สำหรับคอลัมน์ Can I Show วันนี้ พาท่านผู้อ่านมารู้จักกับ สาวหมวยหน้าหวาน ที่มีบุคลิกนิสัย เปรี้ยวจี๊ดจ๊าด เรียกได้ว่ามีครบทุกรสในคนเดียว ผู้หญิงเก่งสวยน่าหยิกหาได้ยากในยุคปัจจุบัน น.ส. อิงหทัย เลิศวิบูลย์งาม หรือ “จุ๊บแจง”
ด้วยอายุปประมาณ 30 กว่าๆ แต่หน้าตายังกะ 25 ปี. ร่างเล็กหุ่นแจ๋วเป็นที่สุด สำคัญคือ…โสดไร้กิ๊ก และไม่ได้ซุกแฟนแน่นอน ฟันธงจร้าา สาเหตุที่เธอยังสวยใส ดูเด็กกว่าวัย เพราะจิตใจใฝ่ดี มีใจรักในหน้าที่การงานเป็นที่สุด ..ทำอะไรต่อมิอะไรด้วยใจเป็นสุข จะส่งผลให้หน้าตาสดชื่นแจ่มใส่แบบนี้ไม่มีผิดเพี้ยน…
“จุ๊บแจง” บอกกับเราว่า เธอเติบโตในครอบครัวที่เพียบพร้อม เป็นพี่สาวคนโตของบ้านที่คอยดูแลน้องๆ ทั้งหญิงและชาย คุณพ่อเป็นนักธุรกิจ ส่วนคุณแม่เป็นแม่บ้าน ในวัยเด็กเธอเข้าเรียนมัธยมที่ โรงเรียนวรนารีเฉลิม จ.สงขลา เพราะครอบครัวย้ายไปทำธุรกิจที่นั่น ชีวิตวัยรุ่นจึงเริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางเพื่อนๆในกลุ่มแก๊ง ที่อาจจะมองดูครอบครัวเธอใช้ชีวิตอย่างหรูหรา ภายใต้ความอบอุ่นที่ได้รับจากพ่อ-แม่ และญาติๆ
” ช่วงวัยรุ่นแจงได้ใช้ชีวิตเต็มที่เลยค่ะ ตั้งแต่ ม.1-ม.3 อยากทำอะไรนี่คือได้ทำหมด มีความสุขตามประสาเด็กๆ ว่ายน้ำ ขี่จยย. ไปเที่ยวนู้นนี่ สมัยนั้นคุณพ่อ มีธุรกิจมากมายในหาดใหญ่ ครอบครัวก็ได้บินไปเที่ยวต่างประเทศบ่อย ที่บ้านแจงเปิดกว้างต้อนรับเพื่อนทุกๆคนมากินนอนกองกันอยู่ตลอด เป็นชีวิตที่มีความสุขมาก แต่แจงตั้งใจเรียนนะค่ะ หน้าที่เราคือเรียนหนังสือ ส่วนการเที่ยวเล่นก็เป็นไปตามวัย จนกระทั่งหลังเรียนจบ ม.3 ผ่านไปไม่กี่ปีสถานการณ์ฐานะทางบ้านก็เปลี่ยนไป ครอบครัวประสบปัญหาเพราะพิษเศรษฐกิจ ย้ายออกมาจากจังหวัดสงขลาในที่สุด ” เธอเล่า
ถึงกระนั่นก็ตามที ชีวิต “จุ๊บแจง” ยังคงตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองอย่างที่เธอบอก นั้นคือตั้งใจศึกษาเล่าเรียน เพราะเธอเชื่อว่า การศึกษา จะนำพาเธอไปสู่หน้าที่การงานและค่าตอบแทนต่างๆ เพื่อจะยืนหยัดอยู่เป็นเสาหลักของคนในครอบครัวต่อไปในภายภาคหน้า กระทั่งเรียนจบระดับปริญญาตรี หางานทำเหมือนคนทั่วไป เข้าสมัครเป็นพนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานครฯ ปัจจุบัน กำลังศึกษาต่อ MBA Stamford international university หวังคว้าปริญาอีกใบ ต่อยอดความรู้ให้ตัวเอง
” แจงไม่อยากให้ใครท้อแท้ สิ้นหวัง หรือย้อมแพ้กับอะไรง่ายๆ คำว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ใช้ได้ดีที่สุดทุกยุคทุกสมัย คนเรามีมือมีเท้าเท่ากัน มีสมองเหมือนกัน แต่ความพยายามอาจแตกต่างกัน ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั้น พยายามมากเส้นชัยที่เราตั้งเป้าไว้ก็จะได้มาไม่ยาก แต่ถ้าเราถอดใจหรือไม่พยายามแต่ต้น เอาแต่คิดฝันเพ้อ หรือน้อยใจกับชะตาชีวิตไปวันๆ เราจะไม่ได้ในสิ่งที่อยากได้ไปชั่วชีวิต ”
จุ๊บแจง ยังบอกด้วยว่า ตัวเธอเอง หากเทียบชีวิตปัจจุบันกับชีวิตสมัยวัยรุ่น ความเป็นอยู่ค่อนข้างแตกต่างกัน เมื่อก่อนมีคนขัยรถรับส่งไปโรงเรียนเช้าเย็น อยากได้อะไรก็ได้ แต่พอเราค่อยๆโตขึ้นมา ความสะดวกสบายเหล่านั้นหายไปหมด ต้องช่วยตัวเองมากขึ้น ทำทุกอย่างที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง เมื่อธุรกิจ-กิจการที่บ้านไม่เหมือนเดิม ตัวเธอต้องปรับสภาพไปตามสถานการณ์
“แจงไม่ได
้สนใจว่าบ้านจะมีฐานะอย่างไร แล้วก็ไม่เคยน้อยใจหรืออยากจะให้ที่บ้านกลับไปร่ำรวยเหมือนเมื่อก่อน ถ้าเลือกได้อยากให้ทุกคนในครอบครัวประสบความสำเร็จมากกว่า น้องๆเรียนจบทำงาน ช่วยเหลือตัวเองได้ มีความสุขกับชีวิตทุกๆวันมันเป็นเรื่องที่ดีทั้งวันนี้และในอนาคต ทุกอย่างอยู่ที่ใจ ..ถ้าใจเราดี ชีวิตเราก็ดี”
เธอยังเล่าต่อด้วยว่า ” ชีวิตทุกวันนี้ไม่ลำบากเลยค่ะ สะดวกสบายมาก แต่อาจจะไม่หรูหรา หรือเหลือกินเหลือใช้อะไรมากมาย พ่อ-แม่มีความสุข คนในครอบครัวน่ารัก รักใคร่กันดี ไม่มีใครบ่นโทษโชคชะตาว่า ทำไมต้องแบบนั้นอย่างนี้ พวกเราโอเค รับได้กับทุกอย่างที่เป็นไป คุณพ่อยังคงประกอบธุรกิจเหมือนเดิม อาจจะไม่เติบโตเท่าเก่า แต่พวกเราไม่ได้ลำบาก ส่วนคุณแม่ก็เป็นแม่บ้านที่ดีเสมอต้นเสมอปลาย ครอบครัวเราโอเคมาก อยากจะให้ทุกคนที่กำลังล้มหรือหมดหวังเรื่องใดก็ตามแต่ ให้คิดบวกๆนะค่ะ สู้กับทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ใจเราไม่แพ้ อานาคนของเรา เรากำหนดเราสร้างเอง “
เพราะใช้ชีวิตคิดบวกอยู่ตลอดเวลา เลยส่งผลให้ทำอะไรก็ประสบความสำเร็จไปซะทุกเรื่อง เธอเหมาะสมแล้วที่เกิดมาเป็นพี่สาวคนโตของครอบครัว เหมาะมากที่เป็นลูกคนแรกของ คุณพ่อ-คุณแม่ และเพื่อนเป็นร่วมงาน เพื่อนรักวัยเรียนของใครหลายๆคน
ทิ้งท้ายก่อนจะจบเรื่องราวของหญิงมั่นคนเก่ง ขาดไม่ได้เลยที่จะต้องฝากถึง พี่ๆน้องๆตำรวจทั่วปรัดทศไทย…..สำหรับมุมมองที่เธอมีให้กับตำรวจนั่น เธอบอกกับเราว่า “มักจะเห็นคลิปวีดีโอ หรือ สื่อต่างๆที่เผยแพร่ เกี่ยวกับการกระทำผิดของตำรวจค่อนข้างเยอะ มันจึงทำให้ประชาชนอาจประเมินค่า ตัดสินตำรวจ ว่าน่าจะมีพฤติกรรมที่เหมือนๆกัน หรือมีนิสัยส่วนใหญ่แบบในคลิป อยากจะบอกทุกๆคนว่า ควรใช้วิจารณญาณ ประกอบด้วย อย่าตัดสินคนอื่นแค่เพียงการรับรู้ที่ผิดพลาด ควรจะไตร่ตรองก่อนค่ะ เจ้าหน้าที่ที่ประพฤติดีก็ควรมอบรางวัล และ ชื่นชม มีเกียรติยศ ส่วนรายที่ทำผิด ก็ควรทำโทษตามกฏระเบียบค่ะ”
“แจงไม่เคยแอนตี้ ตำรวจดีๆมีในสังคมมากมาย ไม่แตกต่างกับอาชีพอื่นๆที่มีทั้งคนดี และไม่ดี ขึ้นอยู่กับประสบการณ์มากกว่า คงขึ้นอยู่กับว่า เราจะไปเจอกับตำรวจแบบไหน เราก็จะมีทัศนคติแบบนั้น หากตำรวจทำตามหน้าที่ๆถูกต้อง มีกฏ และ ไม่ละเมิด ใช้ อำนาจหน้าที่ในทางไม่ชอบ ช่วยเหลือประชาชนเป็นที่พึ่งเวลาเกิดเหตุร้าย… ตำรวจก็จะเป็นฮีโร่ในใจของประชาชนทุกคนค่ะ