Thursday, November 21, 2024
More
    Homeเรื่องสั้น-วรรณกรรมเรื่องเล่าในรถร้อน EP.10

    เรื่องเล่าในรถร้อน EP.10

    ชายชราที่ยังคงมีบุคลิกความสง่าและมากบารมีหลงเหลือเคลือบฉาบบางบางบนเรือนร่าง

    แม้การเคลื่อนไหวจะเชื่องช้าไปบ้างแต่ไม่ดูเงอะงะงุ่มง่ามในวัยเจ็ดสิบเศษของเขา เขานั่งลงทรุดร่างกับพื้นเหมือนหมดสิ้นทุกสิ่งในชีวิตแล้ว แต่ยังกุมความนิ่งสงบไว้อย่างมั่นคง ไม่ปล่อยให้อารมณ์แห่งความสูญเสียเข้าครอบงำจิตใจ

    “พ่อขอโทษนะลูกเอ๋ย”

    เสียงผุดขึ้นในห้วงมโนสำนึกขณะนั้น ไม่มีใครล่วงรู้ความในใจของเขาได้ชัดเจนละเอียดลออแต่พอจะวาดแต้มแต่งได้ใกล้เคียงกับความรู้สึกแห่งการสูญเสียคนที่รักไม่แตกต่างกันสักเท่าใดนัก มือของเขาค่อยค่อยลูบปิดเปลือกตาของลูกสาววัยเติบโตเป็นสาวเต็มวัยและผู้เป็นที่รักของเขาอย่างที่สุด

    ร่างของหญิงสาวชุ่มไปด้วยโลหิต เสื้อผ้าที่สวมใส่ขาดวิ่น มีร่องรอยบาดแผลฉกาจฉกรรจ์ที่ลำคอเส้นเลือดและหลอดลมขาดทำให้สิ้นลมไปอย่างฉับพลัน ไม่ทันได้เอื้อนเอ่ยบอกลาผู้เป็นบิดาแม้แต่คำเดียว

    นอกจากดวงตาที่เบิกโพลงราวกับไม่ปรารถนาปิดเปลือกตาอยากเพ่งมองจดจำโลกไว้ให้นานที่สุดของลมหายใจเฮือกสุดท้าย หรืออาจเพื่อรอดููใบหน้าของบิดาผู้ให้กำเนิดเป็นครั้งสุดท้าย

    ชายชราเคยเป็นผู้นำของหมู่บ้านในอดีตเมื่อหลายสิบปีก่อน เป็นที่ยอมรับนับถือของสมาชิกในชุมชนหมู่บ้าน สร้างสมบารมีแกร่งกล้าสร้างความนับถืออย่างสูงส่งเป็นผู้นำความเจริญและปกป้องคุ้มภัยให้กับลูกบ้านมาอย่างยาวนาน ทุกสิ่งที่เขาคิดสร้างสรรค์เพื่อประโยชน์ของคนทั้งในหมู่บ้าน สร้างแรงศรัทธาต่อตัวเขาและวงศ์วานว่านเครืออย่างมากมาย

    เหนือไปกว่านั้น ชายชราครั้งยังหนุ่มฉกรรจ์แข็งแกร่งเชี่ยวชาญเชิงรบพุ่งต่อสู้ด้วยฝีมือและชั้นเชิงเยี่ยมยุทธ์เหนือกว่าเหล่าชายหนุ่มใหญ่หนุ่มน้อยทั้งหลาย เคยหาญกล้าขี่หลังพยัคฆ์ร้ายลายพาดกลอนที่เข้ามาคุกคามขบคร่าวัวควายสัตว์เลี้ยงของลูกบ้าน และทำร้ายคนได้รับบาดเจ็บไปมากต่อมาก

    ด้วยจิตใจกล้าหาญเสียสละและยอมเสี่ยงชีวิตเข้าไล่ล่าเจ้าพยัคฆ์คำรณตัวเขื่อง ให้เข็ดหลาบเลิกล้มความพยายามคุกคามเข่นฆ่าสัตว์เลี้ยงของชาวบ้านไปพ้นได้ เหตุการณ์ทั้งหมดเป็นที่ประจักษ์แจ้งต่อสายตาและคำบอกเล่าสืบกันมาของมวลพี่น้องลูกบ้านทั้งหลาย จนทำให้ไม่มีใครกล้าปรามาสหรือต่อกรแย่งชิงตำแหน่งผู้นำหมู่บ้านไปได้นอกจากกาลเวลาเท่านั้นที่พรากไปตามกฎเกณฑ์แห่งธรรมชาติ

    ถึงที่สุดแห่งความจริงจำต้องสละทิ้งอำนาจอำนวยในดวงหทัย แต่ยังไม่วายคิดครอบครองด้วยความติดยึดในสิ่งที่เป็นเพียงนามธรรม นั่นคือสิ่งที่ผู้ใดก็ตามหากหลงใหลยึดถือไว้ไม่รู้จักปลดระวาง มันก็คือศัตรูตัวฉกาจที่สุดที่ผู้นั้นไม่มีหนทางเอาชนะมันได้ในที่สุด

    ชายชรายังคงแหนหวงครอบครองอำนาจนั้นด้วยการส่งมอบให้ธิดาสาวที่เหมือนพิมพ์เดียวของสายโลหิตไม่ผิดเพี้ยน ให้เหิมหาญยึดถือครองบัลลังก์แห่งอำนาจต่อจากเขาให้ได้ในที่สุด

    นั่นอย่างไรล่ะคือจุดอ่อนด้อยของชายชราผู้ซึ้่งครั้งหนึ่งได้รับขนานนามเป็นผู้เยี่ยมยอดวรยุทธ์ชั้นเชิงความเป็นผู้นำของหมู่บ้าน ผู้ยิ่งใหญ่อย่างไม่มีผู้ใดเปรียบปานแม้แต่รายเดียว จุดอ่อนที่ใครย่อมล่วงรู้โดยสัญชาตญาณคือหลงใหลในอำนาจนั้นเเอง เขาก็พ่ายแพ้ต่อสิ่งที่ไร้รูปไร้ตัวตนไปได้ไม่แตกต่างจากบุรุษผู้ห้าวหาญทั้งหลายในหมู่บรรพชนที่ผ่านมา

    เขายกย่องธิดาหนุนเนื่องให้ขึ้นสืบทอดตำแหน่งผู้นำหมู่บ้านอย่างเต็มกำลัง ด้วยความหวังว่าสมองความคิดอันแยบยลและก้าวหน้าสร้างสรรค์อย่างตัวเขา จะเป็นเสาหลักค้ำจุนให้ธิดานำพาหมู่บ้านให้เดินหน้าต่อไปอย่างราบรื่นรุ่งเรืองกว่าเดิมอีก

    ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งในป่าดงพงไพร เจ้าพยัคฆ์ร้ายลายพาดกลอนไม่ได้มีเพียงตัวเดียวเช่นที่ชายชราสมัยยังหนุ่มแน่นเคยปะทะโจนทะยานขี่หลังจ้วงกระหน่ำแทงด้วยมีดคมกริบไล่ตะเพิดพ้นไปจากหมู่บ้านหายไปนับหลายสิบปี

    หากแต่มันก็ยังมีเสือหนุ่มตัวใหม่ที่เริ่มเข้ามาก่อกวนคุกคามอีกคำรบหนึ่ง ซึ่งชายชราไม่ใช่วีรบุรุษกล้าคนเดิมอีกต่อไปแล้ว ภาระหน้าที่ดูแลทุกข์สุขของปวงลูกบ้านตกเป็นของธิดาแล้วนั้่น เหมือนผลักดันให้ธิดาจำต้องหาญกล้านำลูกบ้านชายหนุ่มกล้าแกร่งทั้งหลายออกไล่ล่าเสือร้ายด้วยตัวเอง จนถึงคราวต้องโจนจากกิ่งไม้ใหญ่ขึ้นคร่อมขี่หลังพยัคฆ์หนุ่มดุจดังที่บิดาของนางเคยเผชิญสถานการณ์เลวร้ายมาแต่ก่อนร่อนชะไรอย่างที่ร่ำลือเล่าขานสืบตำนานกันมา

    สุดท้ายเสือร้ายที่ปราดเปรียวเรี่ยวแรงกำลังวังชาแกร่งกล้า ไม่พลาดท่าโดยง่ายดายมันสะบัดร่างธิดาของชายชราร่วงกระเด็นจากหลังของมันลงพลัน และไม่ทันได้ตั้งตัวเสือร้ายก็หันขวับตะปบด้วยอุ้งตีนที่กางกรงเล็บอันคมกริบอย่างเต็มกำลังเป็นพัลวัน ไม่เปิดโอกาสให้นางผู้เป็นผู้นำหมู่บ้านได้ต่อสู้พลิกสถานการณ์รับมือได้แม้แต่เสี้ยววินาที

    ร่างกายฉีกวิ่นเลือดสาดกระเซ็นโทรมกาย ทั้งยังขบเขี้ยวฝากรอยแผลเหวอะหวะไปทั่วร่าง ก่อนที่มันจะโจนทะยานหลบหนีหายเข้าไปในแนวป่าทึบ เมื่อลูกบ้านหนุ่มฉกรรจ์ไล่ตามมาทัน ได้เพียงแต่ช่วยกันหอบหิ้วร่างอันยับเยินเลือดชะโลมกายบาดแผลเหวอะหวะแหว่งวิ่น ลมหายใจรวยริน กลับไปหาชายชราผู้บิดาที่เฝ้าคอยด้วยใจร้อนรุ่มและระทึกในทรวงไม่เป็นส่ำ

    จนเมื่อเห็นสภาพอันเลวร้ายสาหัสสากรรจ์ของธิดาที่จิตใจห้าวหาญดุจชายชาตรี เขาได้แต่สะกดความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวไว้ในอกแต่เพียงผู้เดียว ก้อนสะอื้นบีบคั้นไม่อาจเอ่ยคำใดได้นอกจาก “พ่อขอโทษนะลูกเอ๋ย”

    “วัดดอนค่า ถึงแล้วป้ายวัดดอน”

    เสียงกระเป๋ารถเมล์สาวตะโกนแปร๋น ข้าพเจ้าสะดุ้งจากภวังค์เผลอไผลคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยไม่รู้เนื้อรู้ตัว รีบกุลีกุจอลุกจากที่นั่งลงรถเมล์ร้อนคันนั้นให้ทันก่อนจะได้แถมอีกป้าย

    18/8/2567

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments