 รายการ จับกุมตัวได้ที่บริเวณหน้าห้างอิมพีเรียล สาขาสำโรง ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ
พฤติการณ์กล่าวคือ ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนและนักท่องเที่ยวผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน ว่าเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2566 มีกลุ่มแก๊งมิจฉาชีพออกตระเวนล้วงกระเป๋าเอาทรัพย์สินพนักงานและนักท่องเที่ยวจำนวนหลายราย ในพื้นที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น.สืบสวน
จนทราบแผนประทุษกรรมของแก๊งนี้ ประกอบด้วยสมาชิกเป็นชาวกัมพูชาประมาณ 4-5 คน พักอาศัยในอพาร์ตเมนต์ย่านสำโรง-เทพารักษ์ จะออกตระเวนก่อเหตุล้วงกระเป๋าเป็นอาชีพตามแหล่งชุมชนที่มีนักท่องเที่ยวและผู้คนสัญจรพลุกพล่าน มักจะรวมตัวบริเวณห้างดังย่านสำโรง หรือ สี่แยกบางนา
เดินทางโดยใช้รถสาธารณะ เข้าพื้นที่เป้าหมาย บางจุดมีระยะทางกว่า 30 กิโลเมตร ในย่านธุรกิจสำคัญๆ สับเปลี่ยน หมุนเวียน วันเว้นวัน ไม่ซ้ำเวลา ทั้งในช่วงเช้า (ตั้งแต่ 06.00 น.) จนถึงช่วงค่ำ (24.00 น.) ในย่านสำคัญ อาทิ ย่านสุขุมวิท ซอยนานา , สีลม , สาธร , ตลาดประตูน้ำ , สี่แยกเกษตร ตลอดเส้นจนถึง เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน
มักจะเลือกเหยื่อทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ โดยเน้นสัญชาติ ญี่ปุ่น เกาหลี และสัญชาติจีน เป็นหลัก ไม่เว้นแม้กระทั่งชายและหญิง ที่มีการสะพายกระเป๋าเป้ไว้ทางด้านหลัง วิธีการก่อเหตุของกลุ่มนี้ จะทำงานกันเป็นทีมอย่างน้อย 2 คน จะลงพื้นที่เดินไปมาโดยรอบและติดตามหาเหยื่อ
เมื่อพบเป้าหมายก็จะมีการแบ่งหน้าที่กันทำแบบชัดเจน คนหนึ่งจะทำหน้าที่ติดตามสังเกตการณ์ตรวจตราพื้นที่โดยรอบเพื่อรอจังหวะที่จะออกคำสั่งผ่านการโทรศัพท์ในรูปแบบหูฟังไร้สาย (Bluetooth) ไปยังอีกคนหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้เคียงเข้าเดินตามติดผู้เสียหายและเมื่อสบโอกาส คนร้ายจะล้วงกระเป๋า เปิดซิปเป้สะพายหลังก่อนล้วงเอาทรัพย์สิน โดยอีกคนจะทำหน้าที่เดินบังเพื่อมิให้คนอื่นเหตุพฤติกรรมการก่อเหตุ เมื่อได้ทรัพย์ทั้งคู่จะเดินฉีกออกก่อนจะขึ้นรถโดยสารสาธารณะหลบหนี แล้วนัดกันแบ่งทรัพย์สินที่ได้มา
จากการตรวจสอบประวัติการต้องโทษพบว่า นายบุญ หรือเจนฯ ผู้ถูกจับเคยต้องโทษในลักษณะเดียวกันในฐานความผิด “ลักทรัพย์” เมื่อปี พ.ศ.2561 ที่ผ่านมา
ชั้นจับกุม นายบุญฯ และนายจันฯ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “เมื่อประมาณต้นปี พ.ศ.2566 ผู้ถูกจับทั้งสองได้ลักลอบเข้าประเทศไทย ผ่านช่องทางธรรมชาติในพื้นที่ จ.สระแก้ว โดยเมื่อเข้ามาในประเทศไทย โดยไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง และผู้ถูกจับทั้งสองได้รู้จักกัน คบหา และมีความสนิทสนมกันประมาณ 5 เดือน
ได้ชักชวนเพื่อนๆที่รู้จัก รวมตัวกันศึกษา เรียนรู้ และวางแผน มีเพื่อนแก๊งนักล้วงกระเป๋าชาวเวียดนาม คอยให้คำปรึกษาและสอนเทคนิควิธีการล้วงกระเป๋าระดับเซียนให้กลุ่มแก็งค์นักล้วงกระเป๋าดังกล่าวจนซ้ำซอง และเดินทางเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่แหล่งชุมชนดังกล่าวที่มีนักท่องเที่ยวและผู้คนสัญจรและชุมนุมอยู่เป็นจำนวนมาก
เมื่อได้ทรัพย์สินที่ลักมาได้ จะโอนเงิน หรือ ซื้อเป็นทองคำรูปพรรณ ส่งกลับไปให้ภูมิลำเนาบ้าน ณ ประเทศเพื่อนบ้าน โดยผู้ถูกจับทั้งสองรับว่า กลุ่มของตนได้ออกตระเวนล้วงกระเป๋าในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ไม่เว้นแต่ละวัน โดยบางวันสามารถล้วงกระเป๋าผู้เสียหายได้มากถึง 3-4 รายรวมจำนวนการก่อเหตุมากกว่า 100 ครั้ง
หลังการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนนครบาล จึงได้นำตัวผู้ถูกจับทั้งสองส่งพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบของ สน.ทุ่งมหาเมฆ และ สภ.สำโรงเหนือ จว.สมุทรปราการโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบนครบาลได้เฝ้าติดตามพฤติกรรมและสะกดรอยกลุ่มบุคคลต้องสงสัยเป็นระยะเวลากว่า 2 สัปดาห์ จนแน่ชัดพบกลุ่มแกงค์นักล้วงกระเป๋าที่ตระเวนก่อเหตุจริง จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและเข้าจับกุมพร้อมตรวจยึดของกลาง รวม 22 รายการเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไป
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “จากการจับกุมแก็งค์ล้วงกระเป๋าในครั้งนี้ สืบนครบาล IDMB จะทำการสืบสวนขยายจับกุมเครือข่ายแก็งค์มิจฉาชีพที่มีพฤติกรรมในลักษณะแบบเดียวกันอย่างต่อเนื่องและจริงจัง เนื่องจาก จากการสืบสวนพฤติกรรมของกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้ จะมีการสั่งการและทำงานกันเป็นทีม มีการแบ่งหน้าที่กันชัดเจน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจำต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้เท่าทัน
อาชญากรรมดังกล่าวนี้ เป็นอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในสังคม รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งในเวลาอันใกล้นี้ ประเทศไทยจะเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก จึงเป็นภารกิจจำเป็นและเร่งด่วนอย่างยิ่งในการส่งเสริมและสร้างภาพลักษณ์อันดีต่อท่องเที่ยวในการสร้างความรู้สึกปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและชาวต่างชาติเป็นสำคัญ
สืบนครบาล จะเร่งดำเนินขยายผลติดตามจับกุมให้ได้ทั้งขบวนการ ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. และขอฝากเตือนไปยังผู้ประชาชนซึ่งเดินทางโดยการสัญจรอยู่บนฟุตบาทต่างๆ อยู่เป็นประจำ ให้เดินทางโดยใช้ความระมัดระวัง เก็บสิ่งของมีค่าให้มิดชิด เพื่อความปลอดภัยในทรัพย์สินของท่าน” จึงขอประชาสัมพันธ์ถึงผู้ที่เคยตกเป็นเหยื่อคนร้ายรายนี้ ให้แจ้งมาที่เฟซบุ๊กเพจ “สืบนครบาล IDMB” จะมีเจ้าหน้าที่ประสานงานตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งจะปกปิดข้อมูลของเหยื่อเป็นความลับ