อาจไม่ใช่ หน้าที่ของ ‘ตำรวจ’ แต่มันคือ ‘จิตสำนึกของพลเมือง ‘
เรื่องโดย ไค เซต ซึ
ณ.วันหนึ่ง หลังเลิกงาน เวลาขณะนั้น ล่วงเลยมา ตี 1 กว่าแล้ว เมื่อขับรถผ่านตามถนนหนทางที่ว่างเปล่า เหลือบไปเห็นมินิมาร์ทข้างทางหน้าโรงแรม ทันใดนั้นเองท้องของผมก็เริ่มมร้อง…. มือขวาตีไฟเลี้ยว พร้อมหักรถเข้าไปจอด โดยไม่ทันตั้งตัว เป็นการกระทำที่ไม่ผ่านสมองเลยสินะ? เมื่อจอดสนิทดับเครื่อง และลงไปเลือกหาของกิน แว๊บแรก เมื่อเห็นประตูมินิมาร์ท เปิด ออก “ปี้ปอดดดดดด” เสียง ต้อนรับ ดังขึ้น …สายตาผมยังคงแน่นิ่ง หันซ้ายขวา หากเจอ คณะทัวร์ จาก ประเทศตอนเหนือ ผิวขาว ตาชั้นเดียว พูดคุยช้งเช้ง เสียงดังลั่น…
ในใจคิดนึ ‘จะเดินหน้าหาของกินต่อ หรือจะเลี้ยวกลับ’ เพราะไม่อยากเจอ พฤติกรรม แบบที่โลกโซเชี่ยลประณาม ‘ เสียงดัง ไม่เกรงใจ ลัดคิว ต่างๆนานา’ แต่ด้วย ท้องที่ยังคงร้องต่อไป เลือกที่จะเดินต่อไปยัง ตู้อาหารแช่แข็ง เลือกข้าวได้ 1 กล่อง แต่เกรงว่าถ้ารออุ่นคงจะช้า เอากลับไปอุ่นที่คอนโดก็คงได้
หันมองซ้ายขวามีเครื่องคิดเงิน 2 เครื่อง ปิด 1 เครื่อง เหลือต่อแถว 1 เครื่อง ขณะนั้นด้านหน้าผมมีชาวต่างชาติ ตอนเหนือตาตี่อยู่ประมาณ 7 คน ผมไปยืนต่อ เป็นคนที่ 8 ขณะ คิดเงินไปเรื่อยๆ … จนกระทั้งเหลือ อีก 4 คนก็จะถึงคิวผม พนักงานอีกคนได้มาเปิดใช้บริการอีกเครื่อง ทันใดนั้นเองคนแรกสุดของแถว จึงเลือกเดินฉีกไปเครื่อดังกล่าว ขณะนั้นเริ่มมีผู้มาต่อหลังผมบ้างแล้ว 2-3 คน
การคิดเงินยังคงดำเนินต่อไป คิวที่เกิดขึ้นจากแถวเดียว ก็มีการเดินสลับไปมาซ้ายขวาอย่างเป็นระเบียบ จนกระทั้งผมยืนเป็นคนแรกของคิว
ทันใดนั้นเอง มีชายแต่งตัวปานกลางเดินมายังหน้าเค้าเตอร์พร้อมตะโกนว่าง ‘LM เขียว 1 ซอง’ … พนักงาน หันไปมองหน้า ระหว่างที่ ผมกำลัง ถือกล่องข้าว แช่แข็งที่แทบจะอุ่นกินได้จากไอร้อนในมือตัวเอง ขณะกำลังจะวางกล่องข้าว แล้วให้พนักงานคิดเงิน ผู้คนมากมาย ในแถว หัน มาเหล่ ตามองยังผู้ที่ตะโกนสั่งบุหรี่
พนักงานคงชั่งใจว่า ‘กูจะทำยังไง’ ก่อนหันตัวกลับไปหยิบ บุหรี่ LM สีเขียว มากดคิดเงิน และส่งให้ ชายดังกล่าว ….ช่วงเวลานั้น ผ่านไปรวดเร็วมาก( 1 นาที คงราวๆ) ผมยังคงได้แต่ ยืนอึ้ง จากความกลัว นิสัย ชาวต่างชาติตอนเหนือ ตาตี่ แต่ ไฉนเลย กลับเจอ ภาษา ที่เรา เรียนรู้ตั้งแต่เกิด เป็นผู้ทำกริยา เยี่ยงนั้น
ระหว่างทางขับรถ กลับคอนโด ผมคิดตลอดเวลา ว่าจะมาโพสต์ เฟชบุ๊กด่าไอ้ผู้ชายคนนั้น ที่มันทำเสียชื่อเสียงประเทศชาติ แต่อีกแว๊บนึงก็คิดขึ้นมา ว่า ‘ถ้าพนักงานขาย ไม่ส่งของให้ล่ะ พนักงาน ก็แย่พอกันไม่ยอมดู อะไรบ้างเลย’
สุดท้าย ความคิดที่ผมคิดและทำให้ตัดสินใจ พยายามลืมเรื่องราวทั้งหมด คงจะโทษคนอื่น ไม่ได้อีกแล้ว เพราะที่เห็นเหตุการณ์ตอนนั้นผมเป็นคนที่ จะสามารถหยุดยั้ง สิ่งที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมด “ผมจะหันไปต่อว่าและทักท้วงพนักงานแต่ผมกลับไม่ได้ทำ” เกรงว่ามันจะ ทำให้ล่าช้า , เกรงว่า เราไม่เห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่อยากจะเข้าไปยุ่ง ผมเป็นตำรวจ ไม่ได้เป็นผู้จัดการมินิมาร์ท นั่นสินะ! มันคงเป็นเพราะ คนอย่างผม คนอย่างเราๆ เป็นเพราะคุณ เป็นเพราะใคร หลายๆคน เมื่อเห็นเรื่องผิด และเรื่องที่ไม่สมควร แต่เรากลับละเลย เพิกเฉย จนความผิดเล็กๆน้อยๆ เหล่านั้น มันกลาดเกลือน ไปทั่ว เมือง.