Friday, November 22, 2024
More
    Homeตำนานมือปราบพระกาฬ ชลอ เกิดเทศ40.ข่าวไอ้หยองเตลิดลงใต้

    40.ข่าวไอ้หยองเตลิดลงใต้

                  ตำนานมือปราบพระกาฬ ชลอ เกิดเทศ โดย กิตติพงศ์ นโรปการณ์
      

    ตะวันเริ่มคล้อย ชลอนั่งเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ในห้องทำงาน หลังนางกิมเช้ง แม่วันดี ศรีตรัง นางเอกนัยน์ตาเศร้าผู้อาภัพกลับไปพร้อมกับบรรดานักข่าวแล้ว

    ชลอรู้จากพันตำรวจตรีสำเริงว่า เมื่อช่วงเช้า พันตำรวจเอกสละ พูนศิริ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรเขต 1 เดินทางไปที่โรงพักชัยบาดาล ขอตรวจสำนวนคดีไบคานทั้งหมด โดยเฉพาะสำนวนคดีการตายปริศนาของวันดี

    พร้อมเรียก ร้อยตำรวจเอกชุมพล สุขเจริญ เจ้าของคดีมาชี้แจง และหาทางสะสางสำนวนขึ้นมาอีกครั้งว่า มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรตามที่แม่นางเอกคนดัง และผู้คนในสังคมสงสัยหรือไม่

    เขานั่งเงียบอย่างคนใช้สมอง เพราะนานๆครั้งเขาถึงได้นั่งอยู่คนเดียวในห้อง เนื่องจากมีคนเข้ามาหาไม่ขาดสาย ไม่ว่าจะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อนพ้องในแวดวงต่างๆ รวมทั้งบรรดาพ่อค้ามาเฟียทั้งหลาย

    ชลอหยิบบุหรี่ตองห้าออกจากซองมาคาบไว้ที่มุมปาก เปิดลิ้นชักหยิบดูปองค์ เมดอินฟรานซ์ สีทองขึ้นมาแล้วใช้นิ้วโป้งกระดกเปิดฝาดังปองค์สมยี่ห้อ ก่อนจุดไฟสูบเอาควันจากใบยาเข้าปอดจนเกิดไฟลุกวาบวับที่ปลายบุหรี่

    ชายหนุ่มนั่งมองควันที่พ่นพรูออกมาจากปากทีจมูกทีสลับกัน หลังอัดควันเข้าปอดเต็มที่ เขาโยกตัวบนเก้าอี้ไปมาเหมือนใช้ความคิดว่า ไอ้หยองมันจะหลบอยู่ที่ไหน

    คำไบคานที่เคยให้กับเขาไว้ จะพาลูกชายสุดที่รักคนนี้มามอบตัวใน 7 วัน  นี่จะครบกำหนดในวันที่ 20 มิถุนายน นั่นก็คือพรุ่งนี้แล้ว แต่ยังไม่มีความเคลื่อนไหวจากฝั่งไบคานแม้แต่น้อย

    พันตำรวจเอกชลอ อัดควันบุหรี่เข้าปอดอีกครั้ง ก่อนจะเขี่ยเถ้าบุหรี่ลงในจานเขี่ยขนาดใหญ่ทำด้วยแก้วเจียระไนหนาสวยงาม

    ไม่แปลกที่รสนิยมของนายตำรวจหนุ่ม ตำแหน่งใหญ่โตระดับหัวหน้าตำรวจจังหวัด จะใช้แต่ของดีๆ มีแบรนด์ สูบบุหรี่ตอง 5 ไฟแช็กดูปองค์ เลสข้อมือฝังเพชร นาฬิกาโรเลกซ์ พาหนะต้องเมอร์ซิเดส เบนซ์ เหล้าที่กินต้อง บรั่นดี เฮนเนสซี่ วีเอสโอพี

    สมัยเป็นผู้กำกับตำรวจภูธรจังหวัดตาก เขารู้จักพ่อค้าไม้ พ่อค้าอัญมณี พ่อค้าอาวุธสงคราม รวมทั้งพ่อค้าของเถื่อนอยู่หลายคน

    บางคนมีนามบัตรแนะนำตัวจากผู้ใหญ่หลายคนในกรมตำรวจ และกระทรวงมหาดไทย ขอให้อำนวยความสะดวกในบางเรื่องให้กับผู้ถือนามบัตรนี้

    ผิดเล็กผิดน้อยพอหยวนๆ ชลอแกล้งมองไม่เห็นบ้างก็หลายราย จะเอาหลักนิติศาสตร์เป๊ะๆมาใช้ในเมืองชายแดนก็คงไม่ได้

    อะลุ้มอล่วยกันถึงขนาดนี้ ชลอ ยังเจอแจ็กพอต นั่นก็คือ ถูกลูกชายรัฐมนตรีคนหนึ่ง วางกล้ามใหญ่โตถึงขั้นค้าอาวุธข้ามฝั่งกับกะเหรี่ยง ไปฟ้องพ่อสั่งย้ายชลอออกจากพื้นที่มาแล้ว

    แต่สำหรับพวกพ่อค้าที่ถือนามบัตรคนใหญ่คนโตมา พวกนี้ไม่ใช่คนอื้อจื่อ พวกนี้รู้ดีว่าจะต้องมีอะไรติดไม้ติดมือ ยามที่ไปไหว้วานขอร้องใคร และของที่นำไปให้ มีหรือจะเป็นของที่ด้อยราคา

    บุหรี่เป็นลัง วิสกี้ต่างประเทศอย่างดีหลากหลายยี่ห้อ ถูกส่งมาบรรณาการให้เขา หลายครั้งก็เป็นเงินสดรวมอยู่ด้วย

    ยิ่งตามเทศกาลต่างๆไม่ว่าจะตรุษจีน ตรุษไทย ปีใหม่ กระเช้าของขวัญต่างๆถูกวางไว้เต็มห้องจนไม่มีที่จะเดิน

    แต่ชลอไม่เคยเก็บไว้เป็นสมบัติส่วนตัวคนเดียวเหมือนคนอื่น

    เขาเคยเห็นภรรยานายตำรวจตำแหน่งใหญ่ๆบางราย ถึงเทศกาลที ทำตัวเจ้ากี้เจ้าการเรียกลูกน้องตำรวจมาขนกระเช้าของขวัญกลับไปไว้บ้าน กลายเป็นพวกบ้าสมบัติ ปล่อยให้ลูกน้องมองตาปริบๆ ว่าจะมีอะไรเหลือตกมาที่พวกเขาบ้าง

    สำหรับชลอแล้ว ทั้งเหล้ายาปลาปิ้งมีราคาเหล่านี้ อะไรที่ดูแล้วไม่จำเป็น หรือมีมากเกินไป ชลอจะแจกจ่ายให้ผู้ใต้บังคับบัญชา พรรคพวกเพื่อนฝูง ข้าราชการหน่วยข้างเคียง ไม่ว่าจะเป็นผู้พิพากษา อัยการ ทหาร ข้าราชการปกครอง
    เพื่อให้งานราชการหรืองานส่วนตัวที่ต้องประสานกันในครั้งต่อมาจะได้ไหลลื่น

    นอกจากคติส่วนตัว “ยิ่งให้ยิ่งได้”ที่ทำจนเป็นนิสัย

    ชลอคิดอยู่เสมอ นอกจากทำงานเป็นทีมแล้ว ผู้ใต้บังคับบัญชา พรรคพวกเพื่อนฝูงรวมไปถึงโจรทั้งหลายแหล่ ล้วนมีความสำคัญสำหรับเขา

    คนเหล่านี้เปรียบเหมือนพลังเหมือนแรงดันน้ำที่จะผลักให้เขาหรืองานในหน้าที่ของเขาไปถึงฝั่งฝันได้เร็วขึ้น

    นายตำรวจหนุ่มมองของขวัญบรรณาการเหล่านี้ เหลือปล่อยไว้ก็รก ทิ้งไว้ก็เสียเปล่า สู้แบ่งกันกินกันใช้ไม่เสียหาย โดยเฉพาะผู้ใต้บังคับบัญชา

    ส่วนเรื่องเงิน ถึงแม้เขาจะไม่ได้ให้ใครพิเศษตายตัว แต่เมื่อถึงเวลาทำงาน ถึงเวลากินใช้ สั่งงานแล้วรถต้องวิ่ง ล้อต้องหมุน หรือตำรวจคนไหนที่ทำงานมีผลงานดี เขาจะเอาเงินเหล่านี้มาใช้ให้เป็นประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำมันรวมไปถึงค่าน้ำใจ

    รวมทั้งเงินค่าข่าวที่ให้กับบรรดาสายโจรที่เขาเอาไว้เป็นแหล่งข่าวมักชอบ มาหา เพราะมาหาแล้วมีเงินเป็นค่ารถกลับบ้าน ขี้หมูขี้หมาก็ไม่ต้องเดินออกจากห้องมือเปล่า มากน้อยว่ากันทีหลัง….

    ทำให้คนรอบข้าง มองชลอเป็นคนใจสปอร์ต ใจนักเลง แต่นั่นก็ทำให้ชลอใช้เงินไปอย่างชนิดที่เรียกว่ามือเติบจนเคยตัวไปเหมือนกัน

    นั่งเพลินๆอัดบุหรี่จนจะหมดตัว เสียงเคาะประตูดังขึ้นตามมารยาท 3ครั้ง พร้อมเสียงตำรวจหน้าห้องส่งเสียงขออนุญาตนำมาก่อน

    “เข้ามา…..”

    “นายครับ มีวิทยุด่วนจากสถานีตำรวจชัยบาดาล พบซากรถขนาดใหญ่เชื่อว่าเป็นรถน้ำมันที่มีข่าวว่าถูกสมุนไบคานปล้นไปเมื่อ หลายปีก่อน ฝังดินอยู่ในไร่ของไบคาน

    ขณะนี้ในพื้นที่มีฝนตก แต่มีพันตำรวจตรีชูชาติ สุขประเสริฐ สารวัตรปราบปราม นำกำลังตรวจสอบอยู่ในที่เกิดเหตุครับ…”

    ชลอพลิกข้อมือขวาดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือ ยี่ห้อโรเล็กซ์ เมดอินสวิส เกือบจะ 5 โมงเย็นแล้ว ถ้าเขาจะไปชัยบาดาลมันก็จะค่ำ แถมเมฆฝนทะมึนดำมองเห็นอยู่ในเส้นทางมุ่งหน้าชัยบาดาล

    ชลอคิดปรู๊ดปร๊าดตามสไตล์ ถ้าให้ตำรวจเก็บรายละเอียดแล้วรายงานเข้ามาเบื้องต้น แล้วเขาจะเดินทางไปในตอนเช้าอาจจะดีกว่า

    คิดได้อย่างนั้น เขาบอกตำรวจหน้าห้อง สั่งเจ้าหน้าวิทยุกลับไปยังพันตำรวจตรีสำเริง มุยคำ และพันตำรวจตรีชูชาติ เอารายละเอียดเบื้องต้นรายงานทางวิทยุมาให้เขาก่อน

    อีกสักพัก รายงานด่วนจากสถานีตำรวจภูธรอำเภอชัยบาดาลก็มาอยู่ในมือของหัวหน้าตำรวจเมืองละโว้ ข้อความระบุ 

    เมื่อเวลาประมาณ16.00 น. พบซากรถเชื่อว่าเป็นรถน้ำมันของนายคำนวน วรปัญญา เจ้าของปั๊มน้ำมันสามทหารที่ชัยบาดาล ซึ่งหายไปพร้อมคนขับ เมื่อ 7 ปีก่อน  ถังน้ำมันขนาด 12,000 ลิตร ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์

    ตรวจสอบเบื้องต้นเหลือน้ำมันอยู่ประมาณ 5,000 ลิตร นอกจากนี้ยังขุดค้นพบเหล็กแหนบ และเครื่องอะไหล่รถอีกจำนวนมากด้วย

    “วิทยุกลับไป หารายละเอียดให้มากที่สุด บอกไปว่าพรุ่งนี้ตอนเช้า เจอกันที่โน่น กูจะไปตรวจสอบด้วยตัวเอง……..”

    ชลอบอกตำรวจหน้าห้อง ก่อนวางบันทึกข้อความด่วนลงบนโต๊ะ พอดีกับเสียงโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานดังขึ้น

    กริ๊งๆๆๆๆกริ๊งๆๆๆๆๆ

    ชลอเอื้อมมือยกหูโทรศัพท์ขึ้นมารับ ยังไม่ทันจะพูด มีเสียงปลายสายพูดมาอย่างร้อนรน

    “นายๆ นายลอหรือเปล่า”

    “เออ….กูเอง”

    ชลอตอบรับเพราะเสียงเริ่มคุ้นๆ

    “ผมเลาะห์ครับนาย ”

    “ว่าไงเลาะห์ มีทีเด็ดอะไรให้กูบ้าง”

    เลาะห์ เป็นสายลับของเขาอีกคน เป็นพวกแขกปาทานขายเนื้อในพระนครศรีอยุธยา แต่เป็นปาทานที่อยู่คนละข้างกับไอ้หยอง

    ไอ้เลาะห์ มันแวะมาหาชลอ ตอนเขามารับตำแหน่งหัวหน้าตำรวจลพบุรี มันมาบอกว่าจะเข้าไปทำมาหากินอยู่ที่กรุงเทพ ฯ  ไปเปิดร้านอาหารอิสลามอยู่ย่านไปรษณีย์บางรัก ดงพวกแขกปากีสถาน เนปาล รวมทั้งพวกตะวันออกกลางอย่าง อิรัก อิหร่าน และซาอุดิอาระเบียอยู่รวมกัน

    “มีพวกไบคานมานั่งกินอาหารที่ร้าน ผมจำได้ว่า พวกนี้เดินอยู่กับไอ้หยอง ได้ยินมันพูดกัน ลูกพี่มันจะเดินทางลงใต้ ไม่ยะลาก็ปัตตานี…..”

    “มันไปหรือยังวะ…..”

    ชลอซักเร็วจี๋

    “เรื่องเวลาผมไม่ทราบแน่นอน ผมไม่กล้าเข้าไปยุ่ง กลัวพวกมันสงสัยเรื่องจะแตกเสียก่อน…”

    “ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็เป็นข้อมูลที่เป็นปัจจุบันมากที่สุด เดี๋ยวกูค่อยหาข่าวอีกที ว่ามันมีพรรคพวกอยู่แถวนั้นหรือเปล่า ขอบใจมึงมาก ได้ข่าวอะไรเกี่ยวกับมัน รีบโทรมาบอก ไม่เจอกูก็ฝากโน้ตทิ้งไว้ จะรีบติดต่อกลับทันที เดี๋ยวกูเข้ากรุงเทพฯ แล้วเจอกัน……..”

    ชลอวางหูโทรศัพท์กับปาทานเก่าที่รู้จักกันสมัยเขาเป็นผู้กองเมืองอยู่พระนครศรีอยุธยา

    แต่ในใจหัวหน้าตำรวจลพบุรี จินตนาการไกลไปตามประสานักสืบ

    ถ้าไอ้พวกสมุนไอ้หยองมากินข้าวแถวนี้ แสดงว่าที่กบดานของไอ้หยองคงอยู่ไม่ไกลจากร้านไอ้เลาะหฺ์ หรือไม่ไปรษณีย์บางรัก เขตอิทธิพลของมัน อย่างที่เขาเคยคาดการณ์ไว้

    แต่จะอยู่ที่ไหน อยู่กับใคร ตรงนี้แหละเป็นปัญหา !!!!!

    คิดถึงตรงนี้ ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์หนุ่มคู่ปรับเพลย์บอยจอมโหด หยิบบุหรี่จุดสูบใหม่อีกตัว

    ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง

    เมื่อชลออนุญาต ตำรวจหน้าห้องคนเดิม เดินเข้ามาพร้อมโค้งหัวคำนับ ก่อนกล่าวว่า มีวิทยุด่วนจากพลตำรวจตรีประจันต์ พราหมณ์พันธุ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรเขต 1 ในเวลา 08.00 น.วันที่ 20 มิถุนายน ให้ชลอเข้าประชุมที่กองบังคับการ พร้อมกับผู้กำกับอีก 8 จังหวัดที่อยู่ในพื้นที่กองบังคับการตำรวจภูธร เขต 1

    ชายหนุ่มคิดไว้ไม่มีผิดว่า เหตุเรียกประชุมในวันพรุ่งนี้ คงไม่พ้นเรื่องการไล่ติดตามเสี่ยหยองเป็นแน่  เพื่อกู้ภาพพจน์หลังผู้การพลาดท่าให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในทำนองว่า ทั้ง “ไบคาน”และชาวบ้านมีความร้ายกาจพอกัน

    ส่งผลให้พลตำรวจตรีประจันต์ถูกชาวบ้านในพื้นที่ตำบลชัยนารายณ์ อำเภอชัยบาดาล โดยเฉพาะบ้านหนองเต่า กล่าวโจมตี ถูกตำหนิจากคนในสังคม และถูกกล่าวหาว่าสนิทสนมกับมาเฟียต่างชาติ จนต้องออกแอ็กชั่นแก้ลำ

    “จ่า…เดี๋ยวไปบอกจ่าแป๊ะเตรียมรถเติมน้ำมันเต็มถัง เช็กรถเช็กราให้พร้อม บอกมันพรุ่งนี้ผมไปหลายที่…..”
    ——————————————–
    เช้าวันที่ 20 มิถุนายน พุทธศักราช 2523

    กองบังคับการตำรวจภูธร เขต 1 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

    ชลอนั่งอยู่ในห้องประชุมโดยมีผู้กำกับตำรวจภูธรจังหวัดอีก 8 นายนั่งอยู่ด้วยกัน นายตำรวจระดับหัวหน้าจังหวัดทั้งหมด นั่งฟังนโยบายของพลตำรวจตรีประจันต์ ที่กำชับให้ผู้กำกับทุกจังหวัดทำงานประสานข้อมูลในการส่องส่องติดตามจับกุม นายสมชาย หรือเสี่ยหยองมาดำเนินคดีให้ได้

    เพราะหากจับกุมล่าช้า อาจจะถูกผู้ไม่หวังดีประพฤติตัวเป็นมือที่สามเข้าแทรก หรือยุยงปลุกปั่นชาวบ้านที่รวมตัวสู้อิทธิพบไบคานจนอาจจะไขว้เขว

    “ชลอ…..คุณต้องเร่งตามจับไอ้หยองให้เร็วที่สุด ไม่ต้องเกรงกลัวอิทธิพลใดๆ”

    ผู้บังคับการตำรวจภูธรเขต 1 กล่าวเชิงเร่งรัดชลอ

    แต่ชลอนั่งยิ้มอยู่ในใจ เมื่อนายพูดแก้เกี้ยวสั่งการ

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments