เดอะเบิ้ม-พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ เคยให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อครั้งยังเป็นอดีต ผกก.ต่อต้านการก่อการร้าย กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บก. ปพ.บช.ก.)หรือที่เรียกว่า คอมมานโด
ลูกชายอดีตทหารม้า ม.พัน7 ค่ายพระยาพิชัยดาบหัก ใฝ่ฝันเป็นชายในเครื่องแบบตามผู้พ่อ สอบเข้าเตรียมทหาร 39 จบ นรต.55
บรรจุครั้งแรก ปี 2545 เป็นพนักงานสอบสวน สภ.กิ่ง อ.ศรีรัตนะ จ.ศรีสะเกษ ปี 2547 ย้ายเข้าหน่วยงานอาร์มสวย เพราะเจ้านายพ่อเป็นเพื่อนผู้การกองปราบฯ “วินัย ทองสอง”ให้มาหาประสบการณ์
เป็นรองสว.ผ.3 กก.4ป. สมัย บิ๊กเบิ้ม-ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร เป็นผกก.4ป. เดอะบัง-สมพงษ์ สุวรรณวงศ์ เป็นสารวัตร
ได้วิชาจากพี่ชัด-นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน พี่หลวง-ภาณุรัตน์ หลักบุญ พี่อ้อ-อัคราเดช พิมลศรี
อยู่กองปราบฯ7 ปี ขึ้นสารวัตรที่ บก.ปปป. ปี 2551 จากนั้นไปอยู่สืบใหญ่ บช.น.ยุค ประยนต์ ลาเสือ เจ้านายเก่า จนท่านเกษียณมีเพื่อนชวนไปอยู่คอมมานโด กองปราบ สมัยพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็นรรท.ผกก.ปพ.บก.ป. ก่อนขึ้นรองผกก.ปพ.บก.ป.เส้นทางชีวิตเปลี่ยนจากนั้น
หลังคอมมานโดยกระดับเป็นกองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ (บก.ปพ.) สไลด์ไปเป็นรองผกก.วิเคราะห์ข่าว บก.ปพ. ขึ้นผกก.วิเคราะห์ข่าว และเป็นผกก.ต่อต้านการก่อการร้าย บก.ปพ. คุมกำลัง 132 นาย รอง ผกก.2 นาย และ สว.4 นาย
ทุกคนในหน่วยขั้นต่ำต้องจบนเรศวร261 เป็นที่มาของคำว่า ตำแหน่งเลือกคน
ผกก.เบิ้ม ผ่านการอบรมหลักสูตรต่อต้านก่อการร้ายที่ค่ายนเรศวร 261 เป็นหัวหน้าทีม 01 นเรศวร รุ่น 15 หลักสูตรสกาย โดดร่มแบบกระตุกเอง
ได้เหรียญทองการยิงปืนภายใต้สภาวะกดดันของกองปราบฯที่พล.ต.ต.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ ผบก.ปพ.ปรับเปลี่ยนมาเป็นหลักสูตรเฉพาะของคอมมานโด
ในฐานะเป็นหัวหน้าหน่วยต่อต้านการก่อการร้าย เจ้าตัวบอกอาวุธที่มีอยู่ไม่ได้ บอกได้แค่ว่าเป็นอาวุธที่ทันสมัยที่สุด ณ ปัจจุบัน ที่หามาได้ในขณะนี้
ส่วนปืนประจำกาย เดอะเบิ้ม บอกว่า
“ใช้ SIG SAUER P320 X5 LEGION ลำกล้อง 5 นิ้ว เป็นปืนใช้งาน ฝึกมา เป็นปืนที่แบบว่า ยิงหวังผล เอาเปรียบด้วยการใส่ดอท เหตุผลที่ใช้ก็คือเพื่อหวังผลหรือใช้ปืนอะไรก็ได้ที่ตัวเองถนัด จะปืนเทพหรือปืนดีขนาดไหน ถ้าไม่เคยยิง ไม่เคยอะไร ผมว่าไม่มีประโยชน์…”
อีกกระบอกใช้ Glock 19 จริงๆตัวนี้ก็ใหญ่นะ แต่พอเทียบกับ X5 LEGION แล้วจิ๋วไปเลย
Glock 19 จะเป็นปืนพกพาปฏิบัติหน้าที่ แต่ถ้าจะยิงหวังผล หมายถึงบันทึกคะแนน ยิงกับลูกน้อง ยิงแข่ง หรือเป็นปืนต่อสู้ จะใช้ SIG SAUER P320 X5 LEGION
Glock 19 ว่าดีแล้วพื้นๆไปเลย คือเป็นปืนที่ทุกคนจับต้องได้ เพราะทุกคนก็จะต้องโตมากับ Glock อยู่แล้ว คือ 2 กระบอกนี่คือหลักๆเป็นปืนรองที่ใช้ หลังจากที่ปืนหลักหมด
ปืนหลักเป็นปืนยาว มีขนาด 5.56 กับ 9 มม.อีกกระบอกหนึ่ง หากไม่แรงมาจะใช้แค่ 9 มม.
ปืนหลักนี่เป็นของหลวงเป็นปืนที่ชุดปฏิบัติการพิเศษใช้
เขาไม่อยากให้รู้ว่าแต่ละชุดมีอาวุธอะไร มันแล้วแต่สถานที่ในการทำงาน ถ้าในป่าก็ได้ ถ้าเป็นบ้านสลัมอย่างนี้ยิงเจาะเข้าไป มันไม่ได้เข้าที่ปูนอย่างเดียว บ้านมันเป็นพวกไม้ สังกะสีอะไรใช่มั้ย มันจะทะลวงเข้าไปไม่รู้กี่หลังต่อกี่หลัง
ส่วนปืนรอง ต้องฟูลออฟชั่น เอาไปเท่าไหร่ก็ได้ถ้าคุณสามารถเอาไปได้ เพราะเยอะกว่ามันก็ได้เปรียบกว่าอยู่แล้ว
หลักใช้ปืนส่วนตัวที่ต้องพึงระลึกไว้เสมอคือกฎความปลอดภัยไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นเป็นเบสิก
แต่ที่ผมว่าที่สุดเลยก็คือ ถ้ายิงแล้วทุกคนแฮปปี้ปลอดภัย ถ้ายิงแล้วก็ต้องสำเร็จ ไม่ใช่ไปดูเป้า ว่าเป้าจะต้องแบบสวยงาม ครูที่ค่ายนเรศวรเขาไม่เอาเป้าตั้งเลยนะ
แต่ที่เป็นห่วงคือตำรวจไทยที่ไม่ใช่หน่วยผมเขาไม่ค่อยได้จับปืนเลย
นั่นคือคือความห่วงใยสุดท้ายของผกก.เบิ้ม -พ.ต.อ.วขิรา ยาวไทยสงค์ ผู้ให้สัมภาษณ์ที่ไม่ได้อ่านบทความนี้
ระลึกถึงผลงานผกก.เบิ้ม ได้ที่นี่ https://policenewsvarieties.com/page/7/?s=วชิรา+ยาวไทยสงค์
ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวและทุกคนที่รู้จัก”เบิ้ม”อีกครั้ง
#policenewsvarieties
เฮียเก๋17/9/66