เรื่องสั้นขนาดเล็ก
จิตรกร ศีรษะดีจริง นั่งถือพวงมาลัยบังคับรถเมล์สีครีมแดงไปตามเส้นทางประจำด้วยท่าทางคล่องแคล่วเจนจัด
เพียงแต่ไม่เหมือนเพื่อนร่วมงานอีกหลายคนที่จิตใจสติไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว บางคนอาจพกอารมณ์ขุ่นข้องหมองใจติดมาทำงานด้วย บางคนอาจจะมีเรื่องเคร่งเครียดรบกวนความรู้สึกอยู่ไม่วางวาย หรือเหนื่อยล้าไร้เรี่ยวแรงเหม่อลอย แสดงออกมาให้เห็นจากการทำหน้าที่หลักของตัวเองได้อย่างชัดเจน ขับรถด้วยความรวดเร็วปรู๊ดปร๊าด เหยียบเบรกเต็มที่ หงุดหงิดกับการจากสภาพรถหนาแน่นติดขยับไปได้ทีละน้อย ขับกระชากกระตุกทำเอาผู้โดยสารหัวสั่นหัวคลอนเซแซดแทบล้มกลิ้งก็มี
เขาทำหน้าที่เป็นปกติตามสภาพของการจราจรในเมืองใหญ่ ไม่รีบเร่งหรือประมาท คอยรับส่งผู้โดยสารอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้หากหักเบนพวงมาลัยเปลี่ยนช่องทางเข้าเทียบหน้าป้ายรถเมล์ได้ก็จะทำให้ดีที่สุด เพื่อให้ผู้คนได้ขึ้นลงอย่างปลอดภัย ไม่จอดนอกป้ายหรือเลนที่ไม่ชิดขอบถนน
ผิดจากโชเฟอร์รถเมล์หลายคนที่ทำหน้าที่อย่างเสียไม่ได้ ไม่ค่อยจะจอดรถตรงป้าย บ้างก็ไม่หยุดรับคนเลย จะเข้าจอดที่ป้ายรถเมล์ที่มีผู้คนขึ้นลงจำนวนมากเท่านั้น
นั่นคงเป็นความภาคภูมิใจในอาชีพที่ได้ทำหน้าที่รับส่งผู้คนมากหน้าหลายตาให้ไปถึงที่หมาย มือเขาวางบนพวงมาลัยที่หุ้มด้วยวัสดุคลุมสีเหลืองทองประกายเป็นลายคล้ายเกล็ดงูหรือมังกรอะไรสักอย่างหนึ่ง มือซ้ายกุมคันเกียร์ด้วยท่าทีสบายๆ เสื้อเครื่องแบบสีขาวของเขาไม่ได้หมองเปรอะ แสดงว่าผ่านการดูแลซักล้างเสมอๆเพียงแต่เก่าเล็กน้อยแต่ยังดูสะอาดสะอ้านดีอยู่
เช้าวันนี้เหมือนเช่นทุกวันทำงาน มีผู้คนมากมายตามรายทางเส้นทางที่จิตรกรขับรถเมล์สายนั้น ส่วนมากจะรับคนขึ้นมากกว่าคนลง เขาทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มความสามารถ ไม่ปล่อยให้เรื่องที่นอกเหนือจากภารกิจของเขามาแทรกแซงปั่นป่วน ขับรถไปตามถนนไม่เร่งรีบเกินจำเป็นเพื่อความปลอดภัยของทุกคนในรถที่ฝากชีวิตชะตากรรมส่วนน้อยๆ ไว้กับตัวเขานั่นเอง
แม้มองผิวเผินไม่ได้มีความสำคัญอะไรสักเท่าใดนัก หากแต่พินิจพิเคราะห์ให้ลุ่มลึกลงไปอีกหน่อยก็เป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่และสำคัญมาก ต้องทำด้วยจิตใจที่มั่นคงเสียสละและมีความรับผิดชอบอย่างสูง ไม่ว่ากับผู้โดยสารทุกชีวิตแล้ว ยังหมายถึงชีวิตอื่นๆที่อยู่นอกห้องโดยสารบนรถเมล์คันนั้นด้วย
คนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองมีความรับผิดชอบ ตั้งอยู่บนความไม่ประมาทเท่านั้นที่จะทำหน้าที่สารถีอย่างเขาได้ดีแทบจะไร้ข้อผิดพลาดทั้งหลาย
ตลอดเส้นทางจากต้นสู่ป้ายสุดท้ายในแต่ละเที่ยวหนึ่งๆ จึงไม่ใช่งานง่ายที่ใครก็สามารถทำได้ถ้าเพียงแค่ขับรถบัสโดยสารเป็นเท่านั้น
จิตรกรทำให้เห็นคุณค่าของงานสุจริตอีกประเภทหนึ่งที่ดูไม่สลักสำคัญในสายตาของผู้คนที่ดิ้นรนปากกัดตีนถีบหรือคนที่ดำรงอยู่ในตำแหน่งหน้าที่การงานที่สังคมนิยมยอมรับนับถือว่ามีเกียรติสูงส่งกว่าอาชีพขับรถเมล์
แต่ทุกวินาทีของแต่ละวันที่ก้าวขึ้นนั่งบนเบาะหลังพวงมาลัยในหน้าที่ขับรถเมล์นี้ มันเต็มไปด้วยความสุ่มเสี่ยง ที่อาจจะพลาดพลั้งหรือเผลอเรอทำให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงเกินคาดคิดได้ ในเมื่อมีหลายชีวิตที่จะต้องรับผิดชอบเมื่อขยับรถแล่นออกจากท่ารถทุกวัน
ความรู้สึกส่วนตัวบางคนอาจจะจำเจคุ้นชินหรืออาจจะเบื่อหน่าย แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเปิดโอกาสให้สติสัมปชัญญะหลุดลอยไปจากมโนสำนึกได้ จึงทำให้โชเฟอร์บางคนกลับรู้สึกเครียดกดดันในภาระหน้าที่ของตัวเองไปเสียทีเดียว กว่าจะเรียกสำนึกสติกลับมาได้ก็แทบจะเกิดความเสียหายย่อยยับ
ก้าวลงจากรถเมล์คันที่จิตรกร ศีรษะดีจริง ชื่อที่สังเกตจากป้ายบอกตรงหน้ารถทำให้จดจำไว้ว่ายังพอได้เห็นคนชับรถเมล์คนหนึ่งที่มีความภาคภูมิใจและสำนึกในหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มเปี่ยมบ้างในสภาพบนท้องถนนของวันนี้
จากนั้นเดินขึ้นสะพานลอยข้ามทางรถไฟไปต่อรถเมล์เล็กหรือรถสองแถวแดงอีกทอดหนึ่งเพื่อไปยังจุดหมายปลายทาง
มีนักเรียนทั้งกางเกงขาสั้น ขายาว นุ่งกระโปรง กางเกงวอร์มชุดพละ ตามขึ้นมานั่งในเส้นทางเดียวกัน มองดูแผ่นอะลูมิเนียมที่เป็นผนังด้านหลังของคนขับรถเมล์เล็ก เส้นทางนั้นจะแสดงบอกราคาค่าโดยสารคนละแปดบาท หลังสี่ทุ่มคนละสิบบาท เป็นเรื่องปกติเห็นได้จากรถเมล์ทุกคันในย่านนี้
แต่ที่ผิดตาคือป้ายขนาดกระดาษเอสี่ สีขาว มีข้อความเป็นบทกลอนที่ไม่บ่งบอกผู้ประพันธ์ให้อ่านเล่นฆ่าเวลานั่งรอรถออก
พ่อแม่ไม่มีเงินทองจะกองให้
จงตั้งใจพากเพียรเรียนหนังสือ
หาวิชาความรู้เป็นคู่มือ
เพื่อยึดถือเอาไว้ใช้เลี้ยงกาย
พ่อกับแม่มีแต่จะแก่เฒ่า
จะเลี้ยงเจ้าเรื่อยไปนั้นอย่าหมาย
ใช้วิชาช่วยตนไปจนตาย
เจ้าสบายแม่กับพ่อก็ชื่นใจ
ได้ข้อคิดติดตัวบ้างในการเดินทางเช้าวันนั้นวันที่ดีงามอีกวันหนึ่ง
คงเป็นคนขับเมล์เล็กสีแดงนั่นแหละที่ผ่านรั้วโรงเรียนสถาบันหลายแห่งในย่านนั้นได้กลอนสอนใจนี้มาติดฝากให้เด็กนักเรียนผู้โดยสารประจำได้อ่านสอนใจตนเอง ให้ระลึกถึงคำสอนของพ่อแม่และตั้งใจทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด
กดออดบอกให้โชเฟอร์สองแถวเล็กจอดเมื่อถึงที่หมายแล้วรีบสาวเท้าไปยื่นค่าโดยสารให้คนขับ ก่อนจะครุ่นคิดถึงกลอนสอนใจที่พบไปตลอดทางเดิน
ลองค้นหาจากกูเกิลถึงบทกลอนที่เห็นบนรถคันนั้น ยังไม่ทราบว่าใครเป็นคนแต่ง ชื่อบทกลอนคือจดหมายถึงลูก บางแห่งบอกว่าชื่อ มรดกพ่อแม่
สิ่งหนึ่งที่ได้จากรถเมล์เล็กคันนั้นเป็นของแถมคุ้มค่ารถเหมือนกันนะ
24/7/2567