ลงจากรถเมล์เดินไปทางขึ้นสะพานลอยข้ามทางรถไฟและถนนสายหนึ่ง
บริเวณฟุตปาทกว้างเมตรครึ่งประมาณนั้น เด็กสาววัยสิบห้าสิบหกหรือเฉียดยี่สิบ หน้าตาของเธอดูซื่อใสแต่เรียบเฉยไม่มีรอยยิ้ม นั่งอยู่กับขอบฟุตปาท มีกระจาดคานหาบ สองกระจาดมีขนมไข่หงส์เคลือบน้ำตาลและแบบโรยเมล็ดงาอยู่จำนวนหนึ่งมีกระดาษเขียนบอกว่า ห้าลูกยี่สิบบาท
ขนมไทยโบราณที่อดีตเป็นของกินเล่นหาได้ไม่ยาก แต่ทุกวันนี้เมืองใหญ่แทบจะมองหาไม่เห็นง่ายๆ
เด็กสาวหาบกระจาดขนมไข่หงส์มาวางขายให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมาในช่วงเช้าถึงสายราวเก้าโมง
ร่ำๆ อยากซื้อสักยี่สิบ เอาไปกินกับกาแฟร้อนพอกล้อมแกล้มแทนปาท่องโก๋ดูบ้างแต่ยังไม่ตัดสินใจ เลยเดินผ่านไปก้าวขึ้นบันไดสะพานลอยข้ามไปเพื่อต่อรถสองแถวกลับบ้าน
ถัดมาอีกวันหนึ่ง ข้าพเจ้าเดินกลับตามเส้นทางเดิมเหมือนวันวานไม่ใช้บริการรถสองแถวเหมือนเคยพอประหยัดสตางค์ไปได้แปดบาทไม่ขาดไม่เกิน
พอเดินถึงปากซอยไม่ห่างจากเชิงสะพานข้ามคลองสักมากน้อยเท่าใดนัก สายตาเหลือบไปในซอยที่ว่างเว้นผู้คนและรถรา เห็นเด็กสาวคนเดิม เธอเดินหาบกระจาดไม้ไผ่มีขนมไข่หงส์วางกองอยู่บนกระจาดทั้งสองข้าง มีพลาสติกใสคลุมล้อมกับสายกระจาด กำลังเดินมาทางปากซอยคงมีเป้าหมายไปนั่งขายบนฟุตปาทหรือเดินเร่ขายบริเวณนั้นอย่างเคย
ข้าพเจ้าเลยเรียกหยุดเพื่อซื้อขนมไปลองกินแกล้มกาแฟยามสายบ้าง บอกให้เธอหยิบใส่ถุงให้ยี่สิบบาท
ระหว่างนั้นเอ่ยถามว่าขนมไข่หงส์นี้รับมาขายหรืออย่างไร
เธอตอบว่าทำเองกับแม่ตั้งกลางคืนจนถึงเช้ามืด แล้วจึงใส่หาบมาเดินเร่ขายตอนเช้าตรู่
คงเป็นอย่างนี้นี่เองเธอจึงมีหน้าตาเรียบเฉย คงเหนื่อยล้าและอยากอยู่เงียบๆมากกว่าปกติ ทั้งที่ยังอยู่ในช่วงวัยสดใสร่าเริงวัยร่ำเรียนเขียนอ่าน แต่ต้องมาอดตาหลับขับตานอนปั้นขนมไข่หงส์ทอดแล้วคอนหาบกระจาดออกมาเร่ขายเองอีกด้วย
ไม่ได้สนทนาทักถามมากไปกว่านั้น ข้าพเจ้าหิ้วถุงขนมเดินจากมา ขณะที่แม่ค้าสาวน้อยหาบคอนกระจาดเดินต่อไปตามฟุตปาทมุ่งหน้าไปยังจุดหมายแหล่งค้าขายที่คิดว่าเหมาะสมที่สุดของเธอต่อไป
ข้าพเจ้าไม่ได้มองตามไล่หลังไปเพราะนึกภาพออกหมดแล้ว
ระหว่างทางเดินกลับบ้านพัก สังเกตเห็นเจ้าหน้าที่เทศกิจออกมากวดขันจัดระเบียบหาบเร่แผงลอยย่านที่เดินผ่านมากกว่าปกติอย่างผิดสังเกต ถึงนึกขึ้นได้ว่าสภาพทางเดินดูเงียบโหวงเหวงแปลกพิกล
เพราะเหตุนี้นี่เอง เป็นเรื่องปกติของทางหน่วยงานเขตแขวงที่ต้องทำหน้าที่ดูแลพื้นที่เส้นทางสัญจรของคนทั่วไป จึงต้องลงมาจัดระเบียบหาบเร่แผงลอย จนเป็นไม้เบื่อไม้เมาระหว่างเทศกิจกับผู้ค้าขายที่ต้องทำมาหากินไปวันๆ
แม้จะมีกฎระเบียบให้หยุดขายบนพื้นทางเท้าหรือที่สาธารณะทุกวันจันทร์เพื่อทำความสะอาดล้างพื้นทางเท้าที่เป็นทำเลค้าขายของแผงลอยให้พออะลุ้มอล่วยกันบ้าง
บางส่วนของผู้ค้าขายก็ยังไม่พอใจ อยากจะทำมาหากินทุกวันหรือไม่ก็หยุดสักวันต่อสองสัปดาห์ หรือไม่ก็หยุดวันอาทิตย์มากกว่าจะเป็นวันจันทร์ อ้างว่าวันอาทิตย์ไม่มีลูกค้ามากนัก
ช่วงที่ผ่านมาไม่ถึงเดือนสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงบริเวณชุมชนใกล้ป้ายรถเมล์และสะพานลอยข้ามถนนใหญ่นั้น ที่มีแผงลอยค้าขายอาหารอย่างไก่ทอดหมูทอดข้าวเหนียว ลูกชิ้นทอดข้าวกล่องข้าวมันไก่ ไข่เจียว ผัดกะเพรา ฯลฯ
ขนมสารพัดชนิดใส่ถุงพลาสติกพร้อมหยิบขายในราคาที่ชาวบ้านพนักงานออฟฟิศพอจะซื้อหาติดไม่้ติดมือไปเป็นอาหารมื้อเช้าหรือกลางวันระหว่างทำงานด้วย
เดิมทีแม่ค้าพ่อค้าตั้งโต๊ะแผงลอยบนทางเท้าเหลือพื้นที่ให้คนสัญจรแค่หนึ่งเมตรหรือน้อยกว่านั้นเสียอีกแทบเดินสวนกันไม่ได้
ทางเขตได้จัดระเบียบบังคับให้เปิดพื้นที่ทางเท้ากว้างขึ้นประมาณสองเมตร ได้เพียงไม่กี่สัปดาห์ก็เริ่มรุกคืบกลับมาทีละน้อยอีก
แม่ค้าบางรายนำโต๊ะพับขยับมาวางสินค้ากินพื้นที่ทางเดินอีกสามสิบสี่สิบเซนติเมตร เจ้าแรกเป็นหัวหอกทำได้ เจ้าต่อไปก็เอาอย่างบ้าง ทีนี้ก็เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ คงได้เห็นการกวาดล้างอีกครั้งเป็นแน่แท้
ได้แต่ภาวนาขออย่าได้กระทบต่อการทำมาหากินเล็กๆน้อยๆของแม่ค้าสาวไข่หงส์คนนั้นเลย
มันเป็นวิถีชีวิตของคนตัวเล็กๆ ที่ไม่มีทุนรอนจะไปเช่าพื้นที่ค้าขายเหมือนแผงลอยใหญ่เจ้าประจำ
จึงต้องใช้เรี่ยวแรงแบกหาบเดินเร่ไปตามทางเท้าค้าขายเล็กๆน้อยๆพอปะทังชีวิตครอบครัวไปแต่ละมื้อแต่ละวันเท่านั้น
7/12/2567