หนุ่มกระเป๋ารถเมล์ก้าวมายืนข้างคนขับด้วยใบหน้าเครียด นิ้วมือเกร็งบอกกับโชเฟอร์วัยกลางคนขณะบังคับรถแล่นไปตามถนนช่วงสายของวันหนึ่ง
“พี่งี้ตัวเกร็งไปหมด เก็บค่าโดยสารไม่ได้แล้วตอนนี้ ฉี่จะแตก อั้นไม่ไหวแล้วล่ะ พี่แวะจอดข้างทางให้หน่อยได้มั้ยครับ”
โชเฟอร์หันมามองแวบสายตาบ่งบอกความรู้สึกว่าช่างน่าเวทนาเหลือเกินกับลูกน้องหนุ่มวัยราวยี่สิบต้นๆ พลางเปรยว่า
“แถวนี้ไม่มีปั๊มด้วยสิ ตั้งแต่ออกจากอู่มา รถติดยาวกว่าสองชั่วโมงจะมาถึงแถวนี้ คงอั้นน่าดูนะเอ็ง รอไหวมั้ยจะแวะปั๊มข้างหน้านี้”
โชเฟอร์หมายถึงปั๊มน้ำมันที่อยู่ใกล้กับป้ายรถเมล์
“ท่าจะไม่ไหวครับพี่ หาที่จอดใกล้ๆ นี้ก็ได้ครับ”
กระเป๋าหนุ่มบอก ด้วยสีหน้าซีดเหยเก โชเฟอร์พยักหน้าหงึกๆ ตอบ
” ตรงข้างหน้านี้ก็แล้วกันนะ เดี๋ยวจะจอดเลยไปหน่อย”
ว่าแล้วก็เคลื่อนรถเบี่ยงจอดข้างทางท่ามกลางท้องถนนที่เต็มไปด้วยยวดยานขยับเขยื้อนไปเรื่อยๆ
กระเป๋ารถเมล์หนุ่มรีบลงจากรถอย่างว่องไววิ่งไปทางแนวพุ่มไม้ติดรั้วสังกะสีกั้นปิดเขตก่อสร้างอาคารแห่งหนึ่งจัดการกับเรื่องส่วนตัวที่เลี่ยงไม่ได้
ผู้โดยสารหลายคนพลอยโล่งอกแทนกระเป๋าหนุ่มคนนี้ไปด้วย คิดว่าเขาคง ทรมานบิดตัวเกร็งตลอดทางที่ผ่านมากว่าสองชั่วโมง พอเสร็จกิจหนุ่มกระเป๋ารถเมล์มีสีหน้าแช่มชื่นขึ้นมากรีบขึ้นรถเมล์มาทำหน้าที่อย่างแข็งขัน
เป็นช่วงหนึ่งบนเส้นทางที่ใครก็อาจจะพบเจอได้ แต่บางครั้งการเดินทางช่วงสั้นๆ ได้ประสบกับฉากชวนขันสนุกเล็กๆในอารมณ์บ้างก็ยังดีกว่าหงุดหงิดกับสภาพรถติดเป็นไหนๆ
เย็นวันวานไม่ต่างจากผู้คนอีกมากมายที่ชื่นชอบการถ่ายทอดสดฟุตบอลบนจอโทรศัพท์มือถือ
เป็นความสะดวกง่ายดายที่สุดของยุคสมัยอันไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นจริง หากเป็นเรื่องราวสามสิบหรือสี่สิบปีก่อน
นัดแข่งขันของทีมชาติไทยกับทีมชาติศรีลังกา ในกลุ่มดีเพื่อคัดเอาหนึ่งในสี่ทีมเข้ารอบแข่งขันต่อไปในรายการชิงถ้วยแชมป์เอเชียนคัพ
นัดแข่งขันจัดที่กรุงโคลอมโบ เริ่มเตะบ่ายสามโมงกว่าตามเวลาของศรีลังกา ตรงกับห้าโมงกว่าของไทย
ข้าพเจ้านั่งดูอยู่ที่บ้านลุ้นเชียร์สนุกสนานตามประสาหวังให้ทีมชาติไทยเอาชนะคู่แข่งที่ใช้ผู้เล่นเชื้อสายยุโรปเกือบทั้งหมด จนดูเหมือนทีมจากยุโรปชาติใดชาติหนึ่ง
ผ่านไปไม่กี่นาที ทีมชาติไทยได้ประตูขึ้นนำก่อน 1-0 ด้วยผลงานของนักเตะไทยที่ไปเติบโตประเทศในแถบยุโรปนาม ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร กองกลางหรือมิดฟีลด์ตัวรุก ด้วยลูกยิงไกลระยะกรอบเขตโทษ
บอลพุ่งโค้งเข้ากรอบประตูทะลวงตาข่ายอย่างสุดยอดสวยงาม เรียกเสียงเฮลั่นของแฟนบอลไทยบนอัฒจันทร์และในหมู่แฟนบอลที่ชมการถ่ายทอดสด
หลังจากนั้นเกมไม่สนุกตื่นเต้นเร้าใจเหมือนช่วงต้นครึ่งแรก เนื่องเพราะทีมไทยถอยมาเล่นเกมรับเป็นส่วนใหญ่ รักษาสกอร์ไปจนหมดเวลาของครึ่งแรก
ผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมงจำเป็นต้องจรลีไปธุระนอกบ้าน
จอมือถือเปิดคาไว้ตลอดดูบอลไทยกับศรีลังกาช่วงครึ่งหลัง ระหว่างเดินออกไปรอรถสองแถวเล็กที่ปากซอย
จนเมื่อขึ้นรถแล้วก็ยังนั่งดูการถ่ายทอดไม่ปล่อยให้เกมห่างจากสายตา ไม่สนใจว่าแวดล้อมผู้โดยสารอีกสามสี่คนจะมองอย่างไร หรือคิดอย่างไร
เกมเริ่มสนุกขึ้นเมื่อทีมไทยเปลี่ยนสองตัวนักเตะฝีเท้ายอดจากสโมสรต่างประเทศ
อย่างสุภโชค สารชาติ ของคอนซาโดเล ซัปโปโร จากญี่ปุ่น กับ จู๊ด ซุ่นทรัพย์-เบลล์ ลูกครึ่งไทย-อังกฤษ จากสโมสรกริมสบี้ ทาวน์ ทีมในลีกทู อังกฤษ ศูนย์หน้าดาวรุ่ง ลงมาทำให้เกมเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ทีมไทยมีโอกาสเปิดเกมรุกอย่างคึกคัก แล้วได้ประตูขึ้นนำเป็น 2-0 ด้วยการประสานงานระหว่างสุภโชคกับจู๊ดอย่างเข้าขากัน
สุภโชคตักบอลเสิร์ฟโค้งให้จู๊ดพุ่งทิ้งตัวโขกบอลเข้าประตูประเดิมลูกแรกของตัวเองในฐานะนักฟุตบอลทีมชาติไทยอย่างงดงามต่อหน้ากองเชียร์ชาวไทยในสนาม และแฟนบอลที่ชมผ่านการถ่ายทอดสด ได้เฮลั่นอีกครั้ง
สักครู่หนึ่งรถเมล์แดงหรือสองแถวถึงจุดหมาย ข้าพเจ้าลงไปให้ค่าโดยสารแล้วเดินขึ้นสะพานลอยคนข้ามไปรอต่อรถเมล์อีกทอดหนึ่งเพื่อไปยังจุดหมายปลายทางที่อยู่ห่างไปราวสิบกิโลเมตร
ระหว่างนั่งรอบนม้านั่งในบริเวณป้ายรถเมล์ สายตายังคงติดตรึงกับจอมือถือสลับกับชำเลืองแลรถเมล์ครีมแดงที่จะโดยสารไปด้วย ได้ลุ้นทั้งรถทั้งบอล ได้โมเมนต์ครึ้มอีกแบบหนึ่ง ปกติรถเมล์สายที่รอกว่าจะโผล่มา กินเวลาครึ่งค่อนชั่วโมง ไม่ต้องพะวงมาก คล้อยไปพักใหญ่
เกมผ่านไปเกือบครึ่งของครึ่งเวลาหลัง ทีมไทยมาได้ประตูนำห่างเป็น3-0 ด้วยลูกโหม่งของเซนเตอร์แบ็ค พรรษา เหมวิบูลย์ จากการส่งอย่างแม่นยำเหมาะเหม็งของนิโคลัส มิคเคลสัน แบ็คซ้ายที่แลบขึ้นมาด้านขวา เลี้ยงบอลหลบหลอกกองหลังศรีลังกาตวัดโค้งไปที่ตำแหน่งของพรรษาให้ลอยตัวโขกเข้าประตูไปอย่างสวยงามอีกประตูหนึ่ง
ภาพกองเชียร์ไทยเฮลั่นโบกธงชาติไทยสะบัดพลิ้วกลับมาย้ำอีกซ้ำๆราวกับสองลูกแรก
ถัดจากนั้นไม่นานรถเมล์ครีมแดงสายที่รอแล่นมาจอดหน้าป้ายพอดี ราวกับรอให้ไทยได้ประตูที่3เสียก่อน เลยลุกพรวดพราดก้าวขึ้นรถ พุ่งไปหาที่นั่งชมถ่ายทอดสดต่อบนรถเมล์ที่โชเฟอร์หนุ่มใหญ่ดูท่าทางเร่งรีบไม่น้อย เหยียบคันเร่งตะบึง ผ่านป้ายแล้วป้ายเล่าเกือบตลอดรายทาง
ข้าพเจ้าไม่ค่อยกังวลใดๆ เพราะเตรียมตัวพร้อมเมื่อถึงที่หมายจะสามารถลงทันเป็นมั่นเหมาะ แต่สายตาไม่ละจากเกมที่กำลังสนุกด้วยว่าไทยยังนำคู่แข่งห่างพอสมควร นี่ถ้าเป็นฝ่ายไล่ตามก็คงไม่สนุกแน่นอน
จนผ่านไปใกล้หมดเวลา ไทยทำประตูเพิ่มเป็นลูกที่4 จากฝีเท้าของจู๊ด เบลล์ อันสุดคมเฉียบขาด ตวัดด้วยเท้าขวาเสยตาข่ายแทบขาดทะลุ
ยิ่งเรียกเสียงเชียร์กึกก้องครึกโครมให้แฟนบอลไทยที่อยู่ในสนามอีกหลายเท่า ที่เห็นเป็นที่ประจักษ์กับผลงานของดาวรุ่งทีมชาติคนล่าสุด ลงสนามสองนัดซัดไปสองประตู เป็นศูนย์หน้าความหวังที่ค้นหาเฝ้ารอมานานของแฟนบอลไทย
สักพักหนึ่งจบการแข่งขัน ข้าพเจ้าเก็บมือถือใส่กระเป๋าสะพายลุกจากที่นั่งจับราวพร้อมจะลงรถเมล์ป้ายที่จะถึงข้างหน้า มือกดปุ่มออดส่งสัญญาณบอกโชเฟอร์ เสียงออดดังสั้นๆ ก้าวมายืนหน้าประตูทางลง รถเมล์ยังคงแล่นเร็ว ไม่มีทีท่าจะชะลอเลย จวนเกือบจะผ่านป้ายอยู่รอมร่อ
เสียงโชเฟอร์ถามดังๆว่า
“ลงป้ายนี้หรือลุง”
ข้าพเจ้าได้แต่งุนงง ด้วยว่ากดออดแล้วนี่ หรือว่าเสียงออดไม่ดังหรือกระไร ได้แต่ตะโกนตอบว่า
“ใช่ครับๆ”
ในใจก็คิดว่าก็กดออดแล้วนะไม่ต้องทดเวลาโดยสารให้หรอก ไม่ใช่เกมฟุตบอล แล้วรีบก้าวลงรถไม่ให้โชเฟอร์เสียอารมณ์มากไปกว่านี้
ส่วนข้าพเจ้าไม่ขุ่นมัวหงุดหงิดใดๆ มีแต่รู้สึกว่าการเดินทางเที่ยวนี้ช่างสนุกเพลิดเพลินเสียจริง
22/11/68

























