วันที่16ก.พ.67ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม., พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม.,
พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ศุภโชค หยงสตาร์ รอง ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.ท.กฤตกรอิชณน์ คงขำ สว.ตม.จว. ปัตตานี ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้
1. รวบหนุ่มแดนมังกรนักเว็บพนันรวมหัวหลอกผู้เสียหายร่วม 2,500 ล้านบาท เพื่อส่งเป็นผู้ร้ายข้ามแดน
กก.1 บก.สส.สตม. จับกุม นายหวง มิน (นามสมมติ) อายุ 32 ปี ชาวจีน และกัมพูชาตามหมายจับระหว่างพิจารณาของศาลอาญา ลงวันที่ 8 ก.พ.67 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์สินของรัฐและประชาชน (ออกหมายจับผู้ร้ายข้ามแดน) นำตัวส่งพนักงานอัยการ สำนักงานต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด ดำเนินการตามพระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ.2551 มาตรา 16 จับกุมได้ที่ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ
หลังสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย ร้องขอให้จับกุมเพื่อส่งเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปดำเนินคดีที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์สินของรัฐและประชาชน อันเป็นความผิดตามมาตรา 266 ของประมวลกฎหมายอาญาแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
พฤติการณ์เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 66 สำนักงานตำรวจความมั่นคงสาธารณะนครเทียนจิน สาขาหนานไค ได้ยื่นฟ้องและสอบสวนนายหวง มิน และพวกในข้อหากระทำผิดฐานฉ้อโกง หลังสมรู้ร่วมคิดกันกับพวกเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่ผิดกฎหมาย
โดยใช้แพลตฟอร์มการพนัน “WANHE Football” ของต่างประเทศ จัดตั้งแก๊งฉ้อโกง “ZHONGHE” ในประเทศจีน และใช้การเงินและการลงทุนเป็นข้ออ้างหลอกลวงนักลงทุน และใช้วิธีการอ้างว่า เป็นโครงการการลงทุนการแข่งขันกีฬารูปแบบใหม่ ให้นักลงทุนในประเทศจีนเข้าร่วมการพนันและได้รับผลกำไรโดยวิธี “การเดิมพันตรงกันข้าม”
นายหวง มิน หนึ่งในสมาชิกหลักของแก๊งฉ้อโกงมีหน้าที่รับผิดชอบในการประชาสัมพันธ์ต่อสาธารณะและดึงดูดนักลงทุนให้เข้าร่วมการพนัน ตั้งแต่มีนาคม 65 ถึงเมษายน66 หลอกลวงผู้เสียหายหลายร้อยคน ความเสียหายร่วม 500 ล้านหยวน (ประมาณ 2,500 ล้านบาท)
ต่อมาวันที่ 9 ธันวาคม 2566 สำนักงานอัยการประชาชนเขตหนานไค นครเมียนจิน อนุมัติหมายจับนายหวง มิน ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์สินของรัฐและประชาชน และพบว่าหลบหนีใช้หนังสือเดินทางกัมพูชาเข้ามาในประเทศไทย ได้ร้องขอให้ทางการไทยจับกุมได้ในที่สุด
2. ตม.จว.ปัตตานี แกะรอยรวบหนุ่มปากีสวมตัวทำบัตรฟอกตัวเป็นไทย
ตม.จว.ปัตตานี ร่วมกับ ตม.จว.ภูเก็ต และ สภ.แม่ลาน จว.ปัตตานี จับกุม นาย JAFFAR (นามสมมติ) อายุ31 ปี ชาวปากีสถาน ตามหมายจับศาลจังหวัดปัตตานี ที่ จ.47/2567 ลงวันที่ 19 มกราคม 2567 ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “สนับสนุนให้เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตและสนับสนุนเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ทำเอกสารกรอกข้อความลงในเอกสาร หรือดูแลรักษาเอกสาร กระทำการปลอมแปลงเอกสารโดยอาศัยโอกาสที่ตน มีหน้าที่และร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ,
ร่วมกันแจ้งข้อความหรือพยานหลักฐานอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานในการขอมีบัตร, กระทำเพื่อให้ผู้ไม่มีสัญชาติไทยมีรายการเอกสารการทะเบียนราษฎร์อื่นโดยมิชอบ” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่ลาน จว.ปัตตานี ดำเนินคดีตามกฎหมาย จับได้ที่หน้าบ้านพัก ถ.สุรินทร์ ต.ตลาดใหญ่ อ.เมืองภูเก็ต จว.ภูเก็ต
ก่อนนี้เมื่อเดือน พฤษภาคม 2562 ตม.จว.ปัตตานี ได้จับกุมนาย IKRAM (นามสมมติ) อายุ 24 ปี ชาวปากีสถาน ข้อหา เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน และได้ผลักดันออกนอกราชอาณาจักร จากการออกสืบสวนในพื้นที่ยังสืบทราบข้อมูลว่ายังมีชาวปากีสถานแอบลักลอบทำงานในพื้นที่
ได้ออกตรวจเอ็กซเรย์พื้นที่พบ นายซามิฯ (นามสมมติ) ลักษณะคล้ายคนต่างด้าว ได้แสดงบัตรประจำตัวประชาชนสัญชาติไทย ชุดสืบสวนได้จัดเก็บข้อมูลเพื่อสืบสวนเพิ่มเติม และตรวจสอบกับนายทะเบียนอำเภอแม่ลาน พบว่าบัตรประชาชนดังกล่าวได้มาโดยไม่ชอบ แจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.แม่ลาน เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายซามิฯ และผู้ที่เกี่ยวข้อง
ต่อมาชุดสืบสวนจับกุมนายซามิฯ ในข้อหาใช้หรือแสดงบัตรฯลฯ, เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไม่ได้รับอนุญาต และทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน นำตัวส่ง สภ.แม่ลาน ดำเนินคดีตามกฎหมาย
นอกจากนี้จากการประสานข้อมูลกับนายทะเบียนอำเภอแม่ลานยังทราบว่านาย IKRAM ที่เคยโดนจับกุม และถูกผลักดันส่งกลับออกนอกราชอาณาจักร เป็นพี่ชายนายซามิฯ มีการสวมบัตรประชาชนเช่นเดียวกับนายซามิฯ
ทางอำเภอแม่ลานได้จำหน่ายบัตรฯ อีก 9 บัตร และแจ้งความร้องทุกข์กับสภ.แม่ลาน ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ศาลจังหวัดปัตตานีได้อนุมัติออกหมายจับผู้ถือบัตรดังกล่าว 9 หมายจับ รวมของนาย IKRAMจากคำให้การของซามิฯ ทราบว่าผู้ต้องหารายดังกล่าวไม่ได้อยู่ในราชอาณาจักรไทย
ต่อมาชุดสืบสวน ตม.จว.ปัตตานี ได้นำหมายจับทั้ง 9 หมายตรวจสอบพบว่า หมายจับศาลจังหวัดปัตตานี ที่ จ.425/2564 ลงวันที่ 29 ธันวาคม 2564 ระบุชายไม่ทราบชื่อตามรูปภาพน่าจะกระทำความผิดด้วยการสวมบัตรประจำตัวประชาชนของนายอับดุลราชีพ ดาโอ๊ะ บัตรประจำตัวประชาชนเลขที่ x 9699 xxxxx xxx เกิดวันที่ 30 เมษายน 2535 อยู่บ้านเลขที่ 2/7 ซ.กำปงบารู ต.บางนาค อ.เมืองนราธิวาส
แนวทางการสืบสวนพบว่าบุคคลดังกล่าวน่าจะเป็นบุคคลคนเดียวกัน จากการนำข้อมูลการเปิดบัญชีธนาคาร ข้อมูลทางโซเชียล (FACEBOOK) โพสต์รูปงานพิธีแต่งงานกับภรรยาซึ่งเป็นคนไทย ในการ์ดงานแต่งระบุชื่อ นาย JAFFAR พร้อมทั้งนำภาพถ่ายจากหมายจับและภาพถ่าย นาย JAFFAR มาเปรียบเทียบผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (BIOMETRIC)
จึงรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานทั้งหมดส่ง พนักงานสอบสวน สภ.แม่ลาน จว.ปัตตานี ขอศาลจังหวัดปัตตานี อนุมัติหมายจับ ที่ จ.47/2567 ลงวันที่ 19 มกราคม 2567 ในฐานความผิด ” ร่วมกันแจ้งข้อความหรือพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ ต่อเจ้าพนักงานในการขอมีบัตรฯลฯ” กระทั่งจับกุมได้ย่าน ถนนสุรินทร์ ต.ตลาดใหญ่ อ.เมืองภูเก็ต จว.ภูเก็ตนำตัวส่งพนักงานสวบสวน สภ.แม่ลาน จว.ปัตตานี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
