รถเมล์ครีมแดงสาย 114 เบรกกึกหลังออกจากป้ายรถเมล์ไม่ถึงอึดใจ กระเป๋ารถเมล์หญิงร้องถามคนขับ
“เป็นไรอะพี่”
โชเฟอร์หนุ่มใหญ่สบถขึ้น
“มันขับจี้ตูดดีนักไง”
เหลือบแลขวาเห็นรถเมล์ปรับอากาศคันหนึ่งแซงขึ้นหน้าไป ไม่มีเหตุอะไรเลยจริงๆ เรื่องมันก็เท่านั้น
ท่ามกลางผู้โดยสารมีทั้งนักเรียนนักศึกษาและคนวัยทำงาน ต่างคนต่างงวยงงสงสัยว่ารถเมล์เบรกทำไม ทั้งที่ไม่มีอะไรขวางหน้า
นี่คงเป็นผลจากอารมณ์หงุดหงิดที่มันเกิดขึ้นอย่างง่ายดายบนท้องถนน
ถึงแม้ความจริงไม่มีเหตุให้ขุ่นเคืองใจหนักหนาจนถึงขั้นเหลืออดเหลือทน
แต่สำหรับบางคนไม่สามารถระงับยับยั้งความโมโหฉุนเฉียวได้ ขอให้ได้สำแดงปฏิกิริยาตอบโต้สักอย่างหนึ่งให้อีกฝ่ายรับรู้บ้างว่าตนไม่ชอบไม่พอใจที่ถูกรบกวนตอดเล็กตอดน้อย ทั้งที่อีกฝ่ายอาจไม่มีเจตนาอย่างนั้นเลยแม้แต่น้อย
อดคิดถึงเรื่องราวข่าวคราวของคนที่กระทบกระทั่งทะเลาะเบาะแว้งวิวาทขัดแย้งถึงขนาดลงไม้ลงมือบาดเจ็บก็มี หนักหนาถึงขั้นพิการหรือเสียชีวิตก็ไม่น้อย
บางเหตุไม่มีปมชนวนใหญ่โตถึงขนาดเป็นสาเหตุให้ก่อเรื่องราวรุนแรงเลยด้วยซ้ำ
คงไม่ต่างจากคนขับรถเมล์อายุน่าจะหลักสี่ขึ้นไปคนนี้ที่แสดงออกอย่างไม่สนใจว่าผู้โดยสารนับสิบจะรู้สึกอย่างไร
แต่เท่าที่เห็นผู้คนในรถเมล์เพียงเงยหน้าชั่วแวบเดียวดูว่าเกิดอะไรขึ้นเท่านั้น แล้วพวกเขาก็ก้มหน้าดูโทรศัพท์ต่อไปไม่ใส่ใจอะไรอีก
นี้นับว่าเป็นอานิสงส์ของเทคโนโลยีแห่งยุคสมัย เปรียบเสมือนสิ่งยึดเหนี่ยวสะกดครอบงำมวลมนุษย์ไปหมดค่อนโลก
หากถือตามมโนจริตตัวเองคงทึกทักได้ว่าเจ้าอุปกรณ์ขนาดไม่เกินฝ่ามือที่ถือกันเกลื่อนเมืองนี้คงเป็นศาสดาองค์ใหม่ที่ทรงอิทธิพลปนอิทธิฤทธิ์มากเหลือคณานับ ไม่ว่าด้านดีหรือชั่ว ผู้คนค่อนโลกแค่ลืมตาตื่นก็คว้ามันขึ้นมาเปิดจอดูก่อนล้างหน้าแปรงฟันเสียด้วยซ้ำ
ไม่ว่าไปไหนแห่งหนใด เห็นแต่คนถือโทรศัพท์ก้มมองจอไม่วางสายตาไปทางอื่น คงจะช่วงหลับนอนเท่านั้นกระมังที่จะวางมือถือสักที
จะทำอย่างไรได้เล่าในเมื่อมันคือเทพเจ้าของมนุษย์ในโลกปัจจุบัน มันสามารถทำให้เห็นเหตุการณ์ที่คนไม่สามารถรับรู้ได้เลยในสมัยก่อนอย่างเหลือเชื่อ
คนได้เห็นภาพของผู้ประสบภัยพิบัติเครื่องบินตกในห้วงไม่กี่วินาทีก่อนจะเปิดโศกนาฏกรรมสะเทือนใจ
ได้เห็นสงครามการต่อสู้ในป่าทึบบนภูเขาสูงหรือยิงถล่มเมืองด้วยขีปนาวุธข้ามประเทศไม่ต้องจินตนาการใดๆเลย
ทุกอย่างถูกจัดวางสร้างสรรค์อย่างครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว
นั่งคิดฟุ้งไปเรื่อยจนกระทั่งรถเมล์พาไปถึงจุดหมายปลายทาง พลันตื่นจากภวังค์ลุกขึ้นยืนจับราวเหล็กให้มั่นก้าวไปยืนรอตรงหน้าประตูเหมือนผู้โดยสารอีกหลายคน
พอรถหยุดก้าวลงสาวเท้าเดินไปตามฟุตบาทขึ้นบันไดสะพานลอย
ตอนนั้นเห็นคนขายของแบกะดินหิ้วหอบถุงใส่สินค้าด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลนเลิ่กลั่กลงบันไดสวนทาง พลางชี้มือบอกพวกว่าเจ้าหน้าที่เทศกิจขับรถมาจอดเตรียมไล่ยึดคืนพื้นที่ทางเดินบนสะพานลอยแล้ว
มันก็เหมือนสงครามย่อยชิงพื้นที่ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุการณ์ปกติไม่เปลี่ยนแปลงมาหลายชั่วอายุได้
ใกล้ทางลงบันไดอีกฟากหนึ่ง ชายสูงอายุซ้ำดวงตามืดบอดยึดอาชีพขายฝันสลากกินแบ่งรัฐบาลจำต้องรับบทฝ่ายถูกกวาดต้อน พับแผงลอตเตอรี่หิ้วเก้าอี้สัมภาระเดินคลำไปทางลงเหมือนเคยทำทุกวันเมื่อเทศกิจมาไล่ขอคืนพื้นที่สัญจรให้คนเดินทางช่วงเวลาเร่งด่วน
นั่นก็เป็นวิถีที่ขัดแย้งของสังคมที่เกิดขึ้นเหมือนฉากชีวิตจำเจเล่นโปลิศจับขโมย แม้ตาพิการก็ยังต้องคอยระวังไม่ให้ถูกไล่จับเช่นเดียวกับคนตาดี หรือนี่คือความเท่าเทียมกัน
นี่เองสังคมมนุษย์ หากไร้สิ้นซึ่งสงครามความขัดแย้งต่อสู้ฟาดฟันกันบาดเจ็บล้มตาย ใยจะเข้าใจลึกซึ้งถึงสันติภาพได้อย่างแท้จริง.
21/6/2568