ผบช.ภ.7 ร่วมผวจ.นครปฐม นำทีมแถลงผลจับกุมคดีอุกฉกรรจ์5 คดี ทั้งรับจ้างฆ่า ทะเลาะวิวาทฆ่ากันตาย-เจ็บและสกัดยาบ้า 4ล้านเม็ด
วันที่ 14 ตุลาคม 2568 ที่หน้าอาคารตำรวจภูธรภาค 7 อ.เมืองนครปฐม พล.ต.ท.พิสิฐ ตันประเสริฐ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 นางสาวอโรชา นันทมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ร่วมแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางจำนวน 5 คดี
คดีแรก พล.ต.ต.พิทักษ์ อุปพงษ์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.อชิรวัตติ์ ถาวรเจริญวัฒน์ ผกก.สภ.เมืองนครปฐมร่วมกันจับกุมนายอาภากร หรือ รักษ์ อายุ 43 ปี ชตาว.โพพระ อ.เมืองเพชรบุรี จว.เพชรบุรี ตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ลง 10 ตุลาคม 2568
พร้อมของกลางปืน.45 มม.1 กระบอก กระสุน 46 นัด จยย. ยี่ห้อ HONDA READ 125 สีเทา(ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน) 1 คัน รองเท้าผ้าใบหุ้มส้นสีขาว 1 คู่ที่สวมใส่ก่อเหตุและหลบหนี จับได้ที่หน้าบ้านเช่าไม่มีชื่อ ม.1 ต.ต้นมะม่วง อ.เมืองเพชรบุรี
แจ้งข้อกล่าวหาว่า “ พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน,มีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน ไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันสมควร ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมืองหมู่บ้านหรือที่ ชุมนุมชน ”
และ นายวรวิทย์ หรือบอย อายุ 50 ปีชาว อ.เลาขวัญ จว.กาญจนบุรี ตามหมายจับของศาลจังหวัดนครปฐม ลง 10 ตุลาคม 2568 แจ้งข้อกล่าวหาว่า “ เป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” จับกุมได้ที่รีสอร์ทแห่งหนึ่ง ต.ชะอม อ.แก่งคอย จว.สระบุรี
ในคดีบุกยิงนายระวี หรือ เสี่ยเปี๊ยก อายุ 75 ปี นักธุรกิจบาดเจ็บสาหัส บริเวณร้านอาหารดอกไม้ป่า ถนนราชมรรคา อ.เมือง จว.นครปฐม เมื่อเย็นวันที่ 7 ตุลาคม 2568
พล.ต.ต.พิทักษ์ อุปพงษ์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม เผยว่า ในการจับกุมดังกล่าว ชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่แกะรอยติดตามภาพจากกล้องวงจรปิดถึงเส้นทางก่อนเกิดเหตุและหลังก่อเหตุของกลุ่มผู้ต้องหาทั้งสองราย
รายแรกคือนายอาภากร หรือรักษ์ มือปืนซุ้มเพชรบุรีที่มีประสบการณ์ช่ำชอง เคยก่อเหตุยิงนักศึกษาราชภัฏนครปฐม ปีที่ 2 เสียชีวิตที่ร้านเจ้าสัว เมื่อปี 2549 และถูกจับกุม ศาลตัดสินติดคุกอยู่ 10 ปี จากนั้นได้ออกมาและกลายมาเป็นดาว TikTok เมื่อปี 2559
ต่อมารู้จักกับนายบอย ผู้ต้องหาที่สองเป็นอดีตตำรวจ ประสานงานติดต่อกันรับงานบุกยิงเสี่ยเปี๊ยก
สอบสวน นายรักษ์ รับสารภาพ รับงานว่าจ้างครั้งนี้ 1.3 ล้านบาท เป็นการติดตามหนี้กว่า 130 ล้านบาท เป็นหนี้ของเจ้านายนายบอย
ครั้งแรกได้รับเงินค่าจ้าง 50,000 บาทนำไปซื้อจยย.คันที่ก่อเหตุ หลังก่อเหตุตนได้ไปรับเงินอีก 500,000 บาท หลังจบงานจะได้รับเงินค่าจ้างเพิ่มอีก 750,000 รวม 1.3 ล้านบาท
คดีที่สอง พล.ต.ต.พิทักษ์ อุปพงษ์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.ยงลิต ศุภผล ผกก.สภ.ดอนตูม ร่วมกันจับกุม นาย นราธิป อายุ 29 ปี ชาว อ.ดอนตูม จ.นครปฐม พร้อมของกลางปืน Glock 9 มม.1 กระบอก จับได้ที่บ้านเช่าเลขที่ 90 ม.1 ต.ห้วยด้วน อ.ดอนตูม จว.นครปฐม
หลังยิง นาย ดอกเลา กลิ่นเจริญ อายุ 59 ปี พ่อตาเสียชีวิต ที่หมู่ที่ 1 ต.ห้วยด้วน อ.ดอนตูม จว.นครปฐม เมื่อค่ำวันที่ 13 ตุลาคม 2568
สอบสวนทราบว่า นายดอกเลา ผู้ตายได้ทะเลาะกับนาย นราธิป ลูกเขย ที่พักอยู่บ้านหลังเดียวกัน นาย ดอกเลา ได้ใช้ปืนลูกซองยิงนาย นราธิป ลูกเขยก่อน และนายนราธิป ใช้ปืนยิงต่อสู้ 3 – 4 นัด กระสุนถูกนาย ดอกเลาเสียชีวิต เจ้าหน้าที่คุมตัวผู้ก่อเหตุพร้อมของกลางส่ง สภ.ดอนตูมดำเนินคดีต่อไป แจ้งข้อกล่าวหาว่า “ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาฯ ”
คดีที่ สาม พ.ต.อ.จุลภณ มีชำนาญ ผกก.สภ.โพธิ์แก้ว นำกำลังจับกุมนายสุวัฒิ อายุ 52 ปี ชาวอ.ดอนตูม จว.นครปฐม ตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐมที่ ลง 10 ต.ค.2568 พร้อมของกลางอาวุธมีด 1 เล่ม
จับกุมได้ที่ตึกแถว ซอยจันทร์ 23/2 แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯหลังใช้มีดแทงนายเกื้อ สิงห์สนั่น อายุ 55 ปี อาขีพขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างเสียชีวิต เมื่อเย็นวันที่ 10 ตุลาคม 2568ที่ริมถนนคลองรางเตย ม.14 ต.ไร่ขิง อ.สามพราน จว.นครปฐม แจ้งข้อกล่าวหาว่าฐาน “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาฯ”
คดีที่ สี่ พ.ต.อ.จุลภณ มีชำนาญ ผกก.สภ.โพธิ์แก้ว จับกุมนาย zaw zaw lin อายุ 29 ปี ชาว เมียนมา พร้อมของกลางมีด 1 เล่ม หลังใช้มีดแทงนาย ออง เมียว ตัน ชาว เมียนมาที่บริเวณลำตัวและศีรษะ อาการสาหัส เหตุเกิดภายในบริษัท โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารไทย จำกัด(โรงงานไวไว)เลขที่ 42/1 ม.2 ต.อ้อมใหญ่ อ.สามพราน จ.นครปฐม เมื่อสายวันที่11ต.ค.68
จับกุมผู้ก่อเหตุได้ในที่เกิดเหตุ สอบสวนรับสารภาพ ส่ง สภ.โพธิ์แก้ว ดำเนินคดี ข้อหา “ พยายามฆ่าผู้อื่น และพาอาวุธมีดติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุจำเป็นอันเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ ”
คดีที่ ห้า พล.ต.ต.กานต์ ธรรมเกษม ผบก.สส.ภ.7 พ.ต.อ. ยอดชาย แก้วเรือง ผกก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.7 นำกำลังกก.สืบสวน 2 บก.สส.ภ.7 จับกุมตัว นายประภากร หรือยุ่ง อายุ 42 ปี ชาว อ.โพธาราม จว.ราชบุรี
พร้อมยาบ้า 4,100,000 เม็ด คีตามีน 3 ถุง น้ำหนักรวมประมาณ 3.15 กรัม รถยนต์กระบะแคป ยี่ห้อ มิตซูบิชิ รุ่นไทรทัน สีเทา จำนวน 1 คัน รถยนต์กระบะสี่ประตู ยี่ห้อ มิตซูบิชิ รุ่นไทรทัน สีขาว จำนวน 1 คัน รถยนต์อเนกประสงค์ ยี่ห้อ มิตซูบิชิ รุ่น ปาเจโร่ สีขาว จำนวน 1 คัน โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง จับกุมได้ที่ริมถนนเพชรเกษม (สี่แยกปากท่อ) ม.4 ต.ดอนทราย อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2568 เวลาประมาณ 03.00 น.
แจ้งข้อกล่าวหาว่า “ ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยการมีไว้ในความครอบครอง เพื่อจำหน่ายอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและทำให้เกิดผลกระทบ ต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนโดยผิดกฎหมาย ,ครอบครองซึ่งวัตถุอออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 (คีตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต ”
พล.ต.ต.กานต์ ธรรมเกษม ผบก.สส.ภ.7 กล่าวว่า รับแจ้งข้อมูลจากสายลับเกี่ยวกับกลุ่มขบวนการผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 7 (จังหวัดราชบุรี) ได้สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเป็นเวลาประมาณ 4 เดือนเศษ จนทราบว่ากลุ่มของนายประภากรหรือยุ่ง มีผู้ร่วมขบวนการหลายราย จะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากภาคกลาง มุ่งสู่จังหวัดราชบุรี ในวันที่ 10 ตุลาคม 2568
นายประภากรหรือยุ่ง จะรับยาเสพติดจากพื้นที่จ.สุพรรณบุรี ใช้ยานพาหนะเป็นรถยนต์ 4 คัน โดยนายประภากรหรือยุ่ง เป็นผู้ขับขี่รถยนต์กระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นไทรทัน สีเทาเป็นรถนำขบวนเพื่อสังเกตการณ์ดูเจ้าหน้าที่ตำรวจ และรถยนต์คันอื่นเป็นพาหนะในการลำเลียงยาเสพติดในวันดังกล่าว ก่อนวางแผนจับกุม
โดยการจับกุมครั้งนี้เป็นไปตามที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้มอบนโยบายการปฏิบัติราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ด้านการปราบปรามยาเสพติด โดยให้เป็นนโยบายเร่งด่วนขจัดยาเสพติให้สิ้นซาก และให้ยกระดับการจัดการปัญหายาเสพติด ซึ่งเป็นภัยคุกคามร้ายแรง ส่งผลกระทบต่อชีวิตของประชาชน