ผบ.ตร.ส่งทีม PCT 5 แกะรอยรวบอดีตทนายมารสังคมใช้ภาพปลอมสร้างโปรไฟล์สุดหรูในแอปหาคู่ ล่อลวงให้รักหลอกเอาเงินจนหมดตัวเหยื่อบางรายหวิดคิดสั้นฆ่าตัวตาย
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ส่งทีมนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรมชุด PCT5 ร่วมกับชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบนครบาลแกะรอยติดตามอ้างเป็นนายแพทย์ทอมในโลกโซเชี่ยลหลังรับแจ้งจากผู้เสียหายหญิงรายหนึ่งซึ่งป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ถูกคนร้ายหลอกลวงผ่านแอปพลิเคชั่นหาคู่ App Bumble
แผนประทุษกรรมสุดแสบโดยใช้โปรไฟล์เป็นหนุ่มรูปงาม และเป็นคนสายบุญ หลอกให้เหยื่อหลงรัก จากนั้นคนร้ายลวงให้ผู้เสียหายลงทุน Money Exchange มูลค่าความเสียหายเกือบ 2 ล้านบาทจนหมดตัว แล้วออกอุบายบังคับให้มีเพศสัมพันธ์กับพ่อของคนร้ายเพื่อพิสูจน์รักแท้
แต่สุดท้ายพบว่าเป็นตัวคนร้ายเอง สืบพบว่ามีประวัติโชกโชน ตระเวนก่อเหตุมาตั้งแต่ปี 49 จนถึงปัจจุบันกว่า 6 คดี และมีหมายจับ 2 หมาย ได้ตัดกำไล EM หลบหนีประกัน จึงให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ในฐานะหัวหน้า PCT 5 เร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะเป็นภัยสังคมอย่างยิ่ง เกรงว่าจะมีเหยื่อหญิงสาวถูกล่อลวงเพิ่มขึ้น
วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. (PCT) , พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น.
ให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./หน.PCT ชุดปฏิบัติการที่ 5 พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. ร.ต.อ.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ รอง สว.กลุ่มงานการข่าวฯ ร.ต.อ.กิติศักดิ์ ออกรัมย์ รอง สว.กก.1 บก.สอท.3 ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพ รอง สว.กก.2 บก.สส.ภ.2
ร่วมกันกับทีมนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรมของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ เจ้าหน้าที่ ตำรวจ PCT ชุดที่ 5 และ บก.สส.บช.น.ได้ร่วมกันจับกุมนายพงศกร หรือชาย ศุภกรมงคลชัย อายุ 43 ปี ตามหมายจับ 3 หมายจับ ดังนี้
1.หมายจับศาลแขวงเชียงใหม่ที่ จ.407/2561 ลงวันที่ 16 ต.ค. 61 ข้อหา “ยักยอกทรัพย์”
2.หมายจับศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ที่ จ.90/2563 ข้อหา “ฉ้อโกง”
3.หมายจับศาลอาญาที่ 35/2566 ลงวันที่ 2 ก.พ. 66 ข้อหา “ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น”
กล่าวหาว่า “ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมด หรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น”
ตรวจค้นห้องพักเลขที่ 945/526 ชั้น 7 อาคาร c เลสโต คอนโด สุขุมวิท 13 ต.สำโรงเหนือ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ ตามหมายค้นศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 46/2566 ลงวันที่ 3 ก.พ. 66
ตรวจยึดของกลาง คือ
1.โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง(พบข้อมูลภาพผู้เสียหายเปลือยที่คนร้ายใช้แบล็คเมลล์)
2.สมุดจดบันทึก 6 เล่ม (พบข้อมูลการจดลักษณะนิสัยของเหยื่อ)
3.บัตร ATM จำนวน 12 ใบ
4.สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 17 เล่ม
5.ซิมโทรศัพท์มือถือ จำนวน 16 ซิม
6.เอกสารการทำธุรกรรมการเงินจำนวนมาก
พฤติการณ์กล่าวคือ สืบเนื่องจากมีหญิงสาวผู้เสียหายรายหนึ่งได้ขอความช่วยเหลือไปถึง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. แจ้งว่าได้ใช้แอปพลิเคชั่นหาคู่ App Bumble ได้พบกับคนร้ายซึ่งอ้างว่าตนเองชื่อ นายเธนศ(ไม่ทราบนามสกุล) ชื่อเล่น “ทอม”
คนร้ายสร้างภาพโปรไฟล์เป็นหนุ่มรูปหล่อ ได้แชตสนทนาจีบหญิงผู้เสียหาย โดยคนร้ายหว่านล้อมแสดงตนว่าเป็นผู้ชายสายบุญ กระทั่งหญิงผู้เสียหายรายนี้เริ่มหลงรัก เมื่อคนร้ายได้แชตสนทนากับหญิงผู้เสียหายได้มาระยะหนึ่ง คนร้ายรับรู้ได้ว่าหญิงผู้เสียหายมีอาการป่วยเป็นโรคซึมเศร้า
จากนั้นใช้เทคนิคการสนทนาในลักษณะรู้จุดอ่อนของเหยื่อแต่งเรื่อง “วิปริต” หลอกลวงหญิงผู้เสียหายต่อไปว่า หากต้องการจะคบเป็นแฟน หญิงผู้เสียหายจะต้องไปหลับนอนกับ “พ่อ”ของตนก่อนมิเช่นนั้นจะต้องเลิกรากัน
หญิงผู้เสียหายกลัวที่จะต้องเลิกรายอมไปพบกับ “พ่อของหนุ่มหล่อที่แชทสนทนากัน แท้จริงพ่อคนดังกล่าวนั้นคือ ผู้ต้องหานั่นเอง
คนร้ายหลอกลวงเช่นนี้เพราะทราบดีว่าตนหน้าตาไม่เหมือนกับใบหน้าในโปรไฟล์ที่แชทสนทนา ออกอุบายว่าตนเองเป็นพ่อของหนุ่มรูปหล่อที่แชทสนทนากับหญิงผู้เสียหาย เมื่อคนร้ายได้นัดเจอกับหญิงผู้เสียหายที่โรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งใน ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เป็นจำนวนกว่า 4 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค. 66 ถึงวันที่ 19 ม.ค. 66
จากนั้นคนร้ายจึงเริ่มล่อลวงให้หญิงผู้เสียหายเริ่มลงทุน Money Exchange โดยเริ่มโอนเงินให้กับคนร้ายหลายครั้ง และยังถูกหลอกให้นำรถยนต์ของเหยื่อไปขายเพื่อนำเงินมาโอนให้กับคนร้ายอีก รวมความเสียหายทั้งหมด 1,511,911 บาท(หนึ่งล้านห้าแสนหนึ่งหมื่นหนึ่งพันเก้าร้อยสิบเอ็ดบาทถ้วน)
หลังรับแจ้ง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ ได้วิเคราะห์เห็นความผิดปกติของคดีซึ่งเชื่อว่ามีข้อเท็จจริงที่ซ่อนเร้นมากกว่าการหลอกลวงทั่วไป สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ในฐานะหัวหน้าชุด PCT5สืบสวนร่วมกับทีมนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรมในทันที
เมื่อลงสืบสวนก็ได้พบกับวิธีการสุดเลวยิ่งกว่าการถูกหลอกลวงทั่วไป โดยสืบสวนพบว่า ลักษณะของหญิงผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อนั้น มีอาการคิดฆ่าตัวตาย ซึ่งวิเคราะห์ได้ว่ามีสิ่งที่เกิดขึ้นมากกว่าการถูกหลอกลวงทั่วไป ว่าเหยื่ออาจถูกคนร้าย “แบล็คเมล์”
โดยเชื่อว่าการที่หญิงผู้เสียหายยอมมีเพศสัมพันธ์กับคนร้ายซึ่งเป็นชายแปลกหน้าถึง 4 ครั้งนั้น ต้องเกิดจากที่คนร้ายใช้วิธีการเชิงบังคับอย่างแน่นอน
ต่อมาทีมนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรมของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ ได้สืบสวนจนทราบว่าคนร้ายคือ นายพงศกร ศุภกรมงคลชัย อายุ 43 ปี ตรวจพบว่าเป็นเป็นอดีตทนายความในพื้นที่ จว.ชลบุรี แต่ได้ถูกถอนใบอนุญาตไปเนื่องจากเข้าไปพัวพันเรื่องผิดกฏหมายกับกลุ่มชาวต่างชาติ จากการตรวจสอบพบว่าเป็นบุคคลตามหมายจับกว่า 2 หมายจับ และมีประวัติก่อเหตุมาแล้วหลายคดีดังนี้
1.วันที่ 15 พ.ย. 49 ถูกดำเนินคดีในข้อหา “พ.ร.บ.เช็ค” พื้นที่ สภ.เมืองนครปฐม
2.วันที่ 21 มิ.ย. 50 ถูกดำเนินคดีในข้อหา “ลักทรัพย์” พื้นที่ สภ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ
3.วันที่ 15 พ.ค. 61 ถูกดำเนินคดีในข้อหา “ยักยอกทรัพย์” พื้นที่ สภ.แม่ปิง จ.เชียงใหม่
4.วันที่ 1 พ.ค. 63 ถูกดำเนินคดีในข้อหา “ฉ้อโกง” พื้นที่ สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์
5.วันที่ 30 ม.ค. 65 ถูกดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” พื้นที่ สน.ตลิ่งชัน
6.วันที่ 29 พ.ค. 65 ถูกดำเนินคดีในข้อหา “ฉ้อโกงและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” พื้นที่ สน.สมเด็จเจ้าพระยา
กระทั่งต่อมาวันที่ 3 ก.พ. 66 พล.ต.ต.ธีรเดชฯ นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด PCT5 ได้นำกำลังเข้าจับกุม นายพงศกรฯ ตามหมายจับได้ที่หน้าร้านกิมฮุง ร้านทอง ถ.สุขุมวิท ต.สำโรงเหนือ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ
ขณะจับกุม นายพงศกรฯ ออกอุบายตบตาเจ้าหน้าที่ แสร้งว่ามิใช่บุคคลตามหมายจับ เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วยืนยันว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริงและจับกุมตัว นายพงศกรฯยังมีพฤติกรรมต่อสู้ขัดขืน เจ้าหน้าที่ จึงได้ใช้กำลังตามสมควรในการจับกุม
หลังการจับกุม พล.ต.ต.ธีรเดชฯ ขยายผลการจับกุม เข้าตรวจค้น ห้องพักเลขที่ 945/526 ชั้น 7 อาคาร c เลสโต คอนโด สุขุมวิท 13 ต.สำโรงเหนือ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ ตามหมายค้นศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ 46/2566 ลงวันที่ 3 ก.พ. 66 พบของกลางหลายรายการ
ตรวจพบหลักฐาน “สมุดบันทึก” ซึ่งมีการบันทึกลักษณะจิตใจ พฤติกรรม ของเหยื่อผู้เสียหาย และยังตรวจพบข้อมูลภาพถ่ายของผู้เสียหาย ที่นายพงศกรฯใช้แบล็คเมลล์ในโทรศัพท์มือถือกว่าหลายภาพ และยังพบอัลบั้มภาพลักษณะนี้กับผู้หญิงรายอื่นอีกไม่ต่ำกว่า 3 คน
หลังเสร็จสิ้นการขยายผล การนำตัว นายพงศกรฯ ส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.สอท.1ดำเนินคดีตามกฏหมาย ส่วนหมายจับที่เหลืออีก 2 หมาย ได้ประสานงานกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ และ สภ.แม่ปิง ทำเรื่องอายัดตัวต่อไป
ชั้นจับกุม นายพงศกรฯ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ให้การว่า
“ จบการศึกษานิติศาสตร์ และเนติบัณฑิตไทย และเคยมีอาชีพเป็นทนายความ เป็นเจ้าของเปิดสำนักงานทนายความอยู่ที่ จ.ชลบุรี แต่ได้เข้าไปพัวพันกับกลุ่มชาวต่างชาติ สัญชาติออสเตรเลียที่กระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติด ทำให้ไม่ได้เป็นทนาย ช่วงที่ผ่านมาได้ใช้ชีวิตแบบหลบๆซ่อนๆ เพราะได้หนีการประกันตัวชั้นศาล ได้แอบถอดกำไลข้อเท้าทิ้งไปแล้ว
คดีนี้ยืนยันว่าไม่ได้ข่มขืนผู้เสียหาย ไม่ได้แบล็คเมลล์ หญิงผู้เสียหายเป็นฝ่ายยินยอม โดยอ้างว่าเมื่อนัดพบกันแล้วและใบหน้าไม่เหมือนโปรไฟล์นั้น หญิงผู้เสียหายไม่ได้ว่าอะไรเพราะคุยกันเรียบร้อยแล้ว ไม่ได้ฉ้อโกง แต่เป็นการขอยืมเงิน และยังติดหนี้หญิงผู้เสียหายอยู่แค่ 500,000 บาท แต่เอาเงินไปเล่นการพนันออนไลน์จนหมดแล้วจึงไม่มีคืน
ส่วนที่ภายในห้องพบสมุดบัญชีและซิมโทรศัพท์จำนวนมากนั้น เป็นของคนรู้จักไม่ได้ทำผิดกฎหมายใดๆ ส่วนภาพผู้เสียหายในเครื่องโทรศัพท์นั้นเป็นการเอามาจากเว็บไซต์และเป็นการแลกคอลเสียวกันโดยเต็มใจทั้งสองฝ่าย ยืนยันว่าไม่ได้มีนำภาพมาแบล็คเมลล์แต่อย่างใด ส่วนคดีอื่นๆที่ยังค้างอยู่เยอะนั้นตนเองไม่ทราบ”
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า
“เราไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา เพราะจากพยานหลักฐานได้วิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมของผู้ต้องหา ประกอบกับภาพในโทรศัพท์ของผู้ต้องหานั้น เป็นภาพการวีดิโอคอลลักษณะที่ฝ่ายหญิงผู้เสียหายเป็นฝ่ายเปิดภาพกล้องฝ่ายเดียวในสภาพเปลือยกาย ส่วนฝ่ายคนร้ายนั้นไม่มีการเปิดกล้อง เป็นเช่นนี้จำนวนหลายภาพ
รูปแบบและเทคนิคการฉ้อโกงที่น่ากลัว และพยานหลักฐานที่พบสมุดจดในห้องนั้นมีการวิเคราะห์จุดอ่อนของเหยื่อไว้ด้วย คนร้ายในคดีนี้จึงถือเป็นภัยต่อสังคมอย่างยิ่ง มีจิตวิทยาสูง อาศัยความเชื่อเหยื่อในการดูดวง
ผมจะไม่ยอมให้คนเหล่านี้อยู่ร่วมในสังคมกับประชาชนทั่วไปได้ เพราะการกระทำเยี่ยงนี้สามารถทำลายชีวิตคนให้ตายทั้งเป็นได้เลย และขอเตือนภัยไปยังกลุ่มผู้ใช้แอปพลิเคชั่นหาคู่เหล่านี้ ล่าสุดเราพบข้อมูลในโทรศัพท์ของคนร้าย ยังคงมี User ออนไลน์ไว้ในระบบแอปหาคู่ชื่อดัง 2 แอปพลิเคชั่น โดยใช้ชื่อโปรไฟล์ว่า “Tom” โดยใช้ภาพโปรไฟล์เป็นหนุ่มหล่อ ให้ลองตรวจสอบโดยเร็วหากผู้ใดได้รับความเสียหายถูกหลอกลวงไปแล้วหรือกำลังจะหลงเชื่อ สามารถขอคำปรึกษาได้ทางเพจเฟสบุ๊ค สืบสวนนครบาล IDMB ได้ตลอด 24 ชม.”