วันที่ 27 มิ.ย.67เวลา 13.30 น.ภายใต้การอํานวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐพงศ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม. ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสําคัญ ดังนี้
1. สตม.รวบมังกรซ่อนกาย พบประวัติคดีแชร์ลูกโซ่ มูลค่าความเสียหายกว่า 150 ล้านบาท ข้ามชายแดนผิดกฎหมาย
กก.4 บก.สส.สตม.จับกุม MS.HU (นามสมมติ) อายุ 24 ปี ชาวจีน ได้ที่ คอนโดมิเนียมย่าน ถ.พัทยาสาย 2 อ.บางละมุง จว.ชลบุรี ตรวจสอบลายนิ้วมือในระบบสารสนเทศตรวจคนเข้าเมือง (BIOMETRICS) ผลการตรวจสอบไม่พบข้อมูลการเดินทางเข้ามาในประเทศไทย อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตํารวจประจําสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจําประเทศไทย รับแจ้งว่า MS.HU เป็นบุคคลที่มีประวัติกระทําความผิด ในข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน” ในลักษณะ แชร์ลูกโซ่ อ้างกับประชาชนว่าจะมีการระดมทุนเพื่อเข้าไปซื้อหุ้นของแอพพลิเคชั่นที่ชื่อ bixin (ปี๋ซิน) มีผู้เสียหายหลายรายที่หลงเชื่อเข้าไปลงทุนซื้อหุ้น รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 150 ล้านบาท
จากการสอบถาม MS.HU รับว่าได้ลักลอบเข้ามาในประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติ บริเวณสามเหลี่ยมทองคํา เขตติดต่อ จว.เชียงราย ได้จับกุมตัวส่ง สภ.เมืองพัทยา ดําเนินคดีในข้อหาเป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและ อยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และเมื่อคดีสิ้นสุดจะได้ผลักดันส่งกลับไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีนต่อไป
2. สตม.รวบ 2 หนุ่มโสม ไกด์เถื่อน พบประวัติคดีแชร์รถหรู ความเสียหายกว่า 109 ล้านบาท
กก.4 บก.สส.สตม. จับกุม. MR.HAN (นามสมมติ) อายุ 50 ปี ชาวเกาหลีใต้ และ MR.KIM (นามสมมติ) อายุ 41 ปี ชาวเกาหลีใต้ ได้ที่ริมถนน 1366 ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ จว.เชียงใหม่
หลัง สืบสวนทราบว่ามีบริษัทนําเที่ยวหลายบริษัทเปิดรับสมัครไกด์นําเที่ยวต่างด้าวที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายเป็นจํานวนมาก โดยจะรับสมัครบุคคลต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ในประเทศ ทําหน้าที่เป็นไกด์ ดูแลลูกค้าเฉพาะกลุ่มเพื่อยากต่อการตรวจสอบและ
โดยพบว่ามีบุคคลชาวเกาหลีใต้ 2 รายเป็นไกด์ให้กับนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ที่เข้ามาท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ จึงสืบสวนพบว่าชายชาวเกาหลีใต้ดังกล่าวคือ MR.HAN และ MR.KIM ซึ่งการอนุญาตให้อยู่ในประเทศไทยได้สิ้นสุดแล้ว จึงได้สืบสวนติดตามจับกุมได้
จากการสอบถามรับสารภาพว่าจะ รับนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ที่จะเข้ามาเที่ยวในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ รายได้ต่อครั้งในการรับงานขั้นต่ําคือ 10,000 – 15,000 บาท ขึ้นกับจํานวนวันและจํานวนนักท่องเที่ยวที่ต้องดูแล โดยจะโพสต์บนโซเชียลในการเป็น ไกด์ส่วนบุคคล รวมทั้งมีการรับงานผ่านเอเย่นต์ที่เป็นตัวแทนของบริษัทท่องเที่ยว ทํามาแล้วประมาณ 2 เดือน ซึ่ง
ในส่วนนี้ชุดจับกุมอยู่ในระหว่างขยายผลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการที่มีบริษัทรับคนต่างด้าว เข้าทํางานโดยไม่ได้รับอนุญาต เบื้องต้นพบว่าเป็นบริษัทที่มีบุคคลต่างชาติเป็นผู้ร่วมถือหุ้นกับคนไทยในการประกอบ กิจการนําเที่ยว
จากนั้น นําตัวส่งพนักงาน สอบสวน สภ.ช้างเผือก จว.เชียงใหม่ ดําเนินคดีโดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด
นอกจากนี้จากการประสานงานตรวจสอบประวัติของ MR.HAN และ MR.KIM กับเจ้าหน้าที่ตํารวจสาธารณรัฐเกาหลีใต้ ประจําประเทศไทย และฝ่ายประสานงานการตํารวจไทย-เกาหลีใต้ กองการต่างประเทศ ตร. พบประวัติ MR.HAN และ MR.KIM เป็นผู้กระทำผิดในคดีแชร์รถหรู มีผู้เสียหายกว่า 60 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย กว่า 109 ล้านบาท
3. สตม.รวบหม่องตัวการช่วยพ่อเลี้ยงข่มขืนลูกเลี้ยง
กก.1 บก.สส.สตม. จับกุมนายเอ (นามสมมติ) อายุ 36 ปี ชาวเมียนมา ตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่ จ.523/2567 ลง 3 เม.ย.67 กระทําความผิดฐาน ร่วมกันข่มขืนกระทําชําเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กําลัง ประทุษร้าย โดยผู้นั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ ร่วมกันพาบุคคลอื่นไปเพื่อการอนาจารโดยใช้กําลังประทุษร้าย โดยใช้อํานาจครอบงําผิดคลองธรรม หรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการใด ๆ และอื่นๆที่เกี่ยวข้องนําตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี ดําเนินคดีตามกฎหมาย จับได้ที่หน้าโรงงานในพื้นที่ ต.บางน้ําจืด อ.เมืองสมุทรสาคร จว.สมุทรสาคร
ก่อนนี้ เมื่อวันที่ 12 ก.พ.2567 เวลา 16.00 น. ขณะผู้เสียหายวีดีโอคอลคุยกับ เพื่อนและทําอาหารรอสามีกลับมาในห้องเกิดเหตุในพื้นที่แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ มีนายจ่อ ผู้ต้องหาที่ 1 (ถูกจับกุมแล้ว) เป็นพ่อเลี้ยงผู้เสียหาย นายลินผู้ต้องหาที่ 3 (หลบหนี) และนายตอผู้ต้องหาที่ 4 (หลบหนี) ได้พังประตูบุกรุกเข้าไปในห้องเกิดเหตุ บังคับขู่เข็ญฉุดลากเอาผู้เสียหายไปขึ้นรถยนต์ โดยผู้ต้องหาที่ 1 กับ ผู้ต้องหาที่ 3 ได้ไปด้วยกัน ส่วนผู้ต้องหาที่ 4 ได้รื้อค้นทรัพย์สินของผู้เสียหายอยู่ที่ห้องที่เกิดเหตุ
จากนั้นผู้ต้องหาที่ 1 และที่ 3 ได้นําผู้เสียหายไปไว้ที่ห้องพักหมายเลข 12 ถ.เอกชัย – กรุงเทพฯ อ.เมืองสมุทรสาคร จว.สมุทรสาคร จากนั้นนายเอมิน ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่ 2 ที่รออยู่ที่ห้องพักหมายเลข 11 ได้ออกมาล็อคห้องหมายเลข 12 และช่วยกันขู่บังคับไม่ให้ผู้เสียหายร้องขอความช่วยเหลือ พร้อมตะโกนออกมาจากหน้าห้องว่าหากมีใครมาช่วยจะฆ่าให้ตาย โดยเอามีดมาจี้บังคับผู้เสียหายตลอด
ผู้ต้องหาที่ 1 ได้ข่มขืนกระทําชําเราผู้เสียหายจนสําเร็จความใคร่ เมื่อผู้เสียหายได้รับการช่วยเหลือกลับออกมา จึงได้แจ้งความดําเนินคดี ต่อมาศาลอาญามีนบุรี ได้ออกหมายจับนายเอมินในฐานความผิดดังกล่าว ก่อนถูกจับกุมได้
4. สตม. บุกรวบหัวหน้าแก๊งโจรกรรมแดนปลาดิบ OVERSTAY พบประวัติก่อคดีลักทรัพย์ 111 คดี
บก.สส.สตม. จับกุมนายมิโยชิ (นามสมมติ) อายุ 43 ปี ชาวญี่ปุ่น ได้ที่ โรงแรมแห่งหนึ่งใน เขตวัฒนา กทม.โดยตรวจสอบข้อมูลในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. พบว่า การอนุญาต ให้อยู่ในประเทศไทยของนายมิโยชิได้สิ้นสุดแล้ว (OVERSTAY) พร้อมทั้งได้ประสานงานไปยังสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ประจําประเทศไทย
ตรวจสอบประวัตินายมิโยชิ รับแจ้งว่า กระทําความผิดในประเทศญี่ปุ่น ในช่วงปี พ.ศ.2566 ในคดีโจรกรรมและบุกรุกในพื้นที่ 5 จังหวัดของประเทศญี่ปุ่น รวม 111 คดี มูลค่า ความเสียหายรวม 13,000,000 เยน (ประมาณ 3 ล้านบาท) โดยมีพฤติการณ์เป็นหัวหน้ากลุ่มโจรกรรมและเป็นหัวหน้า แก๊งมอเตอร์ไซด์นางาโทโมะ นําตัวส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดําเนินคดีในข้อหา เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด และจะได้ดําเนินการส่ง นายมิโยชิกลับไปยังประเทศญี่ปุ่นต่อไป