เหตุจลาจลในเรือนจำจังหวัดกระบี่ที่มีนักโทษอยู่ทั้งหมด 2,160 คน เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 21.30 น.วันที่ 16 ธ.ค. 2564
กลุ่มแกนนำนักโทษ ประมาณ 40 คน ปลุกระดมนักโทษในเรือนจำ เรียกร้องกรณีมีนักโทษติดเชื้อโควิด19 อยู่ในเรือนจำกว่า 300 คน
หลังเกิดเหตุไม่นาน พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.8 รับแจ้งเหตุ สั่งการให้พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ อุ้ยคำ ผบก.ภ.จว.กระบี่ เป็น ผบ.เหตุการณ์
ให้ พ.ต.อ.ณรงค์ ลักษณะวิมล ผกก.สภ.เมืองกระบี่ ร่วมกับนายจรูญ นาคแก้ว ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดกระบี่ เข้าควบคุมสถานการณ์ตามมาตรการกรมราชทัณฑ์ เน้นการเจรจาต่อรองเป็นหลัก
พร้อมบูรณาการเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง จนท.กรมราชทัณฑ์ แพทย์สาธารณสุข จนท.ดับเพลิง มูลนิธิอาสาสมัคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์หน้าเรือนจำ
ขณะที่กลุ่มนักโทษ เริ่มทำลายฝาผนังห้องนอนชั้นสอง 3 ห้อง ของเรือนนอนนักโทษชาย เป็นอาคาร 2 ชั้น และมีข้อเสนอให้นำผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด ทยอยออกไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลนอกเรือนจำ
เจ้าหน้าที่ตำรวจ ใช้กำลังกองร้อยควบคุมฝูงชน(คฝ.) 10 นาย สวมชุดPPE เข้าไปรับตัวนักโทษภายในเรือนจำ เพื่อนำตัวส่งโรงพยาบาล
ก่อนที่นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เดินทางมาถึงเรือนจำจังหวัดกระบี่ เวลา 23.30 น. พร้อมนำกำลังชุดเจรจาเข้าไปเจรจาต่อรองตามข้อเรียกร้อง
แต่เหตุการณ์ยืดเยื้อข้ามคืน
เที่ยงคืนเศษวันที่ 17 ธ.ค. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. สั่งการให้ พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภ.8 พ.ต.อ.พิษณุ พ่วงพร้อม รองผบกภ.จ.ระนองช่วยราชการบก.สส.ภ.8 พ.ต.อ.จิตปะพัทธ์ เอกโพธิ์ ผกก.ปพ.บก.สส.ภ.8
นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ.8 ชุดสวาท(S.W.A.T) ของ กก.ปพ.บก.สส.ภ.8 พร้อมอุปกรณ์เข้ารับมือสถานการณ์ที่อาจรุนแรงขึ้น โดยพล.ต.ต.นภันต์วุฒิ นำกำลังมาถึงหน้าเรือนจำจังหวัดกระบี่ เตรียมความพร้อมปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งทุกเมื่อ
ส่วนการมอบหมายหน้าที่ นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ มอบหมายนายจรูญ นาคแก้ว ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดกระบี่เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ ในพื้นที่เรือนจำจังหวัดกระบี่
นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ มอบหมาย พล.ต.ต. ชัยวัฒน์ อุ้ยคำ ผบก.ภ.กระบี่ เป็น ผู้บัญชาการเหตุการณ์ พื้นที่ รอบเรือนจำจังหวัดกระบี่
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มอบหมาย พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภ.8 เป็นหัวหน้าฝ่ายยุทธการ มี พ.อ.สมบัติ สืบท้วม รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร จังหวัดกระบี่ และ พ.ต.อ. สุริยา รัตนกาญจนพันธ์ รองผู้บังคับการ ตำรวจภูธรจังหวัผบก.ภ.จ.กระบี่ เป็น ผู้ช่วย
ขณะเดียวกันเรือนจำจังหวัดกระบี่ เริ่มนำตัวนักโทษหญิง เคลื่อนย้ายไปยังเรือนจำชั่วคราวจังหวัดกระบี่(กระบี่น้อย) 47 คน
กระทั่งเวลา 02.30 น.กลุ่มนักโทษเริ่มทุบทำลายอาคารที่ทำการในเรือนจำ และเรือนนอน อีกครั้ง
เจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดกระบี่ และ เจ้าหน้าที่จากกรมราชทัณฑ์ ได้นำตัวนักโทษหญิงเคลื่อนย้ายไปเรือนจำชั่วคราวฯ(กระบี่น้อย)อีก86 คน พร้อมจัดกำลังเจ้าหน้าที่เรือนจำฯ เป็น 4 ชุด หมุนเวียนเข้าควบคุมสถานการณ์ภายในเรือนจำฯ ชุดละ 1 ชั่วโมง
แต่ไม่เป็นผล อีก2ชั่วโมงต่อมา กลุ่มนักโทษเริ่มเผาทำลายอาคารร้านค้าสวัสดิการสงเคราะห์ อาคารสูทกรรม โดยใช้ถังแก๊ส ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ใช้รถดับเพลิงเข้าควบคุมเพลิงไว้ ได้ในเวลา6โมงเช้า
ฟ้าเริ่มสาง หัวหน้าส่วนต่างๆ ร่วมประชุมวางแผนคัดแยกกลุ่มแกนนำนักโทษออกจากกลุ่มนักโทษส่วนใหญ่
สถานการณ์เริ่มทวีความตึงเครียด ในเวลา 11.00 น. ไม่สามารถติดต่อกับนักโทษภายในเรือนจำได้ และไม่ได้รับความร่วมมือในการคัดแยกนักโทษตามแผนการ เชื่อว่าถูกตัดการสื่อสาร จนท.ต้องนำรถขยายเสียง เข้าสื่อสารกับนักโทษภายใน
และเริ่มคัดกรองผู้ป่วยที่ตรวจพบเชื้อไว้แล้ว 350 คน ด้วยการเอกซเรย์แล้วแยกไปอยู่เรือนจำแดนหญิง จากนั้นจัดหายา,อาหาร และน้ำดื่ม ไปให้
นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นประธานที่ประชุม มีมติลงความเห็นว่าแผนการเมื่อเช้าใช้ไม่ได้ผล ให้ใช้แผนปฏิบัติการที่ 2 คือ แผนปฏิบัติการ “แยกปลา ออกจากน้ำ”
พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เป็นผู้บรรยายรายละเอียด วิธีการและ ขั้นตอนของ “แผนปฏิบัติการแยกปลา ออกจากน้ำ” รวมถึงรายงานสถานภาพ กำลังพล อาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ที่เตรียมพร้อมสำหรับปฏิบัติภารกิจ
เวลา 13.00 น.แผนปฏิบัติการแยกปลา ออกจากน้ำ เริ่มต้น ให้นำนักโทษที่ตรวจโควิดแล้วเป็นสีขาว ประมาณ 300 คน เคลื่อนย้ายไปเรือนจำ จว.ภูเก็ต
กระทั่งเวลา 17.05 น. เจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดกระบี่ สั่งให้นักโทษทั้งหมดที่เหลืออยู่ในเรือนจำประมาณ 1,700 คน เข้าเรือนนอนของตนเองตามแผน
ทำให้กลุ่มแกนนำนักโทษเริ่มสงสัยว่าเพื่อนนักโทษหายไปไหนกันเยอะ กลัวว่าจะถูกเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์และเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม
ได้ก่อเหตุเผาเรือนนอนเก่าและโรงเรียน/ห้องสมุด ลักษณะเป็นอาคารไม้เก่า ติดไฟได้ เพื่อก่อความวุ่นวายขึ้นอีก และจะใช้จังหวะเพลิงไหม้ ปีนข้ามกำแพงรั้วเรือนจำหนี แต่เจ้าหน้าที่ดับเพลิง สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ในเวลา 18.00 น
เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ ตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษ บก.สส.ภ.8 ได้เข้าควบคุมเหตุวุ่นวายภายในเรือนจำ มีกลุ่มนักโทษบางส่วนพยายามจะปืนกำแพงรั้วเรือนจำหลบหนี เจ้าหน้าที่ทั้ง2หน่วย จำเป็นที่ใช้ปืนยิงกระสุนยาง สกัดการหลบหนีและควบคุมสถานการณ์
ส่วนบริเวณนอกกำแพงรั้วเรือนจำทั้ง 4 ด้าน มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองร้อยควบคุมฝูงชน จาก ภ.จว.กระบี่ ภ.จ.ว.สุราษฎร์ธานี ทหารบก ทหารเรือ และ เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ ยืนเรียงรอบรั้วเรือนจำ เพื่อสกัดกั้นนักโทษที่จะพยายามปีนกำแพงหลบหนี
เมื่อเหตุการณ์คลี่คลาย เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ รับช่วงต่อในการขนย้ายกลุ่มแกนนำ นักโทษทั้งหมดจำนวน 38 คนนำส่งไปยังเรือนจำเขาบิน
เป็นอันจบสิ้นภารกิจแยกปลาออกจากน้ำ ยุติการจลาจลที่ต่อเนื่องข้ามคืน
