เป็นข่าวหัวยักษ์หนังสือพิมพ์ค่ายหัวเขียว หลังปส.เปิดฉากค้น25จุดทลายเครือข่าย ยาเสพติด “พีอาร์ เงินล้าน”
พฤติกรรมแก๊งยานรกแก๊งนี้ จะใช้สาวๆพีอาร์สวยๆตามสถานบันเทิงเป็นตัวชนขายยาเสพติดให้กับบรรดาลูกค้านักเที่ยว
ถือเป็นการเปิดตัว พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผบช.ปส.คนใหม่ไปในตัว
สำหรับ เดอะป๋อ-พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน รรท.ผบช.ปส. เป็นลูกชายคน ที่2 ของพล.ต.อ.เภา สารสิน อดีตอธิบดีกรมตำรวจ
ได้รับการแต่งตั้งมานั่งเก้าอี้ผู้นำตำรวจปราบปรามยาเสพติด ต่อจากพล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข
ถือว่าเหมาะสมในตำแหน่งผบช.ปส.มากกว่าใคร เพราะคลุกคลีอยู่ในหน่วยงานปราบปรามยาเสพติด ตั้งแต่ยังมีฐานะเทียบเท่ากองกำกับการ ขึ้นตรงกองปราบปราม สามยอด หรือกองกำกับการ 7 ในอดีต จนกระทั่งมาเป็นกองบัญชาการทุกวันนี้
นอกจากนี้ ยังถือเป็นการสานต่ออธิบดีเภาผู้พ่อ ที่ครั้งหนึ่งเคยนั่งเก้าอี้ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ช่วง 2 มิ.ย.2521-4ม.ค.2526ด้วย
เรามารู้จัก เดอะป๋อ ลูกหม้อ ปส.มากกว่านี้กันครับ
สืบสายเลือดสีกากีจากอธิบดีเภาผู้พ่อ
เรียนจบจากเซ็นทรัล บิซิเนส เสตท ยูนิเวอร์สิตี้ อยู่ที่รัฐมิสซูรี่ สหรัฐอเมริกา กลับมาเรียนคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม เรียนปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์ ต่อที่จุฬาฯ จากนั้นก็เข้ารับราชการปี 2530 สมัยท่าน พล.ต.อ.ณรงค์ มหานนท์ เป็นอธิบดี ที่มาเป็นตำรวจ ไม่ได้สอบเข้าเตรียมทหาร หรือนักเรียนนายร้อย ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรนัก ไม่ได้ตั้งใจจะเป็นตำรวจ แต่พอเป็นตำรวจมาชีวิตก็หักเหมาทางนี้ เพราะพี่น้องผมทำงานเอกชนกันหมด มีผมคนเดียวที่รับราชการ
แรงบันดาลใจลึกๆเดินตามรอยพ่อ
จากที่ไม่เคยอยากเป็นตำรวจ แต่ชีวิตที่ได้เห็นพ่อเป็นอธิบดีกรมตำรวจ อาจจะมีแรงบันดาลใจลึกๆ ที่เห็นพ่อเป็นตำรวจ ลูกก็น่าจะเป็นตำรวจสักคน แล้วพอเข้ามารับราชการ ผมมองว่า งานยาเสพติดเป็นงานที่ท้าทาย เป็นงานที่ทำแล้วป็นคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติที่ชัดเจน อีกอย่างที่ผมมาอยู่เพราะว่า เป็นหน่วยงานที่ค่อนข้างจะสะอาด เป็นที่นับหน้าถือตาของประชาชนทั่วไป รวมถึงต่างชาติด้วย เขาเชื่อมั่น
ก้าวแรกที่ปส.ตั้งแต่ยังเป็นกองกำกับ
เริ่มรับราชการจากเป็นรองสารวัตรอยู่ แผนก 1 กองกำกับการ 7 กองปราบปราม สามยอด ยกระดับขึ้นเป็น ศปส.ตร. แล้วมาเป็นสำนักงานปราบปรามยาเสพติด เทียบเท่ากองบัญชาการ สมัยท่านโกวิท ภักดีภูมิ แต่ยังไม่ได้เรียกกองบัญชาการ ที่ตั้งอยู่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ห้องนักข่าวอยู่ทุกวันนี้ พอตอนหลังมาสร้างกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด ที่ตั้งอยู่ที่นี่
เป็นนายเวร “รองพงษ์อมาตย์”
แต่ก่อนหน้าเป็นรองสว.ผ.1กก.7ป. ผมเป็นผู้ช่วยนายเวร ท่านรุ่งโรจน์ ยมกกุล ผู้การกองปราบในขณะนั้น แต่ท่านให้ผมไปช่วยงานยาเสพติด แล้วอยู่มาตลอด ต่อมาท่านพงษ์อมาตย์ อมาตยกุล ท่านเป็น รอง อ.ตร. ขอให้ไปช่วยงานท่าน เลยได้เป็นผู้ช่วยนายเวรเทียบเท่าสารวัตร อยู่มา1ปี แล้วผมกลับมาเป็น สว.ยาเสพติด
ต่อด้วยนายเวร”โกวิท”
พอท่านโกวิท ภักดีภูมิ ขึ้นเป็นรอง อ.ตร.ท่านโทรฯมาบอกคุณมาช่วยงานผมหน่อยได้มั้ย มาเป็นนายเวร แต่ถ้ามีเวลาว่างคุณก็ไปช่วยงานยาเสพติด เรื่องของเรื่องคือท่านเอ็นดูผม ขณะเดียวกันท่านก็ยังให้ผมมาช่วยงานเรื่องยาเสพติด มาช่วยงานปีเดียว ให้ลงเป็นรอง ผกก.แล้วผมไปอยู่ยาเสพติดเหมือนเดิม
ปิดท้าย เป็นนายเวร “ณรงค์วิช”
พอถึงจุดๆ หนึ่ง ท่านณรงค์วิช ไทยทอง เป็น รอง อ.ตร.ท่านโทร.มาหาอีก คือผมเคยทำงานให้ท่าน ช่วงท่านเป็นรอง ผบช.ที่ ปส. ท่านบอกว่า คุณมาช่วยงานผมได้มั้ย ผมก็บอกว่า ผมยังสนุกกับงานที่นี่อยู่ แต่ถ้าท่านต้องการใช้งานผมก็ไม่ขัด คือท่านอยากให้เป็นนายเวร สรุปได้เป็นนายเวร 3 รอง อ.ตร. ทำให้มีโอกาสได้ไปเรียนรู้งานทางโน้น
ผลงานมี ไม่กลัวครหาบารมีพ่อ
จากนั้นผมก็กลับมาอยู่ที่ยาเสพติด ไม่ได้ไปไหนอีกต่อ ก็มาขึ้น ผกก.ตอนเป็นนายเวรท่านณรงค์วิช ตำแหน่งนายเวร นี่คือทั้ง 3 ท่านสนิทกับท่านเภา คงเพราะเห็นผมมานาน
จะพูดว่าได้บารมีคุณพ่อก็ส่วนหนึ่ง แต่ขณะเดียวกัน ผมก็กล้าพูดว่า งานที่ผมทำด้วยผลงานผมเอง ก็มี เพราะฉะนั้นพูดได้เต็มปาก ผมก็ไม่กลัวครหา ด้วยความสัตย์จริง ผมไม่เคยวิ่งไปขอเป็นนายเวร แต่ทั้ง 3 ท่าน เป็นคนเรียกผมไป แล้วก็ได้อยู่กับทั้ง 3 ท่านมาตลอด หลังจากนั้นมาผมก็อยู่ที่ยาเสพติดมา ก็ไม่ได้ไปไหนอีก เรียกว่าปักหมุดเลย
ปฏิเสธ “ประทิน”ไม่ขอไป ตม.
ท่านประทิน สันติประภพ ตอนที่ท่านเป็นรักษาการ อ.ตร.ท่านเรียกไปหา บอกให้ผมย้ายจาก ปส. ท่านบอกว่า ที่นี่อันตราย ไม่อยากให้อยู่ คือชีวิตผมอยู่งานปราบมาตลอด ออกจับผู้ร้ายตลอด ท่านประทิน เรียกไปพบ บอกจะย้ายผมไป ตม.ผมก็บอกว่า ผมทำผิดอะไร จะให้ผมย้ายทำไม ผมไม่ย้าย ท่านบอกว่าที่นี่เสี่ยง จะให้ย้ายไปอยู่ ตม.คือผมก็ทำงานตลอด
ไม่เคยคิดเป็นลูกอดีตผู้นำตร.
ในฐานะลูกอดีตอธิบดีกรมตำรวจเก่า ผมก็ไม่ได้คิดว่าผมเป็นลูกอธิบดี ผมก็เป็นตำรวจคนหนึ่ง เหมือนตำรวจทุกคนเป็น แต่ท่านประทิน ห่วงผม ไม่ใช่เพราะกระทำผิด ท่านบอกอยากจะไปอยู่ที่ไหนก็ได้ แต่ผมไม่ไป ผมอยากอยู่ที่นี่ แล้วท่านก็พูดกับผมบ่อย แต่ยังไงผมก็ไม่ย้าย ผมก็อยู่ที่นี่มาตลอด ผมอยู่จนติดแล้ว
บู๊หนัก-เครื่องแบบไม่เคยใส่
ช่วงที่ทำงานออกจับคนร้ายบ่อย ครึ่งชีวิตผมอยู่กรุงเทพฯ อีกครึ่งชีวิตผมอยู่เหนือ ก็จับเยอะ ออกทำงาน มีนาย มีลูกน้อง ที่คอยสอนงานต่างๆ นานา ผมก็เรียนรู้ไปเรื่อย ชีวิตก็เป็นนักสืบ เครื่องแบบนี่แทบจะไม่เคยต้องแต่ง ออกไปทำงาน ออกสืบสวนจับกุมตลอด ช่วงที่ดุ น่าจะตอนที่ไปอยู่ทางเหนือ ตอนเป็น ผกก.4 ปส.1
ตะลุยพื้นที่ภาคเหนือเป็นหลัก
สมัยก่อน ปส. มี ปส.1 กับ ปส.2 โดย ปส.1 คุมทั่วประเทศ แต่ ปส.2 นี่จะแยกไปว่าตามชื่อตัวยา หรืออะไรอย่างนี้ ตอนหลังก็มาเปลี่ยนโครงสร้า งเป็น ผกก.2 ปส.2 แต่ก็ยังดูภาคเหนือเหมือนเดิม ขึ้นรอง ผบก.ปส.3 ก็ยังอยู่ภาคเหนือ คือยังพื้นที่เดิม เพียงแต่เขาเปลี่ยนโครงสร้าง เป็น 1-4 จนขึ้นผู้การก็ยังภาคเหนือ เหมือนเดิม แล้วก็รอง ผบช.จนตอนหลังผมได้ขึ้น ผบช.ไปอยู่ทำเนียบฯ 2 ปี ถึงมานี่ เป็นปีที่ 3
ทำงานเงียบๆปิดตัว ไม่ค่อยออกสื่อ
งานที่ภูมิใจ ได้ไปลุยภาคเหนือตั้งแต่เป็น ผกก.คืองานยาเสพติด เป็นงานปิดทองหลังพระ หรือใต้ฐานพระ เพราะไม่ให้เปิดตัว ปิดตัวทำอะไรก็เงียบๆ ไปเรื่อย ไม่ได้ออกสื่อ จนติดเป็นนิสัยถึงทุกวันนี้ ผมถึงพยายามจะหลบหรืออะไรบ้าง แต่ทีนี้มันหลบไม่ได้แล้ว สถานการณ์บ้านเมือง และกาลเวลาที่มันเปลี่ยนไป มันก็เป็นสิ่งจำเป็น
จะขุดรากถอนโคนบ่อนทำลายชาติ
อยู่ ปส.มาตลอด เห็นโครงสร้างเครือข่ายขบวนการยาเสพติดมาตลอด ตอนนี้เป็น ผบช.ผมก็ทำเต็มที่อยู่แล้ว ในเรื่องการจับกุม ผมไม่กลัวพวกผู้มีอิทธิพล ถ้าคุณผิดผมก็เอาหมด คุณอย่าทำผิดให้ผมเห็น ถ้าผมรู้ ผมจะต้องขุดรากถอนโคน ผมจะทำให้หมด ผมได้พูดไปแล้ว ยาเสพติด มันเป็นบ่อนทำลายชาติ เป็นสิ่งที่เราต้องร่วมมือกันร่วมใจกันทำ แต่ลำพังตัวผมเองคนเดียว คงทำอะไรไม่ได้มาก
ยอมรับปัญหายานรกหนักขึ้นทุกวัน
ทุกวันนี้ปัญหามันค่อนข้างรุนแรงนะ ผมมองดูแล้ว มันไปทั่วทุกหัวระแหง ทั้งเด็กทั้งโรงเรียน สิ่งที่สำคัญที่ผมมองอยู่ ผมว่าน่าจะเป็นเรื่องของทุกภาคส่วน ต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการช่วย โดยเฉพาะภาคเอกชน ชุมชน ผมว่าชุมชนนี่สำคัญที่สุด ในหมู่บ้าน ในชุมชน ในครอบครัว พวกนี้ สมัยนี้บางทีเด็กที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด มีส่วนหนึ่งที่เป็นพวกที่มีเงิน นั่นแบบหนึ่ง กับอีกอย่างคือครอบครัวแตกแยก เป็นเด็กที่มีปัญหา ทำอย่างไร ที่จะให้เข้าไปดูแลเด็กพวกนี้ได้
ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน อย่าธุระไม่ใช่
สุดท้ายแล้วก็มาหนักตำรวจทุกอย่าง ผมมองอย่างนั้นนะ เรื่องนี้มันไม่ได้ง่ายหรอก ลำพังตำรวจ ถามว่าเขาทำงานเต็มที่มั้ย ผมว่าทุกหน่วยแหละ เขาขับเคลื่อน เขาทำงานทุกอย่างเต็มที่หมด แต่ว่าภาคเอกชน ภาคชุมชน ต้องเข้ามามีส่วนร่วมให้มากกว่านี้ ไม่ใช่ธุระไม่ใช่ ถ้าเป็นอย่างนี้ มันก็จะเป็นอย่างนี้ตลอดไป
จะเข้มข้นให้มากกว่า”บิ๊กหมาย”
ส่วนนโยบายของผม ในการป้องกันปราบปราม ก็ยังเพิ่มมาตรการให้เข้มข้นมากขึ้นอีก ทั้งจับ ทั้งเรื่องขาดเหลืองบประมาณ หรืออะไรก็ตาม ถ้ามีการร้องขอ ผมจะสนับสนุนให้เต็มที่ทุกเรื่อง ขณะเดียวกัน เรื่องของการยึดทรัพย์ การตัดวงจรเศรษฐกิจ เรื่องการเงิน การฟอกเงิน ก็เน้นด้วย ไม่ใช่เฉพาะปราบ
พี่หมายก็ทำดีอยู่แล้วนะ แต่ผมจะเน้นให้เข้มข้นขึ้นไปอีก เพราะตอนนี้ผมดูว่า เรื่องการเงินการทองของคนพวกนี้ ถ้าเราไม่เข้าไปดู มันก็ยังสบายใจกันอยู่ ถ้าเราไปตัดวงจรเรื่องการเงิน ยึดทรัพย์พวกนี้ได้ ผมเชื่อว่าพวกนี้มันจะเบาลงอีกเยอะ
แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเพื่อนบ้าน
อย่างเพื่อนบ้านตอนนี้ผมกำลังเข้าไปพูดคุย ไปขอความร่วมมือเขา ในสิ่งที่เขาสามารถทำได้ และในสิ่งที่เราสามารถทำได้ โดยไม่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศทั้งสองที่ เราจะดูว่า คุณอยากให้เราสนับสนุนอะไร เราอยากให้เขาสนับสนุนอะไรบ้าง เช่นเรื่องตัวบุคคล ให้เฝ้าระวัง แจ้งเขาไป เขาแจ้งเรามา แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกัน จะได้สะดวกในการติดตามพฤติกรรม ถ้าคนไหนที่เรารู้ว่าค้ายาเสพติด ในประเทศเพื่อนบ้าน ก็จะให้ช่วยดูให้หน่อย
เป็นรองผกก.จับยาบ้าครึ่งล้าน
ถามถึงคดีประทับใจ สมัยก่อนจับได้ทีละแสนเม็ดก็หรูแล้ว มีอยู่คดีหนึ่งจับได้แสนเม็ด ตอนนั้นเป็น รอง ผกก. แล้วคุยซักถาม ใช้เทคนิคต่างๆต่อไปอีก ได้อีก 5-6 แสนเม็ด ตอนนั้นก็ดีใจเพราะสมัยก่อนมันไม่มี เป็นการขนมาเก็บไว้ใน กทม.อันนั้นอันหนึ่ง
คดีที่ 2 ยึดเงินสด120กว่าล.-ปืนเพียบ
อีกอันหนึ่ง ตอนที่ผมเป็น รอง ผบช.ได้เงินสดตั้ง 120-130 ล้าน เป็นเงินสดๆ เลย จากที่ผมตามพวกคดีเก่าๆ เอามาดู ซึ่งไม่ใช่คดีเก่าหรอก จับไปแล้ว แต่ยังมีตัวละครเหลือ ผมก็ขยายผลไปเรื่อยๆ จนในที่สุด พฤติกรรมมันใช่ ผมสั่งลูกน้องจับทั้งขบวนการเลย ได้ปืน อีก 20 กระบอก ผมก็ยังให้สืบสวนต่อนะ พวกนี้จริงๆ มันไม่จบหรอก มันมีตัวตายตัวแทนมาตลอด ก็คือกลุ่มเดิม แต่มีตัว แต่บางทีผมก็ไม่ได้อยากจะปิดบังนะ
เทคโนโลยี่ดีขึ้น แต่ยังมีข้อจำกัด
สำหรับช่วงนี้ที่จับยาเสพติดได้เยอะ คือในการขนส่ง ถ้าขนมาทีละล้าน หรือทีละแสนโทษเท่ากัน การข่าวเราต้องดีด้วย เพราะลำพังแต่ละวัน คิดดูว่ารถบรรทุกมันวิ่งกี่พันคัน ค้นทุกคันได้มั้ย เป็นไปไม่ได้ สมัยก่อนผม อยู่ด่านสลกบาตร ขนาดมีการข่าว รถกระบะขนผักผ่านมา ต้องรื้อผักออก เสร็จแล้วไม่เจอ ถามว่าตำรวจมีความสามารถในการเรียงผักคืนมั้ย สุดท้ายก็ต้องซื้อผักทั้งคัน เพราะเขาไม่ผิดอะไร แต่ก็มีความจำเป็นต้องทำ เดี๋ยวนี้เครื่องเอ็กซเรย์มันก็มี เทคโนโลยีมันดีขึ้น แต่ว่าก็มีข้อจำกัด ถ้าจะเรียกตรวจทุกคันเป็นไปไม่ได้
เข้มลูกน้อง ตั้งรับอย่างเดียวไม่ได้
มันก็ต้องดูอีก หรืออีกนัยหนึ่งว่า เดี๋ยวนี้เส้นทาง ถนนหนทาง มันเป็นใยแมงมุงไปหมด เส้นหลัก เส้นรอง หรือเส้นรองๆ ลงไปอีก มีอีก พวกนี้มันก็ขยันหาทางไปเรื่อย ตำรวจเราก็หยุดนิ่งไม่ได้ ก็ต้องมีการเปลี่ยนรูปแบบของเราไปเรื่อยๆ เทคนิคในการทำงาน ก็พยายามบอกลูกน้องจะให้ไปตั้งรับอย่างเดียวไม่ได้ ผมสั่งให้รุกมากกว่าครึ่ง จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม วิธีการใดก็ตาม ส่วนวิสามัญนี่ นโยบายมันไม่มีหรอก แต่ถ้าเขาต่อสู้ขัดขวางเจ้าหน้าที่ ก็เป็นความจำเป็นที่เราต้องป้องกันตัว เป็นโอกาสสุดท้ายที่เราจะทำ ถ้าเขาต่อสู้กับเรานะ ต้องป้องกันตัว
ยังจับตาดาราพันยา
ส่วนแวดวงดารา ก็ยังดำเนินการ ผมก็ดูอยู่ เอาเป็นว่าผมขอดูอยู่ก่อนดีกว่า เพราะว่าถ้าพูดออกไป ก็ไม่ดี แต่ใครทำอะไรอยู่ก็ต้องรู้ ผมว่าเขาก็น่าจะหยุด มันเป็นสิ่งที่มันไม่ดี ถ้าคุณทำไปแล้ว เด็กที่เห็น ก็อาจคิวด่าเป็นสิ่งที่โก้เก๋ เป็นการชักพาในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เป็นดารา ก็จะมีการเลียนแบบ เป็นไอดอลเขา ผมว่ามันไม่ดี
จับตาเป้าหมายหนีหมายจับ
สุดท้ายมีเป้าหมายอันดับ 1 ของ ปส.ก็มีเยอะนะ ผมบอกได้เลย ผมก็ดู ไม่ใช่ว่าจะเน้นแค่คนนั้นคนนี้ เราทำงานหน้าเดียว แล้วเราทำงานเรื่องนี้โดยเฉพาะ หมายจับต่างๆ ผมก็มอบลงไป สั่งการให้ดูนะ ใครยังไง แต่อย่าลืมว่า คนพวกนี้เขาหนี ไม่เหมือนคนทั่วไป เขารู้ตัวเขามีหมายจับเขา เขาก็พยายามหลบซ่อนตัว ไม่อยู่นิ่ง บางส่วนเขาก็หลบไปอยู่ประเทศอื่นแล้ว แต่เราก็ยังเฝ้าระวัง แต่ถ้าแอบเล็ดรอดเข้ามาเมื่อไหร่ เสร็จผมแน่ ถูกจับแน่ พวกนี้มันหนีไป
หวั่นอยู่ เหตุผลิตยานรกไม่อั้น
เรื่องที่หวั่นคือตอนนี้ มันผลิตเยอะ ผลิตเต็มที่ ข้อสันนิษฐานว่าหัวเชื้อในการผลิต สารตั้งต้น น่าจะเปลี่ยนเป็นสารอื่น ราคาก็น่าจะถูกลง เพราะฉะนั้นการผลิต เขาจึงผลิตไม่อั้น คนจับก็จับไป ถ้ารอดได้สักลอตหนึ่งก็คุ้มแล้ว เดี๋ยวนี้มันถึงมาเยอะเหลือเกิน สมัยก่อน ล้าน สองล้านเม็ด นี่ก็โอ้โหแล้ว ถือว่าเยอะแล้ว แต่เดี๋ยวนี้มา 10 ล้าน 15 ล้าน หรือ 20 ล้าน แล้ว ถ้ารอดทีก็คุ้ม โดนจับทีช่างมันไม่เป็นไร เดี๋ยวมาใหม่ การขนส่งลำเลียง เดี๋ยวนี้สะดวกมาก จะทำอะไรมากนัก ก็เป็นที่เดือดร้อนของพี่น้องประชาชน จะตั้งด่านมากเดี๋ยวก็รถติดอีก มันก็ต้องดูไป
ยิ่งช่วงเทศกาลยิ่งจับได้เยอะ
นี่กำลังจะทำแผน ช่วงปีใหม่ วันหยุดเทศกาล คือตำรวจทุกหน่วย ไม่ได้หยุดอยู่แล้ว และยาเสพติดอย่าคิดว่าหยุด ก็ยิ่งต้องทำงานหนักขึ้น ก็ส่วนมากที่จับได้ ก็จับในช่วงวันหยุด ช่วงเทศกาลทั้งนั้น ก็เห็นใจลูกน้อง ต้องสร้างขวัญกำลังใจให้เขา ก็เรื่องแรกผมก็จะไปเยี่ยม ไปพูดไปคุย ดูว่าเรื่องไหนที่ผมพอจะหาให้เขาได้เพิ่มเติม เสริมเข้าไป แต่ก่อนเราเคยอยู่ตรงนี้ เราไม่ชอบอะไร อยากได้อะไร ผมก็คิดไปเรื่อยๆ ที่ผมจะช่วยได้ ก็มีหลายๆ อย่าง
จะเน้นเรื่องปราบปรามให้สมชื่อหน่วย
ก็มีหลายอย่าง ผมอยากทำเยอะ คือเรื่องการประสานงานด้านการต่างประเทศ งานปราบปราม งานป้องกัน คือผมว่าผมสนุกกับงานนี้ เคยอยู่กันมา รู้มือกัน รู้ว่าต้องทำอะไรยังไง ทำสำเร็จแล้ว ก็เป็นสิ่งที่ภาคภูมิใจ ที่ทำออกมาแล้ว จะมีก็ด้านการป้องกัน เป็นสิ่งสำคัญ แต่ว่าตำรวจปราบปรามยาเสพติด ชื่อมันบอกอยู่แล้ว ว่าต้องเน้นเรื่องปราบปรามมากหน่อย เรื่องป้องกัน ให้ความรู้ ฝึกอบรม ผมก็ไม่ทิ้ง
งาน ปส.คือการทำบุญอย่างหนึ่ง
ได้นั่งตำแหน่งนี้ ทำงานให้ดีที่สุด ตั้งใจทำงานเพื่อประเทศชาติ ไม่ได้คิดหวังผลตอบแทนอะไร ผมคิดว่างาน ปส.เป็นงานทำบุญอย่างหนึ่ง เพราะได้ช่วยเหลือคนที่ติดยาเสพติด แล้วก็ทำให้ประเทศชาติมั่นคง ผมก็ได้ทำตามนโยบายรัฐบาล ตามที่ท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ให้นโยบายผ่านทางท่าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ทำตามนโยบายอยู่แล้ว แต่ก็จะเสริมอะไรต่างๆ ให้เรามีความแข็งแกร่ง แม้ผมมีกำลังพลขาดแคลนก็ตาม
กากีกลาย16/11/61