Saturday, April 12, 2025
More
    Homeเรื่องสั้น-วรรณกรรมเรื่องเล่าในรถร้อนEP.45

    เรื่องเล่าในรถร้อนEP.45

    แวบแรกก้าวขึ้นไปจับราวโหนบนรถเมล์สีครีมแดง ยืนโอนเอนโงนเงนเหวี่ยงตัวไปซ้ายทีขวาทีโยกเยกโยนไปมา

    เด็กหนุ่มวัยทำงานมีเป้สะพายวางบนหน้าตักเงยหน้ามอง ทำท่าพยักพเยิดจะลุกให้นั่งเบาะเก้าอี้ ข้าพเจ้ายิ้มตอบขอบคุณหลังหน้ากากอนามัยพลางส่ายหน้าเป็นระวิง ในทำนองยังไหวสบายมากลูกหลาน ยังแข็งแรงพอ หนูนั่งไปเถอะไม่ต้องสละที่นั่งให้หรอก อีกไม่นานก็จะลงแล้ว

    ส่งสัญญาณบอกซ้ำอีกว่าไม่เป็นไร ในหัวยังคิดว่าตัวเองรู้สึกยังหนุ่มเหมือนสามสิบสี่สิบปีที่แล้ว ยังคงจะต้องใช้ชีวิตไปอีกยาวนาน

    เปรียบเทียบกับไอ้แดง รถปิกอัพขนาดกะทัดรัดเครื่องพันหกที่ยืนหยัดใช้งานมาเกือบยี่สิบปียังสามารถวิ่งปุเลงไปได้ เพียงแต่มันซดน้ำมันเปลืองโข ต้องสับเปลี่ยนมาขึ้นรถเมล์บ่อยๆในห้วงสองสามปีมานี้

    แถมช่วงล่างยังยวบยาบตามวัยสังขารราวแผ่นเหนียงยานหย่อนคล้อยย้อยย้วยใต้คาง อันเป็นความงามแห่งความเหี่ยวย่น ที่น่ารังเกียจของบางคน 

    การแสดงออกของเด็กหนุ่มด้วยท่าทีนุ่มนวลอ่อนน้อมไม่แข็งกร้าวในห้วงวัยไฟแรงพุ่งพล่าน มันเหมือนผู้แยบยลใช้ความอ่อนนุ่มหลอมเหลวละลายหักล้างทะลวงทลายความแข็งแกร่งกร้าวแน่นหนักดั่งเหล็กทั่งผนังโลหะให้พังภิณฑ์พินาศยับย่อยราบคาบเป็นกองธุลีพะเนินเทินทึก

    ยิ่งคิดยิ่งนึกหวนคิดถึงเหตุการณ์สะเทือนขวัญมวลมนุษยชาติจากมหันตภัยแผ่นดินไหวเมื่อสิบวันก่อนนี้ มันมาถึงซึ่งความเชื่ออย่างมั่นเขม็งขมวดเกลียวแน่นเหนียวว่า

    แท้จริงไม่มีสิ่งใดในหล้าปฐพีจะยิ่งใหญ่มั่นคงแข็งแกร่งได้อย่างสถาพรจีรังยั่งยืนชั่วกัปกัลป์นิรันดร

    จากที่เคยยึดถือความมั่นคงต้องดุจดั่งขุนเขาสิงขรบนแผ่นพิภพแล้ว ไร้สิ้นซึ่งการเปลี่ยนแปลง ไร้สิ้นพลังใดบังอาจหาญหัก ผิดไปแล้วความคิดยึดมั่นถือมั่นเช่นนั้น ได้ถูกหักล้างลงอย่างสิ้นเชิง

    ความเหลวหลอมไหลไร้รูปรอยนั่นอย่างไรที่สามารถเขย่าเขยื้อนสะเทือนหินผาภูเขาสูงเทียมเมฆแผ่นผืนพสุธาจนแยกแตกคว่ำทลายลงอย่างง่ายดายเกินความคาดหมาย
    มิพักให้ต้องพินิจพิเคราะห์ให้ลุ่มลึกตามแนวนักคิดนักวิชาการนักปรัชญาผู้เอกอุเชี่ยวชาญสุดยอดเลย

    เพียงล่วงรู้จากบทสรุปที่ตกผลึกของคนเก่าก่อนถึงข้อเท็จจริงของการขยับตัวของแผ่นเปลือกโลกลึกลงไปนับสิบกิโลเมตรนั้น

    มันเป็นพลังงานมหาศาลจากของเหลวอันเกิดจากการหลอมละลายของหินเหล็กไปตลอดโลหะมวลสารหนักเบาทุกชนิดด้วยอุณหภูมิสูงนับร้อยนับพันองศา อันส่งผลให้เกิดเหตุแผ่นดินไหวที่มีพลานุภาพทำลายพลิกคว่ำขยับเขยื้อนเลื่อนลั่นให้แผ่นดิน ภูเขา มหาสมุทร ปั่นป่วนพินาศย่อยยับยิ่งกว่าพลังงานใดๆอันมนุษย์สร้างขึ้น

    การพังทลายทรุดร่วงเพียงเสี้ยวนาทีของสิ่งก่อสร้างที่เห็น สุดท้ายได้พิสูจน์แล้วว่ามนุษย์ไม่อาจเอาชนะธรรมชาติได้โดยสิ้นเชิง

    ยิ่งไปกว่านั้นมันได้ยืนยันว่าไม่มีวัตถุหรือสิ่งใดมั่นคงแข็งแรงได้ตลอดกาล ทุกสิ่งในโลกล้วนเปลี่ยนแปลง หากเปรียบคำสอนของศาสนา ประมาณว่าใดๆในโลกล้วนอนิจจัง

    มาถึงเวลานี้ความเชื่อมั่นมันเน้นไปในเรื่องทฤษฎีความหลอมเหลว หรือแตกแขนงไปถึงความเหลวไหล เป็นความจริงแท้แน่นอน ยึดถือเป็นแก่นแกน

    บางทีการใช้ชีวิตอันเหลวไหลย่อหย่อนผ่อนปรนโอนเอนไปตามแรงปะทะสะท้อนเชือดเฉือนบ้าง อาจเกิดผลในทางที่ดีที่เหมาะย่อมเป็นไปได้เช่นกัน

    มนุษย์ไม่อาจวาดหวังผลตามแบบแผนที่ขีดคำนวณอย่างละเอียดเสมอเหมือนไม่มีทางผิดพลาดเลย สามารถดำเนินชีวิตไปสู่จุดหมายอย่างง่ายดายราวกับเดินบนแผ่นพรมอันนุ่มเท้า

    รถเมล์ชะลอความเร็วลงก่อนจอดหน้าป้ายรถโดยสารประจำทางจุดหมาย ลงจากรถก้าวเดินดุ่มไปตามทางเท้าที่ทำใหม่ทาสีฟ้าใช้เป็นทั้งทางขี่จักรยานและเดินวิ่งไปพร้อมกัน

    ในห้วงความคิดยังคงเลื่อนลอยเหลวไหลไปเรื่อย

    12/4/2568

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments