Monday, September 16, 2024
More
    Homeเรื่องสั้น-วรรณกรรมเรื่องเล่าในรถร้อน EP.5

    เรื่องเล่าในรถร้อน EP.5

    วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่คนยังคงพลุกพล่านเหมือนวันที่ผ่านมา

    แม้เป็นวันสุดท้ายของสัปดาห์ทำงาน ขณะที่สายฝนโปรยปรายเป็นเม็ดฝอยให้อากาศเย็นชื้นยามเช้าผสมกับพื้นทางเดินเฉอะแฉะต้องเดินกันอย่างระมัดระวังที่สุด ไม่อย่างนั้นอาจพลาดลื่นล้มก้นกระแทกเจ็บตัวเสื้อผ้าเปรอะเปื้อนซ้ำจะพลอยยุ่งหนักขึ้นไปอีก

    ก้าวขึ้นสะพานลอยคนข้ามไปยังอีกฟากถนนใหญ่เพื่อไปยืนรอรถเมล์ที่มีคนจำนวนหลายสิบชีวิตมายืนรอเหมือนเดิม

    อาจมีบ้างที่จำได้ว่าเคยเห็นหรืออาจแปลกหน้าไปเลยก็มีมากมายทีเดียวใต้หลังคาป้ายรถเมล์น้้น บนท้องถนนรถราเพิ่มจำนวนหนาตามากจนเต็มทุกช่องทาง รถแท็กซี่รถตู้โดยสารยังจอดแช่รอคนอย่างไม่อินังขังขอบว่ารถโดยสารประจำทางจะเข้าไปจอดตรงป้ายได้

    แม้จะมีเสียงแตรบีบดังลั่นไล่ กว่าจะเคลื่อนตัวหลบให้รถเมล์เข้าไปจอดได้ก็นานพอสมควร ทำความหงุดหงิดรำคาญใจให้ผู้คนที่ยืนรอจะขึ้นรถเมล์เป็นเรื่องปกติ หากไม่มีพนักงานของขนส่งมวลชนหรือตำรวจจราจรมาโบกไล่่่ไม่ให้กีดขวางรถโดยสารประจำทางเล่นเป็นแมวจับหนูกันไปทุกเช้าวันทำงาน

    เธอดูกระปรี้กระเปร่ากระฉับกระเฉงคงเป็นเที่ยวแรกของวัน ยังอารมณ์เบิกบานแจ่มใสหน้ายังไม่หมองเครียด ยิ่งมีนายตรวจมายืนคอยอำนวยความสะดวกอยู่ที่บริเวณป้ายรถเมลฺ์ป้ายใหญ่จุดที่มีคนมายืนรอมากที่สุดในย่านนั้น คอยบันทึกภาพรถเมล์ที่เข้าจอดป้ายด้วย โชเฟอร์สาวยิ่งสดใสยิ้มแย้มนึกสนุกตะโกนแซวพนักงานนายตรวจขอแต่งหน้าจัดผมจัดเผ้าให้เรียบร้อยสวยงามก่อนจะกดชัดเตอร์กล้องโทรมือถือเป็นที่สนุกสนานในอารมณ์

    ผู้โดยสารหลายคนรู้สึกสับสนงุนงงในเช้าวันนั้นเนื่องจากมีรถเมล์สายใหม่มาวิ่งรับส่งคนในเส้นทางใหม่เพิ่มอีกหนึ่งสายด้วย จนลังเลเก้ๆกังๆ ไม่กล้าก้าวขึ้นรถ ต้องสอบถามนายท่านายตรวจให้ชัดเจนถึงได้รู้ว่าเป็นรถเมล์ที่เพิ่มสายใหม่จริงๆ

    มันไม่มีอะไรน่าสนใจนักนอกจากคนที่อยากจะเดินทางไปให้ถึงจุดหมายหรือที่ทำงานให้เร็วที่สุดเหมือนเช่นที่เป็นมาในทุกเช้า ต่างคนต่างยืนรอด้วยใจจดจ่อเพ่งสายตาสังเกตดูว่ารถเมล์ที่เห็นแต่ไกลคันกะจิ๋วหลิวเป็นรถสายไหนเท่านั้น ก่อนจะกรูกันแย่งขึ้นรถให้เร็วที่สุดเพื่อหาที่นั่งถ้ายังพอมีเหลือบ้าง หรือเพียงแค่ได้ก้าวขึ้นไปยืนในจุดที่เหมาะเหม็งไม่แออัดยัดเยียดก็นับว่าไม่เลวแล้วสำหรับการเดินทางเช้าวันนั้น

    โชเฟอร์หญิงจะตะโกนบอกผู้โดยสารเสมอเมื่อรถเมล์จะถึงป้ายว่าเป็นจุดใด เผื่อผู้โดยสารที่มัวเผลอดูโทรศัพท์มือถือจนเพลินไม่เหลือบมองข้างถนน

    นับตั้งแต่ผู้คนมีโทรศัพท์เคลื่อนที่ติดตัวจนเป็นอวัยวะอีกชิ้นหนึ่งของร่างกาย ภาระหน้าที่ของโชเฟอร์รถเมล์ที่ต้องเพิ่มขึ้นไปโดยปริยายก็คือต้องตะโกนเตือนผู้โดยสารตลอดเส้นทางที่รถแล่นว่าป้ายหน้าเป็นสถานที่ไหนบ้าง อาศัยพนักงานเก็บค่าโดยสารหรือกระเป๋ารถเมล์หรือก็เหนื่อยหนาสาหัสจนรับไม่ไหวแล้ว

    นี่นับว่าเป็นความเปลี่ยนแปลงเล็กๆบนรถเมล์โดยเฉพาะรถร้อนที่รองรับผู้โดยสารส่วนใหญ่ที่สุดของเมืองแห่งความดิ้นรนต่อสู้ของผู้คนมนุษย์เงินเดือนเงินวันต้องผจญทุกวี่วัน

    ก็ไม่ได้น่าสนใจอะไรมากสำหรับบางคนที่ไม่ได้มีวิถีชีวิตข้องเกี่ยวกับสายเลือดฝอยที่หล่อเลี้ยงเมืองแห่งความสับสนอลหม่าน​ก่อนถึงป้ายรถเมล์ที่จุดเริ่มต้นของวัน

    ทุกเช้าจะเดินข้ามสะพานลอยที่ทอดยาวข้ามถนนนับสิบเลน สังเกตดูนอกจากจะมีพ่อค้าแม่ค้านำของจิปาถะมาปูผ้าวางขายสินค้าชิ้นละสิบยี่สิบบาท หรือยืนขายอาหารด่วนอย่างแซนด์วิชข้าวกล่องขนมปังบ้างยังเห็นหญิงรูปร่างผอมบางสูงร้อยห้าสิบเซนติเมตรประมาณนั้น

    เธออายุราวยี่สิบปลาย สวมเสื้อผ้าชุดเดิมสีดำคล้ำมอซอ หมวกมีขอบปีกรอบสีดำมอซอเหมือนกัน มักจะมานั่งๆนอนๆอยู่บนสะพานจนเหมือนเป็นที่พักถาวรของเธอ เพียงแต่แปลกที่ไม่มีข้าวของส่วนตัววางอยู่ข้างๆกายเลยแม้แต่ชิ้นเดียว

    บางครั้งจะเห็นเธอนอนตะแคงหนุนแขนข้างขวาเป็นประจำ หลังชนราวสะพานหันหน้าเข้าหา​ผู้คนที่สัญจรเดินเฉียดผ่านหน้าไปมา เธอไม่มีกระป๋องรอรับเศษเหรียญหรือเงินจากผู้คนแต่อย่างใด แล้วเธอใช้ชีวิตอยู่บนสะพานลอยแบบนี้มาได้อย่างไร เท่าที่เห็นนับเดือนนับปี ก็ยังเห็นเธออยู่ในสภาพเดิมๆ เสื้อผ้าชุดเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยสักครั้ง

    บางวันเคยเห็นหญิงคนนี้นั่งถือถ้วยกระดาษตักอาหารในนั้นกินอยู่เงียบๆ เมื่อเธอเงยหน้าสบตา ใบหน้าก็ดูสะอาดเกลี้ยงเกลาขัดกับเสื้อผ้าที่สวมใส่อย่างแปลกพิกล หรือเธอมีที่พักที่ไหนสักแห่งไว้สำหรับคอยอาบน้ำล้างหน้ากันหนอ

    ยามที่เจ้าหน้าที่เทศกิจขึ้นมากวดขันไม่ให้มีพ่อค้าแม่ขายนำสิ่งของมาแบกะทางเดินบนสะพานลอยเป็นที่กีดขวางผู้คนที่เดินขวักไขว่ช่วงเร่งด่วน เธอจะหายไปจากที่ประจำของเธอเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเป็นอยู่ตรงไหน จนเมื่อเจ้าหน้าที่ผละไปแล้วนั่นแหละ จะเห็นเธอก้าวขึ้นมานอนในจุดประจำของเธอ โดยไม่มีใครมาแย่งพื้นที่เลย

    สถานที่ที่หญิงคนหนึ่งที่อาจจะเรียกว่าเป็นคนจรจัดหรือคนไร้บ้านนั้น เธอใช้พักพิงประจำจนสังเกตเห็นคราบไคลบนพื้นที่เป็นคอนกรีตเป็นรูปรอยร่างของเธอเลยทีเดียว ยิ่งมองแล้วยิ่งเต็มไปด้วยความฉงนสงสัยยิ่ง ในเมื่อเธอไม่ใช่วณิพกหรือขอทาน ไม่มีสัมภาระอะไรสักชิ้นวางตรงนั้นแล้วเธอจะใช่คนเร่ร่อนคนจรหมอนหมิ่นหรือ น่าจะมีสถานที่ใดที่หนึ่งที่เธอเก็บข้าวของส่วนตัวบ้าง หรืออย่างน้อยก็ต้องมีห้องน้ำห้องท่าให้ใช้บ้างแหละน่า

    นับเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สร้างความฉงนสนเท่ห์สำหรับใครบางคนได้บ้าง

    ช่วงเย็นของวันหนึ่งที่ต้องเดินขึ้นสะพานลอยผ่านตรงจุดที่หญิงชุดดำนอนบนสะพานลอยในท่าเดิมนอนตะแคงศีรษะหนุนแขนขวา แขนซ้ายพับศอกวางพาดเอว อย่างที่มักเห็นเสมอๆ แต่วันนั้นเธอไม่ได้นอนในท่าเดิม หากแต่นั่งขัดสมาธิ ก้มหน้าดูอะไรสักอย่างที่อยู่ในมือของเธอ พอเฉียดกรายเข้าไปใกล้เพื่อจะเดินผ่านไปตามปกติ

    สิ่งที่เห็นเธอกำลังจ้องดูโทรศัพท์มือถือ เหมือนเช่นคนทั่วๆไปที่พบบนทางเดิน ที่นั่งรอตามป้ายรถเมล์หรือบนรถเมล์ หรือที่ไหนๆ ในโลกล้วนแต่มองมือถือ

    เธอไม่ใช่คนจรจัด ไม่ใช่คนไร้บ้าน ไม่ใช่คนวิกลจริต เธอเป็นใคร ทำไมถึงได้อยากรู้เรื่องนี้นัก

    แค่อยากถามว่าหากแบตหมดแล้ว เธอไปชาร์จแบตที่ไหนอีกล่ะหนอ หรืออยากรู้แค่นี้จริงๆ

    28/7/2567

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments