28 Days Later ถือเป็นปฐมบทของภาพยนตร์ “ซอมบี้” ในจักรวาลของ “แดนนี่ บอยล์” ผู้กำกับมือพระกาฬชาวอังกฤษ ออกฉายในปี 2545
หากเอาตัวเลข “28” มาลองคิดคำนวณ ก็ต้องบอกว่า 28 Years Later ที่เป็นงานภาค 3 ของหนังแฟรนไชส์ซอมบี้ชุดนี้ ควรจะต้องออกฉายในปี 2573
แต่คอหนังไม่ต้องรอไปถึงตอนนั้น เพราะตอนนี้ 28 Years Later เข้าโรงภาพยนตร์ให้ได้ดูกันแล้ว ส่วนภาค 2 ที่ใช้ชื่อว่า 28 Weeks Later (2550) ไม่ได้ใช้บริการ “แดนนี่ บอยล์” แต่เป็นฝีมือกำกับของ “ฮวน คาร์ลอส เฟสนาดิลโล” ผู้กำกับชาวสเปน
ต้องบอกว่า 28 Days Later เป็นหนึ่งในผลงานอันลือลั่นของ “แดนนี่ บอยล์” โดดเด่นทั้งการเล่าเรื่องและฝีมือการเขียนบทของ “อเล็กซ์ การ์แลนด์” สุดยอดนักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ แถมยังมีฉากถ่ายทำด้วยกล้องดิจิทัล
เพราะในปี 2544 การถ่ายทำหนังเรื่องนี้ในมหานครลอนดอน มีข้อจำกัดด้านเวลาอย่างเข้มงวดจากภาครัฐ จะเซ็ตฉากเงียบสงัดและเต็มไปด้วยความย่อยยับของเมืองหลวงอังกฤษไม่ใช่เรื่องง่าย
การถ่ายทำด้วยกล้องถ่ายภาพยนตร์แบบเดิม ๆ ตัวเทอะทะ ๆ เพื่อให้ได้ภาพมุมแคบหลาย ๆ มุมตามที่ต้องการก็ต้องใช้เวลานานมาก
กล้องดิจิทัลน้ำหนักเบาจึงเป็นอุปกรณ์ที่ตอบโจทย์
“แดนนี่ บอยล์” และ “แอนโธนี่ ด็อด แมนเทิล” ผู้กำกับภาพ ได้เลือกใช้กล้องดิจิทัล Canon XL-1 จำนวน 8 ตัวถ่ายทำฉากนี้จนยกว่าเป็นงานระดับปฏิวัติวงการ ชี้ให้เห็นว่าผู้กำกับและทีมของเขาพร้อมหยิบจับเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ให้ได้ประโยชน์
ใน 28 Years Later “แดนนี่ บอยล์” ควงคู่ “อเล็กซ์ การ์แลนด์” และ “แอนโธนี่ ด็อด แมนเทิล” สร้างความตื่นตะลึงให้วงการต่อไปด้วยการถ่ายทำฉากส่วนใหญ่ด้วย iPhone 15 Pro Max ถึง 20 เครื่อง
ผู้กำกับวัย 68 ปีให้สัมภาษณ์ทางช่องยูทูบว่าการใช้ไอโฟนจะช่วยลดผลกระทบต่อพื้นที่ธรรมชาติ เพราะอุปกรณ์แบบปกติที่ใช้กันจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมาก นอกจากนี้ก็มีการใช้โดรนถ่ายทำด้วยเช่นกัน
ส่วนเนื้อหาใน 28 Years Later ก็คือเรื่องราวหลังจาก 28 ปีที่ไวรัสมฤตยู “เรจ” (Rage) แพร่ระบาดเปลี่ยนมนุษย์เป็นซอมบี้ในชั่วพริบตา
https://www.youtube.com/watch?v=MtXXExqEYXM
สังคมล่มสลาย สหราชอาณาจักรเป็นดินแดนถูกกักกัน ตัดขาดจากส่วนอื่น ๆ ของโลก ไร้การเหลียวแล ถูกตรวจตราอย่างเข้มงวดโดยกองกำลังทางเรือของชาติอื่น เช่น ฝรั่งเศส สวีเดน
ดังนั้น ฉากหลังใน 28 Years Later จะโฟกัสอยู่แต่เพียงสหราชอาณาจักร โดยให้ความคืบหน้าว่าประชาชนที่เหลือรอด ได้หนีไปพักพิงบนเกาะแห่งหนึ่งนอกชายฝั่ง เชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่ด้วยทางเดินที่จะมองเห็นได้เฉพาะตอนน้ำลงเท่านั้น
![]()
พวกเขาสร้างป้อมปราการไว้คอยระแวดระวังซอมบี้ที่อาจจะข้ามมาอย่างแน่นหนา ชุมชนบนเกาะมีชีวิตเหมือนถอยไปในอดีต ไม่มีเทคโนโลยีทันสมัย ไร้พลังงานหมดโอกาสรับรู้ข่าวสารจากโลกภายนอก ต้องหาอาหาร หาเชื้อเพลิงจากแผ่นดินแม่
เมื่อเด็กผู้ชายเติบโตขึ้นถึงวัยหนึ่ง ก็จะต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยการข้ามฝั่งไปฝึกล่าและฆ่าซอมบี้ มีอาวุธคู่มือเพียงคันธนูและลูกศร
“สไปก์” รับบทโดย “แอลฟี วิลเลียมส์” เด็กชายวัย 12 ปีที่ถึงคราวต้องฝึกล่าซอมบี้ เขากับ “เจมี่” สวมบทโดย “แอรอน เทย์เลอร์-จอห์นสัน” ผู้เป็นบิดา ข้ามฟากไปแผ่นดินใหญ่
เด็กชายได้เรียนรู้และเห็นว่าซอมบี้ถูกแบ่งออกเป็นหลายจำพวก แถมยังมีซอมบี้ที่พัฒนาสายพันธุ์ไปอีกระดับขั้น
ช่วงเวลาที่ทั้ง 2 พ่อลูกเดินอยู่บนทุ่งหญ้า เข้าไปในผืนป่า ภาพธรรมชาติของชนบทอังกฤษปรากฏผ่านเลนส์ออกมาอย่างสวยงามประจักษ์ตา แต่ไม่ชวนให้รู้สึกปลอดโปร่ง เพราะไม่รู้ว่าซอมบี้จะออกมาเล่นงานมนุษย์เมื่อไหร่
หลังจากหนังให้ความระทึกตามแบบฉบับของหนังซอมบี้สักพัก “สไปก์” ก็ได้เห็นสถานที่แห่งหนึ่งและติดใจสงสัย จนกระทั่งได้ข้อมูลในเวลาต่อมาว่า อาจยังมีแพทย์คนหนึ่งที่ถูกเล่าขานว่าวิกลจริตอาศัยอยู่ที่นั่น ชื่อ “ดร.เอียน เคลสัน” รับบทโดย “เรล์ฟ ไฟน์ส”
การได้ยินว่ามีแพทย์รักษาคนอยู่อีกฝั่ง ได้จุดประกายในใจของเด็กชายว่า “ไอส์ลา” รับบทโดย “โจดี้ โคเมอร์” มารดาของเขาอาจมีทางรอดชีวิตจากโรคลึกลับที่ทำให้เธอทุกข์ทรมาน
“สไปก์” ตัดสินใจพามารดาหนีจากเกาะข้ามไปยังสถานที่แห่งนั้น แม้จะต้องฝ่าด่านโขยงซอมบี้ ก่อนจะพบกับเรื่องราวที่เป็นแก่นสำคัญของเรื่อง 28 Years Later ไม่ได้มอบแค่ความสนุกของหนังแนวซอมบี้ ที่เต็มไปด้วยความดิบ โหด ชวนลุ้นระทึก ท่าบังคับเหล่านี้มาแบบจัดหนักจัดเต็ม
แต่ยังมีสัญลักษณ์และการซ่อนความหมายที่ลึกซึ้งให้ตีความ ลับรอยหยักสมองอย่างสนุก ภาคดราม่าคือการยกระดับไปอีกขั้นอย่างยอดเยี่ยม
บทของ “สไปก์” ไม่ใช่แค่เด็กที่ถูกเร่งให้เรียนรู้ชีวิต หัดเอาตัวรอดให้ได้ในสนามจริงที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย
แต่เป็นตัวแทนให้เห็นถึงการเร่งเร้าให้เด็กแข็งแกร่งก่อนวัย ถูกสอนให้สนุกสนานกับการล่าและฆ่าอย่างสยดสยอง
เป้าหมายการสังหารก็คือซอมบี้ ที่เราต่างรู้ว่าคือคนที่ตายไปแล้ว แต่ต้องตายซ้ำอีก
“แอลฟี วิลเลียมส์” ฉายศักยภาพการแสดงอย่างน่าทึ่งกับบทนี้
ที่สำคัญ หนังยังว่าไปถึงหลักปรัชญาหลายอย่าง ใส่มาแบบจะแจ้งและแนบเนียน
ที่เห็นอย่างชัด ๆ ก็คือเรื่องของการเกิดขึ้น ดำรงอยู่ ไปจนถึงการดับสูญ ต้องบอกว่าช่วงหนึ่งของหนัง บอกเล่าถึงสิ่งเหล่านี้ออกมาอย่างทรงพลังจนขนลุกและทำเอาน้ำตารื้น
อีกอย่างที่ชวนติดตามยิ่งขึ้นก็คือ 28 Years Later เป็นงานจบในไตรภาคกลุ่มแรก มัดรวมกันไล่เรียงไปก็คือ 28 Days Later, 28 Weeks Later และ 28 Years Later ซึ่งตอนนี้ 28 Years Later พ่วงตำแหน่งเป็นหนังเปิดไตรภาคใหม่
เนื่องจากมีการถ่ายทำภาคต่อกันไปบ้างแล้ว ใช้ชื่อว่า 28 Years Later : The Bone Temple 28 Years Later : The Bone Temple เป็นงานในมือของผู้กำกับ “ไนอา ดาคอสตา” โดยคาดว่าจะได้ชมกันในปีหน้า
ก็ไม่รู้ว่าทิศทางภายใต้การกุมบังเหียนของผู้กำกับหญิงชาวอเมริกันคนนี้จะออกมาลูกไหน
เพราะ 28 Years Later ของ “แดนนี่ บอยล์” จบท้ายไว้ในแบบที่ท้าทายฝีมือคนที่มาทำภาคต่อจริง ๆ.
Blue Bird21/6/68