ตำรวจไซเบอร์ทลายโกดังส่งพัสดุสินค้าไม่ตรงปก หลอกเก็บเงินปลายทาง3แห่งย่านสมุทรปราการ
เมื่อวันที่ 25 ต.ค.68 พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท. พร้อมด้วยพล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2 สั่งการให้ พ.ต.อ.มนต์ชัย บุญเลิศ ผกก.2 บก.สอท.2 นำกำลังหมายค้นศาลจังหวัดสมุทรปราการ ตรวจค้นเป้าหมายและโกดังแพ็คพัสดุ โกดังขนถ่ายพัสดุภัณฑ์ 3 แห่งในพื้นที่ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ
จับกุมนายรัศมิ์ธศิลป์ อายุ 19 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 6136/2568 ลงวันที่ น.ส.รัชฎาภรณ์ อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 6138/2568 และนายชัยวัฒน์ อายุ 33 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 6137/2568
พร้อมตรวจยึด คอมพิวเตอรฺ์ 26 เครื่อง ,สมุดบัญชีธนาคาร 57 เล่ม ,รถยนต์กระบะทึบ 3 คัน ,โทรศัพท์ 10 เครื่อง ,แทบเลท 3 เครื่อง ,ไอแพด 1 เครื่อง,เครื่องพิมท์ลาเบล 1 เครื่อง เครื่องบรรจุแพ็คพัสดุ อัตโนมัติ 2 เครื่อง และกล่องพัสดุจำนวนมาก รวมทั้งอายัดพัสดุ สินค้า เพื่อเป็นพยานหลักฐานเชื่อมโยงในการกระทำผิด
สืบเนื่องจากชุดสืบสวน กก.2 บก.สอท.2 มีผู้ใช้เฟซบุ๊กหลายรายโพสต์เตือนภัย จากการรับพัสดุที่ไม่ได้สั่งซื้อ และมีการเก็บเงินจากผู้รับพัสดุปลายทาง (COD) ประมาณ 200-300 บาท
กลุ่มคนร้ายได้ส่งสินค้าคุณภาพต่ำ เช่น เสื้อเก่า,ก้อนฆ่าเชื้อในชักโครกสีฟ้า, ทิชชู่เปียก, น้ำยาล้างห้องน้ำ มาในกล่องพัสดุ ทำให้ได้รับความเสียหาย และความเดือนร้อนแก่ประชาชนเป็นวงกว้าง
สืบสวนพบข้อมูลความเชื่อมโยงว่ามีขบวนการส่งสินค้าโดยที่ประชาชนไม่ได้มีการสั่งซื้อถูกจัดส่งมาจากโกดัง2 แห่ง และบ้านที่พักอาศัย ในพื้นที่ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ
พบว่าตั้งแต่วันที่ 1-16 ก.ย.68 ได้ส่งพัสดุไปให้กับประชาชนทั่วไปในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศไทยประมาณ 22,500ชิ้น ซึ่งพัสดุทุกชิ้นจะเป็นการจัดส่งในรูปแบบเรียกเก็บเงินปลายทาง (COD) และระบุราคาที่ต้องชำระเฉลี่ยชิ้นละ 200-300 บาท รวมยอด (COD) ที่จะได้รับ
ในช่วงระยะเวลา 15 วัน เฉลี่ยยอดส่งพัสดุ 1,500-2,000 ชิ้นต่อวัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 4,500,000 บาท อีกทั้งเปิดเพจหลอกขายสินค้าส่งสินค้าไม่ตรงปก ส่งสินค้าคุณภาพต่ำไปให้ผู้ซื้อสินค้าจากเพจหลายราย มูลค่าความเสียหายตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก
รวบรวมพยานหลักฐานผู้ที่เกี่ยวข้องในการกระทำผิด เพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้กระทำผิดทั้ง 3 ราย ก่อนเข้าตรวจค้นและจับกุม นอกจากนี้ยังติดตามจับกุมผู้ที่มีส่วนรู้เห็นร่วมกระทำผิด อาทิ ผู้เช่าโกดัง ทำหน้าที่แพคสินค้า จัดส่งสินค้าและอื่นๆอีก 12 ราย รวมทั้งหมด 15 ราย
เบื้องต้นสอบสวนทั้งหมดรับสารภาพทำมานาน 1 ปี ตรวจสอบพบว่ามีฐานข้อมูลที่อยู่บุคคลนับหมื่นรายชื่อ
ตำรวจดำเนินคดีในความผิดฐาน ”ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน“

























