หญิงวัยเกินหกสิบก้มหน้าล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าหิ้วสีดำเก่าๆ ใบหนึ่งที่นางถืออยู่บนตัก ขณะนั่งอยู่บนเก้าอี้โดยสารรถเมล์ครีมแดงเหมือนหาสิ่งของอะไรบางอย่างดูว้าวุ่น
มีหญิงวัยสามสิบปลายเป็นพนักงานเก็บค่าโดยสาร ยืนอยู่ข้าง ๆ ตามองดูอยู่ที่กระเป๋าขณะที่มือของหญิงสูงวัยถือบัตรประชาชนใบหนึ่ง
“ต้องใช้บัตรของตัวเองสิ นี่ไปเอาบัตรของใครมาก็ไม่รู้”
น้ำเสียงห้วนห้าวบอกถึงความไม่สบอารมณ์ของหล่อนสักเท่าใดนัก ขณะที่หญิงสูงวัยไม่เอ่ยเอื้อนสักคำ นอกจากยุ่งอยู่กับการค้นกระเป๋าถือตัวเอง เหมือนกับไม่ได้ยินได้ฟังเสียงอะไรทั้งนั้น
จากนั้นหญิงสูงวัยก็ลุกจากที่เก้าอี้นั่ง จับราวเดินก้าวไปข้างหน้าตรงประตูรถเมล์ จนเมื่อรถจอดที่ป้ายเพื่อรับส่งผู้โดยสารตามปกติ นางก็กระวีกระวาดลงจากรถไปทันที คงด้วยไม่มีเศษเหรียญพอค่าโดยสารแปดบาทนั่นเอง
ข้าพเจ้านั่งอยู่ริมหน้าต่างอีกฟากหนึ่งของรถเมล์คันนั้น คาดคะเนเอาว่าหญิงสูงวัยคนนั้นคงต้องการได้ส่วนลดหย่อนค่าโดยสารครึ่งหนึ่งถ้าแสดงบัตรประชาชนให้กระเป๋ารถเมล์ดูเพื่อทราบว่าตนอายุเกินหกสิบปีแล้ว แต่เจ้ากรรมที่ไม่ใช่บัตรประชาชนของตัวเอง
พนักงานเก็บค่าโดยสารยืนกรานไม่ยอมลดค่าโดยสารเหลือสี่บาทให้นางอย่างเด็ดขาด หญิงผู้โดยสารผู้นี้จึงยอมรับสภาพต้องลงจากรถเมล์ป้ายถัดไปอย่างไม่โต้แย้งหรือเอ่ยปากอ้อนวอนสักคำเดียว
นางคงรอรถเมล์คันอื่นที่อาจได้รับความเมตตาอานิสงส์บ้างจากกระเป๋ารถเมล์คนอื่น
นี่คงเป็นเรื่องความขัดแย้งเล็ก ๆ ในสายตาของผู้คนทั่วไป เกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ทองๆ เพียงแค่ไม่กี่บาท
ใช่แล้วเงินมีค่ามากมายกว่าตัวเลขบนเหรียญหรือกระดาษเสียอีก เงินสามารถเป็นต้นเหตุให้เกิดความขัดแย้งตั้งแต่ระดับเม็ดฝุ่นผงคลีไปจนถึงภูผามหึมา
อย่างที่เราเห็นกันอยู่ในสังคมวันนี้ เงินเป็นตัวแทนของความขัดแย้งทั้งปวงของมวลมนุษย์ ตั้งแต่ต้นทุนเพียงเศษสตางค์ไปจนถึงหลักพันหลักหมื่นล้าน เงินบันดาลให้ผู้คนต้องตกอยู่ในชะตากรรมลำบากสาหัสอย่างสุดลำเค็ญ
บางคนจากชีวิตที่ดูหรูหราอยู่อย่างสมบูรณ์พูนสุข อยากกินอยากได้อะไรสรรหามาได้หมด จู่ๆ ต้องก้มหน้าเดินเข้าไปอยู่ในรั้วกำแพงคุก พรากจากครอบครัวคนที่รักได้อย่างไม่คาดฝันว่าจะได้พบได้เจอกับตัวเอง
ต้องสูญสิ้นเกียรติยศศักดิ์ศรีที่สั่งสมมาหลายสิบปีความภาคภูมิใจในชีวิตทั้งหลายมลายสิ้นไปแบบไม่เปิดโอกาสให้ตั้งหลักให้ได้ตรึกตรองตระหนักแม้สักเล็กน้อย นี่ไม่ใช่เพราะเงินหรือ
ถ้าจะว่าไปแล้ว เงินเป็นเพียงวัตถุสิ่งสมมติของคนเพื่อใช้แลกเปลี่ยน สร้างค่าสร้างราคาให้ผลผลิตผลประโยชน์ มันไม่มีชีวิตจิตใจไม่มีพลังอำนาจใดๆ จะให้คุณให้โทษมนุษย์ได้ด้วยตัวของมันเอง
นอกจากเป็นต้นธารแห่งความขัดแย้งของมนุษย์เท่านั้นทำให้เกิดเรื่องลุกลามบานปลายตั้งแต่เรื่องเล็กๆน้อยๆ กระทั่งเอาชีวิตชำระแทนค่าของเงินก็มีมากมาย หรือไม่ก็ถูกจองจำชดใช้แทนเงินนั่นเอง
นั่นขึ้นอยู่กับตัวตนบุคคลนั้นๆ จะถูกตีค่าตีราคาไปในทางใดและยืนหยัดต่อสู้ไม่ยอมรับชะตากรรมใดๆ ด้วยวิถีทางของตัวเองเท่าที่จะทำได้
ไม่ต่างกับหญิงคนนั้นที่ยึดมั่นไม่ให้ค่าเงินมากำหนดกฎเกณฑ์ตัวเอง ยอมที่จะลงจากรถเมล์เดินไปเองหรือเสียเวลาเพื่อรอรถคันอื่นดีกว่าโต้เถียงกับพนักงานเก็บค่าโดยสาร
ทั้งที่ด้วยสภาพร่างกายบ่งบอกอายุขัยได้บ้างไม่ผิดจากสภาพที่เห็นนัก
แต่นางคงจะยอมไม่ให้เกิดความขัดแย้งโต้เถียงใดๆ
เพราะนางเป็นคนเดินทางที่ไม่สามารถเสียเวลาให้กับเรื่องที่ไร้ค่าอย่างนั้นกระมัง
9/11/2567