ตำนานมือปราบพระกาฬ ชลอ เกิดเทศ โดย กิตติพงศ์ นโรปการณ์
เกือบห้าโมงเย็น ชลอมาถึงกรมตำรวจ
ชายหนุ่มสั่งจ่าแป๊ะให้จอดรถตรงรูปปั้นที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าอาคารกรมตำรวจ
รูปปั้นนี้มีชื่อเรียกว่า อนุสาวรีย์ผู้พิทักษ์ เป็นรูปตำรวจอุ้มคนเจ็บ มีเด็กยืนกอดขาซ้ายอยู่ข้างๆ
ชลอรับรู้มาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพรานว่า อนุสาวรีย์นี้ถูกสร้างขึ้นสมัยพลตำรวจเอกเผ่า ศรียานนท์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมตำรวจ ในช่วงปีพุทธศักราช 2494-2500
เพื่อให้ระลึกถึงวีรกรรมตำรวจผู้เสียสละ ในฐานะเป็นผู้พิทักษ์ และรับใช้ประชาชน
กรมตำรวจสมัยพลตำรวจเอกเผ่า ให้หม่อมหลวงปุ่น มาลากุล เป็นผู้อำนวยการจัดสร้าง โดยมอบหมายให้ศาตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ประติมากรรมเอกแห่งกรมศิลปากรเป็นช่างปั้นรูป
ลักษณะของอนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้น ฐานส่วนล่างเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตรัส ทำด้วยหินอ่อน มีส่วนกว้างและสูงด้านละ 1.35 เมตร ภายในกลวงไว้สำหรับบรรจุอัฐิตำรวจผู้เสียชีวิตในหน้าที่ราชการ
รอบๆฐานด้านหน้ามีรูปตราโล่ และตัวอักษรจารึกคำว่า “ผู้พิทักษ์รับใช้ประชาชน”
ส่วนด้านข้างอีก 2 ด้าน มีหรีดทำด้วยทองเหลืองติดอยู่ ด้านหลังมีประตูเหล็กเปิดปิดไว้ สำรหรับเก็บอัฐิ บนฐานเป็นรูปห่นตำรวจเท่าคนจริง หล่อด้วยทองเหลืองยืนอุ้มคนเจ็บ และมีเด็กซึ่งเป็นญาติคนเจ็บเกาะขาตำรวจอยู่
สำหรับความหมายของอนุสาวรีย์ผู้พิทักษ์ นอกจากตำรวจจะทำหน้าที่ในการปราบปรามแล้ว ยังต้องมีหน้าที่บริการ และช่วยเหลือระงับทุกข์บำรุงสุขแก่ประชาชน อันได้แก่การบริการ และการช่วยเหลือต่างๆ
อนุสาวรีย์แห่งนี้ สร้างเสร็จพร้อมกับตึกสำนักงานตำรวจ ทำพิธีเปิดในวันตำรวจเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พุทธศักราช 2496
ทันทีที่รถจอดสนิท ชลอก้าวลงมาจากประตูรถพร้อมๆกับพันตำรวจตรีสำเริง มุยคำ สารวัตรใหญ่สถานีตำรวจอำเภอชัยบาดาล ที่เดินตามหลังก้าวฉับๆขึ้นอาคารสำนักงานตำรวจ ทั้งคู่ไม่ลืมยกมือไหว้ทำความเคารพอนุสาวรีย์ผู้พิทักษ์ที่มีอัฐิของ ตำรวจผู้กล้าอยู่ภายใน และเพื่อเป็นการทำความเคารพ
จากนั้นทั้งคู่เดินตรงไปที่ห้องทำงานของพลตำรวจโทณรงค์ มหานนท์ รองอธิบดีกรมตำรวจฝ่ายปราบปราม เพื่อรายงานความคืบหน้าในคดีอิทธิพลที่เกิดขึ้นเป็นข่าวครึกโครมในหน้า หนังสือพิมพ์
ชลอและสำเริง เดินผ่านตำรวจรักษาการณ์ที่ทำความเคารพเขาอย่างแข็งขัน เพราะจำได้ว่าเป็นใคร ถึงแม้จะแต่งกายนอกเครื่องแบบ ขณะที่ชลอต้องคอยมองนายตำรวจที่มียศใหญ่กว่าเขาเพื่อทำความเคารพเช่นกัน
โชคดีอีกอย่างของชลอคือ เนื่องจากเป็นเวลาเย็นแล้ว บรรดากระจอกข่าวในกรมตำรวจส่วนใหญ่เดินทางกลับสำนักพิมพ์ต้นสังกัด เพื่อกลับไปพิมพ์ข่าวตีพิมพ์ในวันรุ่งขึ้น จึงนับเป็นทางสะดวกให้กับชลอ ให้เข้าไปถึงสำนักงานรองอธิบดีกรมตำรวจ รุ่นพี่โรงเรียนอำนวยศิลป์ได้สะดวกขึ้น
เพียงชั่วครู่ที่เขาเดินทางมาถึง นายตำรวจในสำนักงานรองอธิบดีกรมตำรวจฝ่ายปราบปราม เดินออกมาเรียกพันตำรวจเอกชลอ และพันตำรวจตรีสำเริง ให้เข้าไปพบพลตำรวจโทณรงค์ ที่นั่งเซ็นเอกสารอยู่ในห้องทำงาน
ชลอเดินนำหน้านายตำรวจรุ่นน้องเข้าไปในห้องทำงานนายตำรวจใหญ่คนเมืองเพชร เพื่อรายงานตัว เป็นจังหวะเดียวกับที่พลตำรวจโทณรงค์ ลุกจากเก้าอี้ทำงานเดินมาที่โต๊ะรับแขก ที่จัดไว้อยู่อีกมุมห้อง พร้อมเอ่ยเรียกชลอ และสำเริงให้เข้ามานั่ง
2 นายตำรวจจากเมืองลิง โค้งศีรษะทำความเคารพ และขอบคุณนายตำรวจระดับผู้บริหารของกรมตำรวจ ก่อนหย่อนตัวลงนั่ง
“เอ้า…ว่ามา…”
พลตำรวจโทณรงค์ ไม่ยอมเสียเวลาซักถามรายละเอียดทันทีพร้อมๆกับที่ตำรวจหญิงหน้าห้อง เดินยกกาแฟร้อนมาให้ 2 นายตำรวจที่เดินทางมาไกล
ไล่เลี่ยกันตำรวจหญิงอีกคนเดินถือถาดกระเบื้องที่มีกาน้ำเล็กมีลวดลายเส้น จีน และถ้วยใส่น้ำชาใบเล็กๆลวดลายเดียวกันอีก 3 ถ้วย
ชลอได้กลิ่นหอมอ่อนๆของใบชา ขณะที่ตำรวจหญิงรินใส่ถ้วยให้กับนายตำรวจผู้บังคับบัญชา
“ชลอ..ลองดื่มบ้างไหม…..”
รองอธิบดีกรมตำรวจกล่าวชักชวน แต่ชายหนุ่มหัวหน้าตำรวจเมืองลพบุรีตอบปฏิเสธเพราะมีกาแฟร้อนที่ตำรวจหญิงมาวางไว้ก่อนแล้ว
ชลอรู้ว่าสรรพคุณของชาจีนที่อยู่ข้างหน้า ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นชาชั้นดีแน่นอน ยิ่งดีก็ยิ่งมีสรรพคุณหลายอย่าง นอกจากจะชุ่มคอแล้ว กับคนมีอายุ ยังช่วยลดไขมันในเส้นเลือด เพราะมีสารเร่งการเผาผลาญไขมัน ช่วยเร่งสลายไขมันเก่าที่สะสมในร่างกาย ทำให้น้ำหนักลดลง
“ผมมารายงานความคืบหน้าครับท่าน เกี่ยวกับเรื่องไอ้หยองลูกชายไบคาน…”
ชลอเริ่มเข้าเรื่องพร้อมพูดต่อ
“เรื่องที่ลูกน้องไอ้หยองไปมีเรื่องก่อกรรมทำเข็ญกับชาวบ้าน จากการตรวจสอบข้อเท็จจริง เริ่มมาจากชาวบ้านเอาสัตว์เลี้ยงไปกินน้ำในบ่อ ซึ่งเป็นที่ป่าสงวน แต่ไบคานเขามาขุดไว้ ไอ้พวกคนเฝ้าส่วนใหญ่เป็นแขก ก็เอาปืนยิงขึ้นฟ้าไล่”
“พอหนักเข้าก็เริ่มลงมือลงไม้ เพราะคนไทยเราก็ไม่เบา ไปรังแกเขาอยู่เหมือนกัน ชอบแอบเข้าไปขโมยของในฟาร์มของเขา ส่วนพวกไอ้หล่ำ เปิกเพิก ไอ้เทียม สดับจิต แกนนำชาวบ้านที่ต่อต้านอิทธิพลไบคาน จริงๆแล้วก็ลูกน้องไบคานเก่าทั้งคู่”
แต่นายตำรวจเมืองละโว้ทั้ง2คน กลับได้ยินคำตอบกลับมาจากนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ที่มองต่างมุม เห็นความทุกข์ยากของประชาชนมาก่อนอื่น
“คนละเรื่องกันคุณ ขณะนี้ชาวบ้านเดือดร้อน เพราะเขามีอิทธิพลสูง ฉะนั้นคุณสองคน ต้องกลับไปหาทางลดอิทธิพลไบคาน
ไอ้คนที่มีอิทธิพลมันมีองค์ประกอบ 4 เรื่อง คุณจำไว้ อันดับแรก มีเงิน สองมีธุรกิจที่ผิดกฎหมาย อันที่สาม มีบริวาร มือปืน”
พลตำรวจโทณรงค์ ยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาจิบก่อนวางลง และพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ยังราบเรียบแต่แฝงไปด้วยพลังอำนาจ
“ข้อที่สี่อันนี้สำคัญมาก คือมี ข้าราชการให้ความร่วมมือ ข้าราชการนี้ไม่เฉพาะตำรวจ อาจจะเป็นป่าไม้กำนันผู้ใหญ่บ้าน ฝ่ายปกครอง”
“ไบคานเสมือนต้นไม้ใหญ่ จะไปโค่นอะไรมันไม่มีทาง มันใหญ่เกินไป ต้นไม้ต้องมีกิ่งมีก้าน ต้องลิดกิ่ง กำจัดลูกน้องบริวารก่อน สืบเสาะหาข้อมูลแล้วเข้าตรวจค้น ถ้าตำรวจค้นบ้านผู้มีอิทธิพลสักครั้งสองครั้ง ไอ้คนนั้นจะไม่มีอิทธิพลอีกต่อไป คุณเชื่อผมมั้ย ลองไปดำเนินการตามนี้”
“ครับนาย”
2 นายตำรวจกล่าวพร้อมๆกัน
“มีอีกเรื่องหนึ่ง แม่ของนางเอกสาววันดีน่ะ เขามาพบผมแล้ว ขอให้รื้อฟื้นคดีลูกสาวเขาที่ตายไป เขาระบุเลยว่าถูกนายสมชายฆ่า คุณรับไปทำคดีควบคู่กันไปเลย
ส่วนจะถึงขั้นขุดศพขึ้นมาพิสูจน์หรือเปล่า ก็ขอให้ใช้ดุลพินิจเอาเอง แต่ขอให้สอบพยานบุคคลให้รัดกุม เมื่อจัดการอะไรแล้วอย่าลืมรายงานผมทุกระยะ เข้าใจว่าเขาคงจะไปพบคุณที่ลพบุรีในวันพรุ่งนี้…….”
“กินข้าวเย็นกับผมก่อนมั้ย…..”
“ไม่ครับนาย…เดี๋ยวผมว่าจะกลับลพบุรีเลย เป็นห่วงลูกน้องกับชาวบ้าน กลัวรู้ว่าผมไม่อยู่เดี๋ยวจะเสียขวัญ….”
“ดีแล้ว…งั้นเอาอย่างนี้ รอแป๊ปนึง…..”
พลตำรวจโทณรงค์บอกกับ 2 นายตำรวจก่อนลุกจากโซฟารับแขกตัวเขื่องเดินไปที่โต๊ะทำงาน เปิดลิ้นชักหยิบซองจดหมายสีขาวที่มีตราครุฑอยู่มุมซองขวาด้านบน เดินกลับมามอบให้พันตำรวจเอกชลอ พร้อมกล่าวว่า
“เอาไปกินข้าวระหว่างทาง และเป็นค่าน้ำมันด้วย”
“ขอบพระคุณมากครับนาย….”
นายตำรวจหนุ่มยกมือไหว้ผู้บังคับบัญชาที่มีน้ำใจให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างเขา
———————————————–
วันที่ 19 มิถุนายน พุทธศักราช 2523
อีกมุมหนึ่งในกรุงเทพมหานคร
“จับตายเลยหรือ….”
เสี่ยหยอง หรือนายสมชาย พงษ์สว่าง ลูกรักไบคาน ที่ต้องหลบลี้หนีกฎหมายอาญาบ้านเมืองเขวี้ยงหนังสือพิมพ์ที่มีข่าวตัวเองหรา อยู่ในหน้า 1 หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง อย่างไม่สบอารมณ์
“มั่นใจ “สมชาย”จนมุมไม่เกิน 20 มิ.ย. แม่นางเอกวันดี เข้ากรุงรื้อฟื้นคดีลูก..”
ในโปรยข่าว ระบุว่า พ.ต.อ.ผู้กำกับมือปราบ ประกาศเอาชีวิตเป็นเดิมพันในการล้างอิทธิพลไบคาน ยืนยันไม่เกินวันที่ 20 เดือนนี้ต้องได้ตัวนายสมชาย พงษ์สว่างแน่ ในการเข้าจับกุม ถ้าตกลงกันไม่ได้ หรือมีการขัดขืน มีทางเดียวคือจับตาย
เพลย์บอยหนุ่มอดีตสามีนางเอกระดับแนวหน้าเมืองไทยกัดฟันกรอด นัยน์ตาแข็งกร้าวถึงแม้จะส่อแววอิดโรย เพราะอดหลับอดนอน แต่เค้าหน้ายังคมเข้มตามฉบับแขกเชื้อสายปาทาน
“กูไม่ให้มึงเล่นกูฝ่ายเดียวหรอก….ไอ้ลอ” !!!!
——————————————
ขณะเดียวกัน ที่กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี
บรรดานักข่าวทั้งส่วนกลางและท้องถิ่น มารวมตัวกันเต็มกองกำกับตั้งแต่ช่วงเช้า เพราะทราบว่าวันนี้นางกิมเช้ง พิพัฒนกุล แม่ของนางเอกนัยน์ตาเศร้า “วันดี ศรีตรัง” จะมาเข้าพบพันตำรวจเอกชลอ
โดยขณะนี้ แม่ของอดีตนางเอกชื่อดังนั่งอยู่หน้านายตำรวจมือปราบ ภายในห้องทำงาน หลังจากไปที่โรงเรียนอนุบาลสระบุรี เพื่อหวังพบหน้าหลานสาว ด.ญ.โซเบดา ที่เกิดจากวันดี ศรีตรัง และนายสมชาย พงษ์สว่าง มาเฟียรูปหล่อ
แต่ก็พบกับความผิดวัง เพราะทางโรงเรียนแจ้งว่า ญาติของ ด.ญ.โซเบดา ได้มาลาออกจากโรงเรียนเมื่อปลายเดือนที่แล้ว อ้างจะพาไปเรียนต่อที่ประเทศปากีสถาน
“ฉันต้องการทราบเรื่องของวันดี ที่เงียบหายไป อยากรู้ว่าคืบหน้าไปมากน้อยแค่ไหน….”
นางกิมเช้งกล่าวกับพันตำรวจเอกชลอ ถึงวัตถุประสงค์ และคลายปมปัญหาคาใจ ขณะที่พันตำรวจเอกชลอกล่าวตอบ
“เรื่องที่เกิดขึ้นกับวันดี ตอนนั้นผมเป็นผู้กำกับอยู่ที่เมืองตาก แต่พอจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่มีปัญหา เพราะทุกคนเกรงกลัวอิทธิพลมืด คนรู้เรื่องก็ไม่กล้าที่จะเปิดเผย ไม่มีใครกล้าที่จะเข้ามาเป็นพยาน เรื่องก็เงียบหายไป ตำรวจก็ไม่มีหลักฐานหรือพยานอะไรมามัดตัวได้……”
“อย่างไรก็ตาม ผมไม่เคยท้อใจในการคลี่คลายคดีต่างๆที่อยู่ในความรับผิดชอบ ไม่มีมวยล้มเด็ดขาด……”
ชลอกล่าวให้ความมั่นใจกับแม่ของอดีตนางเอกเมืองใต้อีกว่า
“ส่วนเรื่องศพของวันดี ที่ตอนนี้ถูกฝังไว้ในสุเหร่ามะฮ์บาคูล่านารี กลางเมืองลพบุรี คงต้องใช้หลักวิชาการแพทย์เข้าช่วย ถึงจะชี้ได้ว่าชิ้นส่วนของร่างกายส่วนไหนถูกทำร้าย ส่วนไหนที่ถูกรีดออกก่อนฝังศพตามประเพณี
และยังสามารถพิสูจน์ได้ว่า วันดีตายเพราะสาเหตุอะไร ถ้าสามารถหาพยานหลักฐานตัวบุคคลที่เห็นเหตุการณ์ขณะที่นายสมชายกำลังทำร้าย วันดีก่อนเสียชีวิต ก็จะสามารถมัดตัวได้อย่างดิ้นไม่หลุด…..”
“ผมไม่เชื่อว่า ด.ญ.โซเบดา ลูกสาววันดี จะเดินทางไปปากีสถานตามข่าวลือ หากผมออกหมายค้นผ่านสารวัตรใหญ่สระบุรีแล้ว เชื่อว่ายายกับหลานจะต้องได้พบกันแน่ ผมขอให้คุณสบายใจได้ เพราะที่นี่เมืองไทย ไม่ใช่ปากีสถาน อำนาจเงินไม่สามารถจะซื้อผมได้……”
พันตำรวจเอกชลอกล่าวกับแม่อดีตนางเอกภรรยาเสี่ยหยองคู่ปรับของเขา