วันที่6ธ.ค.66 ภายใต้การอํานวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นชุ นารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุขผบก.สส.สตม.,พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.สส.สตม.
พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รองผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ รองผบก.ตม.1, พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐพงษ์ แก้วยอดผกก.4 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวนบก.สส. สตม., พ.ต.อ.กาจภณ ปฐมัง ผกก.สส.บก.ตม.1 ร่วมแถลงข่าวจับกุม ผู้ต้องหารายสําคัญ ดังนี้
1.สตม.รวบหนุ่มออสซี่ ระดับแกนนําแก๊ง HELLS ANGELS ใช้หนังสือเดินทางผู้อื่นเข้าไทยพบพัวพัน คดียาเสพติดและอาวุธปืนหลายคดีและประวัติอาชญากรรมเพียบ
บก.สส.สตม. จับกุม MR.ELICES หรือเอเลียส (นามสมมติ) อายุ 31 ปีชาวออสเตรเลีย ฐาน ใช้หนังสือเดินทางของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ส่งพนักงาน สอบสวน บก.สส.สตม. ดําเนินคดีตามกฏหมาย
หลังร่วมสืบสวนกับสถานทูตออสเตรเลียประจําประเทศไทย พบนายเอเลียสใช้หนังสือเดินทางประเทศอิตาลี ชื่อ MR.GJINI เช่าเครื่องบินส่วนบุคคลเดินทางเข้ามาที่ประเทศไทย ชุดสืบสวนได้นําฐานข้อมูลลายพิมพ์นิ้วมือของบุคคลที่ใช้หนังสือเดินทางประเทศอิตาลี ชื่อ MR. GJINI ส่งเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลประเทศออสเตรเลีย พบว่าลายพิมพ์นิ้วมือ ตรงกับบุคคลที่ชื่อ นายเอเลียส
จากการตรวจสอบรูปภาพ ในระบบสารสนเทศ ตม. พบว่าบุคคลที่ใช้หนังสือเดินทางของประเทศอิตาลี ชื่อ MR.GJINI คือ นายเอเลียส จริง โดยเดินทางเข้าประเทศไทย ด้วยวีซ่าประเภท ผ.30 ซึ่งเป็นวีซ่านักท่องเที่ยวที่สามารถอยู่ในประเทศไทยได้ไม่เกิน 30 วัน
อีกทั้งนายเอเลียส เป็นผู้ต้องหารายสําคัญของประเทศออสเตรเลีย เป็นแกนนําแก๊ง HELLS ANGELS เครือข่ายจําหน่ายยาเสพติด ลักลอบนําเข้ายาเสพติดและอาวุธปืน มีหมายจับที่เป็นการกระทําความผิด 38 กระทง เป็นความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน วน 36 กระทง ความผิดเกี่ยวกับการนําเข้ายาเสพติดเมทแอมเฟตามีน14 กิโลกรัม 1 กระทง และมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ จํานวน1 กระทง อีกทั้งยังมี ประวัติอาชญากรรมเกี่ยวกับการทําร้ายเจ้าหน้าที่และการปล้นทรัพย์ด้วย
ชุดสืบสวนสืบสวนจนทราบว่า นายเอเลียส ได้หลบหนีไปพักอาศัยอยู่ที่คอนโดหรูแห่งหนึ่งย่านทองหล่อ ได้นํากําลังจับกุมไว้ได้ สอบสวนยอมรับว่า หลบหนีออกมาจากประเทศออสเตรเลียจริง ใช้หนังสือเดินทางของของ MR.GJINI เข้ามาที่ประเทศไทยและเคยยื่น ขอต่อการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยหลังจากนั้นทราบว่าทางตํารวจประเทศออสเตรเลียได้ประสานกับ ตํารวจตรวจคนเข้าเมืองประเทศไทย ได้พยายามหลบหนีมาโดยตลอด นําตัวส่ง พนักงานสอบสวนเพื่อดําเนินการตามกฎหมายต่อไป
2.สตม.บุกรวบสองหนุ่มแดนปลาดิบ ก่อเหตุลักทรัพย์ อยู่เกินอนุญาต พ่วงประวัติอาชญากรรมเพียบ
บก.ตม.1 จับกุม นายมาซาโอะ (นามสมมติ) อายุ 36 ปี ชาวญี่ปุ่น ฐาน ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน และจับกุม นายซูซูกิ (นามสมมติ) อายุ 24 ปีชาวญี่ปุ่น ในความผิดฐาน เป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักร โดยการอนุญาตสิ้นสุด ส่งพนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ดําเนินคดีตามกฏหมาย
หลังทราบจากสายลับว่ามีกลุ่มชาวญี่ปุ่นกลุ่มหนึ่งซึ่ง มีพฤติกรรมที่น่าเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรืออาชญากรรมประเภทอื่นๆ โดยมักจะเช่าบ้านอยู่รวมกันหลายๆ คน และ เปลี่ยนที่พักไปเรื่อยๆ ใช้รถยนต์เป็นยานพาหนะที่จดทะเบียนในชื่อของบุคคลอื่น พักอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านหรูย่านพัฒนาการ มีสมาชิก 4-5 คนผลัดเปลี่ยนกันเข้าๆออกในบ้าน
เจ้าหน้าที่ตํารวจได้สืบสวนหาข่าวเรื่อยมาจนทราบชื่อสมาชิกรายหนึ่งของกลุ่ม ได้แก่ นายมาซาโอะ เนื่องจาก ชุดสืบสวนได้ทราบข้อมูลจากสายลับว่า เมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมานายมาซาโอะได้ยึดโทรศัพท์ของแม่บ้านรายหนึ่งไว้ เนื่องจากไปพบคลิปวิดิโอและภาพถ่ายที่เป็นหลักฐานการกระทําความผิดของตนในบ้านหลังดังกล่าวหลายภาพ
ต่อมา ผู้เสียหายไปแจ้งความดําเนินคดีกับนายมาซาโอะในความผิดฐานลักทรัพย์ในเวลากลางคืน จนกระทั่งพนักงานสอบสวน สน. คลองตัน ยื่นคําร้องต่อศาลอาญาพระโขนงขออนุมัติหมายจับนายมาซาโอะกระทั่งจับกุมได้
ตรวจสอบหนังสือเดินทางพบว่าเข้ามาในราชอาณาจักรเมื่อ 22 พ.ย. 66 ทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ด้วยวีซ่าประเภท ผ.30 อนุญาตถึง 21 ธ.ค. 66 การอนุญาตยังไม่สิ้นสุด และยืนยันว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริงเจ้าหน้าที่ตํารวจชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหาและแจ้งสิทธิ์ของผู้ถูกจับให้ทราบ
นอกจากนี้ในที่เกิดเหตุยังพบนาย ซูซูกิ (นามสมมติ) ชาวญี่ปุ่น อายุ 24 ปีเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเมื่อ 6 ต.ค. 66 ทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิด้วยวีซ่าประเภท ผ.30 ครบกําหนดอนุญาต 4 พ.ย. 66 การอนุญาตสิ้นสุดแล้ว24 วัน จึงได้จับกุม โดยกล่าวหา เป็นบุคคล ต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นําตัวส่งพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ดําเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการประสานข้อมูลกับทางการญี่ปุ่น ทําให้ได้ทราบข้อมูลเชิงลึกนายมาซาโอะ มีประวัติเกี่ยวพัน คดีอาญาถึง 18 คดี เช่น คดียาเสพติด คดีทําร้ายร่างกาย และคดีอุกฉกรรจ์อื่นๆ โดยเป็นอดีตสมาชิกแก๊งองค์กร อาชญากรรมที่มีความเชื่อมโยงกับอดีตแก๊งยากูซ่า ส่วนนายซูซูกิผู้ถูกจับรายที่ 2 นั้นก็มีประวัติเกี่ยวพันคดีปล้นทรัพย์ โดยใช้กําลังประทุษร้ายที่ญี่ปุ่น จํานวนถึง 3 คดี