“หลังได้ปืนได้รถ ก็ตามล่า ส.ส.เกรียงศักดิ์ สุขสว่าง 1 ใน 2 ส.ส.ชัยนาท เป็นคนแรก
แต่ตามกันเป็นเดือน ส.ส.เกรียงศักดิ์ ไม่เข้ากรุงเทพซักที เลยถอดใจเกือบจะเลิก กลับมารวมตัวตามหา ส.ส.เกรียงศักดิ์ กันอีกครั้งในจังหวัดชัยนาท แต่ก็ไม่สบโอกาส….”
ไม่นานลิ้นไอ้โบ๋เริ่มรัว เสียงชักอ้อแอ้มากขึ้น เพราะกระดกเหล้าไปแล้ว 5-6 แก้ว ถึงแม้ข้อมือทั้ง 2 ข้าง จะถูกกุญแจมือพันธนาการไว้ แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคของมันแม้แต่น้อย
“คราวนี้ ส.ส.อนันต์ เลยเรียกพวกผมกลับไปหา บอกให้เปลี่ยนเป้าหมายมายิง ส.ส.ศรายุทธแทน เพราะทราบข่าวว่า ชอบมานวดที่ร้านถนอมใจอารีย์ ย่านวังบูรพาบ่อยครั้ง เลยวางแผนมาดักยิงที่นั่น หลังตามมาหลายวัน
วันที่ตัดสินใจลงมือ พวกผมขับรถตามมาจากพรรคกิจสังคมตั้งแต่ช่วงบ่ายสามบ่ายสี่ วางแผนไว้ว่า พอ ส.ส.ศรายุทธ นวดเสร็จ ขับรถออกมา ไอ้อิ้งจะขับรถเก๋งที่ไปเช่ามาวิ่งนำหน้าออกมาช้าๆ บล็อกเป้าหมายให้ไอ้แมน และไอ้จิ๋มใช้ปืนเอ็มทรี และปืน 11 มม.ที่เตรียมมายิงส.ส.ศรายุทธ”
“ที่เล่ามา มึงอย่าโม้นะไอ้โบ๋ โกหกมากูฆ่ามึงเลยนะ”
ชลอเสียงดุ แต่ในใจยิ้มกริ่ม
“โธ่…นาย ถึงตรงนี้ ผมจะไปกล้าหลอกนายได้ยังไงครับ”
จากนั้น ชลอ ให้ผู้กองคก และผู้กองเบี้ยว ช่วยกันซักถามเค้นเอารายละเอียดของผู้ร่วมกระทำผิด ทั้งชื่อจริง ทั้งถิ่นฐานที่อยู่ของกลุ่มมือปืน
ถามไอ้โบ๋ซ้ำแล้วซ้ำเล่า พยายามจับผิดหรือเค้นเอารายละเอียดปลีกย่อยออกจากปากไอ้โบ๋ จิ๊กซอว์ตัวสำคัญตัวนี้ให้มากที่สุด
ชลอไม่ได้ใช้วิธีอะไรรุนแรงเลยในการสอบสวนซักเอาความจริงจากปากไอ้โบ๋ เพราะนอกจากมันจะกลัวชื่อเสียงชลอในเรื่องปราบโจรทรมานโจรแล้ว เขายังหว่านล้อมให้มันเข้าใจว่าเกมของมันจบแล้ว
ถ้าหากให้ความช่วยเหลือ ชลอรับปากจะคุยกับผู้ใหญ่ขอให้กันมันไว้เป็นพยาน ผสมกับการใช้เทคนิคสอบสวน โดยมีเหล้านอกเป็นตัวช่วย ความจริงทั้งหลายก็พรั่งพรูออกมาดั่งทำนบแตก
ในส่วนของมือปืน ไอ้โบ๋บอกว่า ตอนแรกมันไปหามือปืนแถวๆจังหวัดอุทัยธานี เขตติดต่อสุพรรณบุรี แต่มือปืนรายนี้ขอเจอกับคนจ้าง เพราะสงสัยเรื่องเงินจ้างวาน ไอ้โบ๋เลยไม่ตกลงด้วย
จากนั้นจึงไปหาไอ้จิ๋ม หรือชื่อจริง พิชัย เจี่ยเจริญ เพื่อนของเพื่อนที่เคยคุยให้มันฟังว่าอยู่ในวงการรับจ้างฆ่า เลยนัดพบเพื่อตกลงหาทีมงาน
พอถึงตรงนี้ ทุกคนในทีมของชลอยิ้มกันอยู่ในใจว่ามากันถูกทาง เพราะมือปืนที่ไอ้โบ๋มันบอกว่าไปหาถึงจังหวัดอุทัยธานี นั้นคือ ไอ้น้อย บ้านไร่ มือปืนหุ่นขาดสารอาหารที่ตอนนี้อยู่ในกำมือของพวกเขามานานแล้ว
ลูกน้องราชาที่ดินโชคชัย4 เล่าต่อว่า
พอไอ้จิ๋มตอบตกลง เลยนัดกันอีกครั้ง ให้พาทีมสังหารมาพูดคุยเรื่องงานและรายละเอียดค่าจ้าง นัดกันที่ร้านศิริชัยไก่ย่าง ใกล้ปากทางลาดพร้าว
พอถึงวันนัด ไอ้จิ๋ม มาพร้อมกับเพื่อนอีก 2 คน คือไอ้แมนหรืออนันต์ รัตนะอัมพร และไอ้อิ้งหรือนายสะอิ้ง หรือสยาม สำเภาจันทร์
ไอ้โบ๋ใช้มือทั้งสองข้างที่ถูกพันธนาการด้วยกุญแจข้อมือเหล็กประคองแก้วเหล้ายกกระดกเข้าปากพรวดเดียวหมดแก้วก่อนเล่าต่อ
หลังพูดคุยกัน ทั้ง 3 คนตกลงรับงานยิง 1 ใน 2 ส.ส.จังหวัดชัยนาท ในวงเงิน 150,000 บาท
เป้าหมายแรกที่จะยิง คือ นายเกรียงศักดิ์ สุขสว่าง ส.ส.พรรคชาติไทย โดยเงินค่าจ้าง ไอ้โบ๋ จ่ายสดให้เลย ไอ้แมนรับไป 4 หมื่นบาท ไอ้จิ๋ม รับไป 3 หมื่นบาทที่เหลืออีก 8 หมื่นบาท ไอ้อิ้งเป็นคนรับไปทั้งหมด ที่ได้เยอะกว่าใคร เพราะต้องติดต่อเช่ารถเก๋ง รวมทั้งจัดหาอาวุธปืนมาใช้ในงานนี้
พอถึงตรงนี้มี 1 ในทีมงานชลอแย้ง
“แล้วมึงได้อะไรไอ้โบ๋….”
สมุนคนสนิทของราชาที่ดิน ส.ส.สอบตกเมืองชัยนาทสมัยที่แล้วตอบกลับทันทีว่า
จริงๆแล้ว เจ้านายให้มา 2 แสนบาท แต่เอาออกมาเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวในการติดต่อหามือปืนมาทำงาน 5 หมื่นบาท และตั้งใจว่า หลังเสร็จงานจะไปขอเงินลูกพี่ใช้อีกก้อน ก่อนพ่นให้ฟังต่อด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์
“พวกผมออกตามล่า ส.ส.เกรียงศักดิ์ ที่กรุงเทพฯ อยู่เกือบ 1 อาทิตย์ ยังไม่ได้เรื่อง เพราะหาตัวไม่เจอ เลยย้อนกลับไปที่จังหวัดชัยนาท เพื่อหาข่าวความเคลื่อนไหวของ ส.ส.เกรียงศักดิ์ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จอีก
ดูเหมือนเขาจะรู้ตัว เก็บตัวเงียบ ส.ส.อนันต์ เลยเรียกผมไปเปลี่ยนแผนเปลี่ยนเป้าหมายมาตามล่าฆ่านายศรายุทธแทน ตอนนั้นเป็นช่วงปลายเดือนสิงหาคมแล้ว”
พูดจบไอ้โบ๋ขอบุหรี่จาก 1 ในตำรวจที่อยู่ในห้องนั้น
ผู้กองคกยื่นบุหรี่ยัดใส่ปากให้ผู้ต้องหาคนสำคัญ พร้อมจุดไฟแช็กให้ทันที ขณะที่ไอ้โบ๋ อัดควันเข้าปอดลึกจนไฟที่ปลายมวนบุหรี่แดงวาบเห็นไฟกินเส้นยาที่ไหม้ลงไป เกือบครึ่งมวน ก่อนพ่นควันออกมาสลับกันทั้งปากทั้งจมูก
มันอัดบุหรี่แบบเดิมอีกสองครั้ง ผู้กองคกดึงบุหรี่ออกจากปาก เหมือนส่งสัญญาณให้พูดต่อ
“ความเคลื่อนไหวของส.ส.ศรายุทธ หาง่ายมากครับนาย เพราะแกทำตัวซ้ำๆเป็นปกตินิสัย โดยเฉพาะการมานวดแผนโบราณที่ ถนอมใจอารีย์ ย่านวังบูรพา มาเป็นประจำ จนกระทั่งเสร็จพวกผม ”
นอกจากจะลำดับขั้นตอนการสังหารส.ส.ศรายุทธ โฆษกพรรคกิจสังคม จังหวัดชัยนาท ซ้ำแล้วซ้ำเล่าแล้ว มันยังเปิดปากถึงรายละเอียดทั้งหมดของไอ้จิ๋ม ไอ้แมน และไอ้อิ้ง 3 นักฆ่า รวมถึงถิ่นฐานที่อยู่ ตำหนิรูปพรรณ และบุคคลใกล้ชิด ด้วยความเต็มใจ
อันมาจากความปอดแหกกับคำขู่เอาชีวิต ถ้าหากมันไม่ยอมรับสารภาพ ประกอบกับคำมั่นสัญญาของพันตำรวจเอกชลอที่ให้ไว้ จะกันมันเป็นพยาน ดังนั้นการร่วมมือกับตำรวจ เป็นทางเดียวทีมันจะเอาชีวิตรอดได้
แม้กระทั่งการเผยความลับเอาผิด ราชาที่ดิน ที่เปรียบเสมือนเจ้านายที่ชุบเลี้ยงมันมาตลอด
——————————————————-
บ่ายวันรุ่งขึ้น ชลอกลับเข้ามาที่ห้องทำงาน กองปราบปราม สามยอด หลังจากไปพบพลตำรวจโทณรงค์ มหานนท์ รองอธิบดีกรมตำรวจฝ่ายป้องกันและปราบปราม ที่กรมตำรวจ เพื่อรายงานความคืบหน้าในคดีนี้เป็นการส่วนตัว
ตามหลักแล้ว เขาต้องรายงานรักษาการผู้บังคับการกองปราบปราม พันตำรวจเอกกุศล นาคศรีชุ่ม แต่เพราะชลอเห็นว่าไม่ได้ประโยชน์อะไร รายงานไปก็แค่นั้น
ถึงแม้รองกุศล จะเป็นพี่ชายที่ดีคนหนึ่ง ทว่าไม่เคยสั่งการอะไรเป็นพิเศษ มีแต่เร่งรัดตามหนังสือสั่งการ ผิดกับรองณรงค์ ที่ดูเหมือนจะมีความตื่นตัว สอบถามความคืบหน้า ตลอดจนปัญหาในการทำงานของเขาโดยใกล้ชิด
ภายในห้อง มีทีมงานของมาเขารออยู่ก่อนหน้า
“เอ้าว่ามา…งานที่กูสั่งไปเป็นอย่างไรบ้าง”
นายพันตำรวจเอกคู่อาฆาตเสี่ยหยอง มาเฟียเชื้อปากีสถานเริ่ม หลังหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้โต๊ะทำงาน
“ครับนาย…ผมไปดูบ้านเช่าหลังโรงงานซิปวีนัส ลาดพร้าว ตามที่ไอ้โบ๋มันบอก เห็นตัวไอ้จิ๋ม ไอ้แมนแล้ว แต่ยังไม่เห็นไอ้อิ้ง ตอนนี้ผมให้ลูกน้องเฝ้าอยู่ครับ รอคำสั่งนาย…”
หมวดทองดำ –ร้อยตำรวจโททองดำ ลาภิกานนท์ รองสารวัตรแผนก 4 กองกำกับการ 2 กองปราบปราม รายงานให้กับชลอฟังเป็นคนแรก
“ส่วนผม เจอบริษัทที่ไอ้อิ้งมันไปเช่ารถแล้วครับ เป็นบริษัทคาร์แคร์ ย่านคลองเตย ได้เอกสารการเช่ารถของมันด้วย
ไอ้นี่ท่าจะแสบไม่เบา มันปลอมบัตรประชาชน ใช้ชื่อ สะอิ้ง สำเภาจีน เช่ารถเก๋งมิตซูบิชิ แลนเซอร์ สีน้ำตาล ทะเบียน 8 ค-7032 ที่ ผมเอารูปให้ไอ้โบ๋ดู ทั้งรถทั้งคน มันยืนยันว่าเป็นภาพไอ้อิ้ง สยาม สำเภาจันทร์ กับรถที่ใช้ก่อเหตุครับ”
ผู้กองคกรายงานต่อ ขณะที่ชลอ หันไปทางร้อยตำรวจเอกพิภพ เบี้ยวไข่มุก ที่ทำหน้าที่เหมือนเสนาธิการประจำตัว
“ไอ้เบี้ยว..มึงบันทึกรายงานการสืบสวนตรงนี้ รวมทั้งพยานที่พรรคกิจสังคม และเด็กเฝ้ารถที่ร้านนวดถนอมใจอารีย์ ที่มันบอกเห็นไอ้พวกนี้เข้าไปถามหารถของ ส.ส.ศรายุทธว่าคันไหน เตรียมไว้เผื่อพนักงานสอบสวนชุดใหญ่เขาจะเอาเข้าสำนวน”
จากนั้นชลอหันไปสั่งงานผู้กองคก นายตำรวจเลือดโอวี วชิราวุธราชวิทยาลัย อดีตนักรักบี้ทีมชาติและรั้วเหลืองแดง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่เบนเข็มชีวิตมาเป็นตำรวจนักสืบ
“เดี๋ยวคืนนี้ มึงเข้าจับไอ้สองตัวเลย ไอ้คกมึงนำทีม ไอ้ทองดำ มึงไปด้วย กูว่า ไอ้อิ้ง มันท่าจะรู้ตัว เพราะไอ้โบ๋มันหายมาสองวันแล้ว อย่าลืมถามหาปืนที่มันใช้ยิงด้วย”
ชลอขยับตัว เปลี่ยนอิริยาบถ เอื้อมมือหยิบบุหรี่ 555 ซองแข็งสีทอง ที่อยู่บนโต๊ะก่อนหยิบออกมาคาบที่มุมปากแล้วจุดสูบอัดเข้าปอดพ่นควันพรูออก มาอย่างใช้ความคิด
“ระวังตัวด้วย ได้เรื่องยังไง รายงานกูทันที มีอะไรจะได้รายงานรองณรงค์เพิ่มเติม เพราะแกนัดประชุมชุดสืบสวนชุดใหญ่พรุ่งนี้ คงจะเป็นเรื่องแบ่งงานกันทำ เพราะกูรายงานไปว่า ได้ตัวไอ้โบ๋มาแล้ว และน่าจะเกียวข้องกับจ่าอนันต์ ตามที่ส.ส.เกรียงศักดิ์ เขามาให้ข้อมูลและแจ้งความไว้…..”
“ครับพี่”
สองนายตำรวจหนุ่มกองปราบปรามประสานเสียงรับบัญชา
————————————————————
สี่ทุ่มกว่าๆคืนนั้น ชาวบ้านในชุมชนหลังซอยโรงงานวีนัส ต่างกันตกใจวิ่งหลบกันวุ่นวาย
เมื่อกลุ่มชายฉกรรจ์ 10 กว่าคน พร้อมอาวุธปืนทั้งปืนเล็กปืนยาว วิ่งตามกันไปบนทางเดินแคบๆอย่างรวดเร็วก่อนกรูกันเข้าไปในบ้านเช่าหลังหนึ่ง ที่รู้กันว่าเป็นบ้านของนักร้องสาวคาเฟ่คนหนึ่งที่ระยะหลังช่วง1 เดือนที่ ผ่านมา มีหนุ่มๆที่เข้าใจว่ามาติดพันเป็นคู่ขา ชวนเพื่อนมานั่งเล่นไพ่รัมมี่รอสาวนักร้องคนนี้กลับมาจากที่ทำงานดึกๆอยู่ เสมอ
1 ในชายฉกรรจ์ถีบประตูโครมทีเดียวหลุดกระเด็นไปทั้งบาน เล่นเอาชายในบ้าน 4 คน ที่กำลังนั่งล้อมวงเล่นไพ่ ถึงกับหน้าตาเหรอหรา
เพราะนอกจากจะไม่รู้ตัวแล้ว กลุ่มอาคันตุกะที่ไม่ได้รับเชิญ แต่ละคนหน้าตาโหดๆเหมือนดาวร้ายในหนังไทย ยังถือปืนเล็กยาวเข้ามาขู่บังคับให้ทุกคนในบ้านยกมือ ปากตะคอกเสียงดังเหมือนไม่กลัวลูกกระเดือกจะแตก
“อย่าขยับๆ นอนลงไป นอนลงไป”
ไอ้จิ๋ม ไอ้แมน และเพื่อนอีก 2 คนที่นั่งยกมือกุมหัว ยังนั่งเซ่ออยู่ เลยถูก ผู้กองคก ผู้หมวดทองดำ และตำรวจนอกเครื่องแบบอีก 2 คน ถีบล้มจนลงนอนกับพื้น และให้ชายฉกรรจ์ที่เหลือเอากุญแจมือใส่ไพล่หลัง พร้อมทั้งค้นตัว แต่ไม่พบอาวุธอะไรนอกจากกระเป๋าสตางค์ และเงินสดไม่กี่ร้อยบาท
ขณะเดียวกันกลุ่มชายฉกรรจ์ที่เหลือ แยกย้ายกันตรวจค้นสิ่งของภายในห้อง ไม่พบสิ่งผิดปกตินอกจากข้าวของเครื่องใช้ของผู้หญิงภายในห้องนอนเล็กๆอุดอู้ ที่ซ่อนตัวอยู่ด้านในของบ้านเช่าซอมซ่อหลังนี้
“นายไม่มีปืนครับ”
ใครคนใดคนหนึ่งบอกผู้กองคก ที่หน้าตาตอนนี้เหมือนกับโจรแขกมากกว่าจะเป็นตำรวจยศร้อยตำรวจเอก เพราะนอกจากจะรูปร่างสูงใหญ่แล้ว หนวดดำที่ดกอยู่บนริมฝีปาก ประกอบกับหนวดเคราทีเฟิ้มตามกัน ยังขับให้เจ้าของใบหน้านี้ดูน่ากลัวมากยิ่งขึ้น
ผู้กองคกได้ยิน แล้วเดินปรี่ไปหา ไอ้จิ๋ม ไอ้แมน พร้อมพูดด้วยเสียงดังแฝงไว้ด้วยอำนาจว่า
“ ปืนอยู่ไหน ไอ้จิ๋ม ไอ้แมน”
ทั้งคู่สะดุ้ง เมื่อถูกชายฉกรรจ์หนวดดกยืนถือปืนโคลท์ 11 มิลลิเมตร สีดำมะเมื่อม เดินเข้ามาจ้องหน้าด้วยแววตาแข็งกระด้าง และเรียกชื่อมันถูก
มันทั้งคู่รู้แก่ใจทันทีว่า ไม่ใช่ถูกตำรวจจับไพ่แล้ว โดยไอ้จิ๋มที่ลักษณะท่าทีอ่อนที่สุดรีบตอบก่อน
“ปืนอยู่ที่ไอ้อิ้งครับ”
นอกจากจะหวาดกลัวกับใบหน้าท่าทางของชายหนวดเฟิ้มร่างใหญ่คนนี้ แล้วมันทั้งคู่ยังรู้ถึงอานุภาพของกระสุนขนาด11 มิลลิเมตร จากปืนสัญชาติอเมริกันที่อยู่ในมือว่ารุนแรงขนาดไหน นัดเดียวก็เกินพอ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีฉายาแอนตี้ซามูไรตามมา
“ไป…..เอาตัวทั้งหมดกลับสามยอด”
ผู้กองคกสั่งเสียงดังฟังชัด
สิ้นประกาศิต กลุ่มชายฉกรรจ์ทั้งหมด เข้าประกบคู่ชายนักพนันทั้ง 4 คน มีชายฉกรรจ์ที่เหลือเดินตามคุ้มกันออกไปขึ้นรถ ทั้ง 4 คนถูกจับแยกขึ้นรถคนละคัน
มี ฉลามบก รถวิทยุกองปราบ สีฟ้าขาว รูปทรงเหลี่ยมน่าเกรงขาม ยี่ห้อนิสสัน รุ่นเซดริค วี6 จำนวน 2 คัน วิ่งโผล่ออกมาจากไหนไม่มีใครทันสังเกต ตรงเข้ามาปิดหัวปิดท้าย เปิดไซเรนเสียงดังสนั่นลั่นถนนผสมกับไฟวับวาบ นำขบวนรถทุกคันวิ่งมุ่งหน้ากองปราบปราม สามยอด
ท่ามกลางเสียงวิพากษณ์วิจารณ์เซ็งแซ่ของชาวบ้านในชุมชนหลังโรงงานวีนัสที่เห็นเหตุการณ์
“อะไรกันวะ จับคนเล่นไพ่รัมมี่ แค่นี้ต้องขนอาวุธมาเป็นกองทัพ…”