ตอน 15
ผมหลับไปไม่นานเท่าใดนัก เนื่องจากตื่นมาราวสักสิบโมงเช้า
รู้สึกหิวทันทีที่สูบบุหรี่ ผมเพิ่งกินแฮมเบอร์เกอร์สองชิ้น กับเจ้าบรอสซาร์ดและแอคลี่ย์ตอนไปดูหนังในอาเกอร์สทาวน์ นั่นก็นานแล้วสักห้าสิบปีเห็นจะได้
โทรศัพท์อยู่ใกล้ๆ ผมโทรไปสั่งอาหารมื้อเช้าแต่ยังหวั่นว่าเขาจะให้เจ้ามัวริชเป็นคนส่งอาหารให้ ถ้าคิดว่าผมคงจะกลัวจนขนลุกที่จะเจอหน้ามันอีกละก้อ คุณก็บ้าไปแล้ว ผมเอนตัวลงนอนพักสักครู่หนึ่ง สูบบุหรี่อีกมวน ผมอยากโทรไปหาเจน อยากรู้ว่าเธอกลับถึงบ้านแล้วหรือยัง แต่ก็ไม่มีอารมณ์อยากจะโทรแล้ว
ที่ผมทำก็คือโทรไปหาแซลลี่ เฮย์ส ซึ่งเธอไปหาแมรี่ เอ. วูดรัฟฟ์ผมเชื่อว่าเธอคงอยู่ที่บ้าน เพราะได้รับจดหมายของเธอเมื่อสองสามสัปดาห์ก่อน
ผมไม่ได้หลงใหลเธอนักหรอก แต่คบกันมาหลายปีอยู่เหมือนกัน ตอนนั้นเคยคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงฉลาดในสายตาคนหัวทึบอย่างผม เหตุผลหนึ่งก็คือเธอช่างรู้เรื่องเกี่ยวกับหนังและละครรวมทั้งวรรณกรรมอย่างเหลือล้น สำหรับผมต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะรู้เรื่องพวกนี้แบบที่แซลลี่รู้จัก ผมคิดว่าผมคงจะรู้ไปทุกอย่างใช้เวลาอีกนานเลยทีเดียว ถ้าเราไม่ได้สนิทกันอย่างมากมาย
ปัญหายุ่งยากสำหรับผมก็คือ ผมมักคิดเสมอว่าใครก็ตามที่ผมคบด้วย ล้วนแล้วแต่เป็นพวกหัวกะทิ มันไม่เห็นจะเกี่ยวกันตรงไหนเลย แต่ผมก็ยังทึกทักว่าเป็นอย่างนั้น
ยังไงก็ตาม ผมโทรไปหาเธอ ตอนแรกแม่บ้านรับสาย จากนั้นก็เป็นคุณพ่อของเธอ แล้วถึงจะเป็นตัวเธอ “แซลลี่เหรอ” ผมถาม
“จ้ะ ใครกันล่ะนั่น” เธอตอบ ท่าทางเสแสร้งเล็กน้อย ก็ผมบอกพ่อเธอไปแล้วว่าผมเป็นใคร
“ผม โฮลเด้น คอลฟีลด์ สบายดีเป็นไงบ้าง”
“โฮลเด้นเหรอ สบายดีจ้า แล้วเธอล่ะ”
“เรื่อย ๆ เออนี่เป็นไงบ้าง เรื่องเรียนเป็นไงบ้างล่ะ”
“ก็ดีนี่” เธอตอบ “ก็รู้อยู่แล้วนี่นา”
“นี่ฟังนะ ผมเกรงว่าคุณคงไม่ว่างว้นนี้ วันอาทิตย์มีหนังรอบกลางวัน ผมมีบัตรฟรีด้วยล่ะ อยากไปดูมั้ย”
“ฉันอยากไปจัง สุดยอด”
สุดยอด! ถ้ามีคำไหนที่ผมรู้สึกเกลียดมาก ๆ ก็เห็นจะเป็นคำว่าสุดยอดนี่แหละ มันฟังตอแหลยังไงก็ไม่รู้
อีกอย่างหนึ่งผมกำลังจะบอกเธอให้ลืมเรื่องหนังรอบกลางวันนั่นเสีย แต่ก็มัวเอาแต่คุย อย่างที่เธอว่านั่นแหละ คุณมักจับใจความไม่ได้มากหรอกกับคนที่ชอบไปข้างๆคูๆ
ตอนแรกเธอเล่าเรื่องหนุ่มจากฮาร์วาร์ดพวกปีหนึ่งแต่ก็ไม่บอกอะไร นั่นเพราะเธอรีบร้อน โทรหาทั้งวันทั้งคืน โถจะบ้าตาย แล้วเธอก็เล่าเรื่องของหนุ่มอีกคนหนึ่งเป็นนักเรียนนายร้อยเวสต์ปอยต์ นั่นยิ่งทำแสบกับเธอเหมือนกัน
ได้การล่ะ ผมบอกเธอให้มาพบกันที่บริเวณใต้นาฬิกาโรงละครบิลท์มอร์ตอนบ่ายสองโมง แล้วอย่ามาช้าด้วย เพราะเริ่มการแสดงบ่ายสองโมงครึ่ง เธอมักมาช้าเสมอ แล้วผมก็วางสาย เธอเป็นตัวแสบอีกคนหนึ่ง แต่ก็สวยไม่เบาทีเดียว
หลังจากนัดพบแซลลี่แล้ว ผมลุกจากเตียงแต่งตัวจัดกระเป๋า มองออกไปนอกหน้าต่างก่อนที่จะออกจากห้อง ดูว่าบรรดาพวกวิปริตกำลังทำอะไรของมัน แต่พวกนั้นดึงม่านปิดหมดแล้ว พวกนี้ทำเป็นพวกชั้นสูงในตอนเช้า จากนั้นผมก็ลงลิฟต์ไปเช็กเอาต์ออกจากที่พัก ผมไม่ยักเห็นเจ้ามัวริชเลย ผมไม่คิดเหลียวมองหามันหรอกจริง ๆ ไอ้ห่าเอ๊ย
ผมเรียกแท็กซี่นอกโรงแรม ไม่มีความคิดสักแวบเลยว่าจะไปไหนดี ผมไม่มีที่จะไปทั้งที่เป็นวันอาทิตย์ ซึ่งยังกลับบ้านไม่ได้ต้องรอจนกว่าจะถึงวันพุธหรืออย่างเร็วที่สุดวันอังคาร อีกอย่างผมไม่อยากจะไปพักโรงแรมที่ไหนอีกแล้ว มันทำให้ผมสมองกระเจิดกระเจิงไปหมด
ดังนั้นที่ผมทำก็คือบอกโชเฟอร์ให้พาไปที่สถานีแกรนด์ เซ็นทรัล มันอยู่ใกล้โรงละครบิลท์มอร์ที่นัดเจอแซลลี่ในต่อมา และผมก็นึกภาพออกว่าผมทำอะไรไปบ้าง ผมฝากกระเป๋าเสื้อผ้าไว้ในตู้รับฝากที่เขามีกุญแจให้คุณถือดอกหนึ่ง แล้วก็หาอาหารมื้อเช้ารองท้อง หิวมากระหว่างนั่งมาในแท็กซี่
ผมล้วงกระเป๋าเงินออกมาดูว่ามีเงินเหลือเท่าไหร่ จำไม่ได้ว่าเหลือเท่าไหร่เพราะใช้อย่างมือเติบในช่วงสองสัปดาห์ที่มีแต่เรื่องไร้สาระสิ้นดี ผมเป็นคนสุรุ่ยสุร่าย อะไรที่ไม่ควรซื้อผมซื้อ กว่าครึ่ง ผมแทบลืมรับเงินทอนด้วยซ้ำตอนไปนั่งตามร้านอาหารหรือไนท์คลับ
พ่อแม่แทบจะบ้ากับผม จะไปถือโทษท่านไม่ได้เลย
แต่พ่อผมก็มีฐานะดีพอสมควร ผมไม่รู้หรอกว่าพ่อหาเงินได้มากแค่ไหน ท่านไม่เคยเล่าให้ฟังเลย แต่ผมเดาเอาว่าคงมากโขทีเดียว พ่อเป็นทนายความรับเจรจาไกล่เกลี่ยประนีประนอมคดี เรื่องพวกนี้ทำให้กอบโกยรายได้มาก ๆ
อีกอย่างที่ผมรู้ดี พ่อชอบลงทุนในโชว์แถวบรอดเวย์ แต่พวกนั้นมักทำเจ๊งเสียมากกว่า มันทำให้แม่ผมแทบคลั่งที่พ่อทำอย่างนั้น แม่ผมสุขภาพไม่ค่อยดีตั้งแต่ตอนแอลลี่จากไป กลายเป็นคนเครียด
นั่นเป็นอีกเหตุผลทำไมผมถึงไม่ชอบมาก ไม่อยากให้แม่ได้รู้ข่าวว่าผมโดนไล่ออกอีกครั้งแล้ว
หลังจากผมยัดกระเป๋าเสื้อผ้าใส่ในล็อกเกอร์รับฝากสัมภาระที่แข็งแรงนั่นที่สถานีรถไฟแล้ว ผมไปนั่ง่ร้านขายแซนด์วิชบาร์สั่งอาหารเช้า ผมจัดการไปชุดใหญ่ มีทั้งน้ำส้ม เบคอนหมู ไข่ดาว ขนมปังแผ่นกับกาแฟอีกถ้วย
ปกติผมดื่มแต่น้ำส้มเท่านั้นเอง ผมเป็นคนกินน้อย ถึงมีหุ่นเพรียวบางเหมือนไม้เสียบผี ผมควรจะได้รับอาหารที่เต็มไปด้วยสุขโภชนาการอย่างที่คุณกิน อย่างอาหารที่มีแป้งและอะไรพวกนั้น เพื่อเพิ่มน้ำหนักบ้าง แต่ผมก็ไม่ทำอย่างนั้นตอนที่ออกไปไหนต่อไหน ผมก็มักจะกินแต่พวกแซนด์วิชทาเนยสวิส และนมข้าวมอลต์หนึ่งถ้วย ไม่มากเลยใช่มั้ย แต่คุณจะได้วิตามินมากมายในนมข้าวมอลต์ เอช.วี.คอลฟีลด์ ‘โฮลเด้นวิตามิน คอลฟีลด์’
ระหว่างที่ผมนั่งกินไข่ดาวอยู่ มีแม่ชีสองคนหิ้วกระเป๋าเดินทาง ผมเดาว่าคงจะไปสำนักชีหรือที่ไหนสักแห่ง นั่งรอรถไฟอยู่ เข้ามาและนั่งลงติดกับผมที่เคาน์เตอร์ แม่ชีทั้งสองเหมือนกับไม่รู้จะจัดการอย่างไรกับกระเป๋าเดินทางดี ผมเลยยื่นมือช่วยเหลือ
มันเป็นกระเป๋าเดินทางราคาถูกๆ ใบหนึ่ง คงไม่ได้ทำด้วยหนังแท้หรอก นั่นไม่สำคัญ ผมรู้แต่ไม่รู้เป็นยังไงผมเกลียดจังเวลาที่เห็นใครบางคนหิ้วกระเป๋าเดินทางราคาถูก ๆ แบบนี้ มันดูพิลึกที่ผมคิดอย่างนั้นใช่ไหม แต่ผมก็ยังเกลียด แม้แต่คนที่จ้องมองกระเป๋าราคาถูก ๆ อีกด้วย ถ้าพวกเขานำกระเป๋าราคาถูกมาเอง
มันเกิดขึ้นครั้งหนึ่งช่วงที่อยู่โรงเรียนเอลค์ตัน ฮิลล์ส ผมอยู่ร่วมห้องพักกับเจ้าดิ๊ค สเลเกิ้ล ที่มีกระเป๋าเดินทางโคตรถูก มันชอบยัดไว้ใต้เตียง แทนที่จะนำไปวางไว้บนชั้นวางให้เป็นที่เป็นทาง เลยไม่มีใครเห็นกระเป๋าใบนั้นวางติดกับกระเป๋าเดินทางของผม ทำให้ผมรู้สึกเซ็งฉิบหาย อยากขว้างของผมทิ้งไปเสีย หรือไม่ยุ่งอะไรกับมันอีกเลย
กระเป๋าของผมซื้อมาจากห้างมาร์ค ครอสส์ เป็นกระเป๋าหนังวัวแท้ ราคาแพงเอาเรื่อง แต่มันตลก เกิดอะไรน่ะหรือ ผมก็ยัดกระเป๋าของผมไว้ใต้เตียงบ้างแทนที่จะยกไปวางบนชั้นวางเหมือนอย่างเคย เพื่อที่เจ้าสเลเกิ้ลจะได้ไม่รู้สึกด้อยกว่า
แต่มันยังไงรู้มั้ย วันถัดมามันกลับดึงกระเป๋าของมันออกจากใต้เตียงยกไปวางไว้ที่ชั้นวางอีกแน่ะ เหตุผลที่ทำอย่างนั้น ผมใช้เวลาค้นหาสักพักใหญ่ถึงได้รู้ว่าเป็นเพราะมันต้องการให้คนอื่นคิดว่ากระเป๋าของผมเป็นของมัน เชื่อมันเลย น่าขันจริงๆ
อย่างที่รู้กัน มันมักพูดอย่างไร้สาระถึงกระเป๋าเดินทางของผม หาว่าใหม่เอี่ยมและเป็นของชนชั้นนายทุนกระฎุมพีนั่นล่ะคำยอดฮิตของมัน คงอ่านหรือได้ยินจากที่ไหนสักแห่ง ทุกอย่างที่ผมมีผมใช้ล้วนเป็นของพวกกระฎุมพี ไอ้ห่าเอ๊ย แม้กระทั่งปากกาหมึกซึมที่ผมใช้มันก็ว่าเป็นแบบกระฎุมพีใช้ แล้วมันก็ขอยืมผมไปใช้บ่อยๆ แต่มันก็ว่าเป็นพวกชนชั้นกลางใช้
เราอยู่ร่วมห้องพักกันได้ราวสองเดือน แล้วถูกจับแยก มันน่าตลกดี ผมดันคิดถึงมันหลังจากแยกกัน เป็นเพราะมันมีอารมณ์ขันมากเหลือเกินและเราก็มีเรื่องสนุกๆเล่นในบางคราว ไม่แปลกเลยถ้ามันจะคิดถึงบ้างเหมือนกัน
สิ่งแรกมันก็เพียงแค่พูดล้อเล่นเรื่องข้าวของที่ผมใช้ว่าเป็นของพวกชนชั้นกลางกระฎุมพี ผมน่ะไม่สนใจห่าอะไรหรอก มันน่าขันต่างหาก จากนั้นไม่นานมันก็ไม่ได้พูดล้อผมอีกเลย
เรื่องมันอยู่ที่ว่ามันยากที่จะอยู่ร่วมห้องกับคนอื่น ถ้ากระเป๋าเสื้อผ้าของคุณมีสภาพเหนือกว่าพวกนั้น ถ้าของคุณเป็นกระเป๋าอยางดีแต่ของมันไม่ใช่ คุณคิดว่ามันเป็นพวกฉลาดหัวใส อีกคนมีอารมณ์ขันมากมาย พวกนี้จะไม่ยี่หระว่ากระเป๋าของใครดีกว่าหรอก แต่มันจะคิด มันเป็นอย่างนั้น ซึ่งมีอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำไมผมถึงอยู่ร่วมห้องกับเจ้าแสบสแตรดเลเตอร์ได้ อย่างน้อยกระเป๋าของมันก็เป็นกระเป๋าอย่างดีพอ ๆ กับของผม
แม่ชีสองคนที่นั่งถัดจากผม เราเริ่มติดพันการสนทนาขึ้นบ้างแล้ว คนที่นั่งอยู่ทางขวามือมีตะกร้าสานอย่างที่คุณมักเห็นแม่ชีหรือเด็กๆ หิ้วยืนรับบริจาคช่วยการกุศลหรือช่วยเหลือกองทัพ เกลื่อนช่วงเทศกาลคริสต์มาส มักเห็นยืนอยู่ตามหัวมุมตึก โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ถนนฟิฟท์อเวนิว หรือหน้าห้างสรรพสินค้า ซึ่งแม่ชีคนนี้ทำมันหล่นตกพื้น ผมก็เอื้อมไปหยิบส่งให้เธอ
ผมถามว่าออกมารับบริจาคช่วยการกุศลหรือ เธอตอบว่าไม่หรอก แต่ที่หิ้วตะกร้าเพราะเอาใส่กระเป๋าเดินทางไม่ได้จึงต้องหิ้วมา
แม่ชีคนนี้มีรอยยิ้มน่ารักดีตอนที่จ้องมองคุณ เธอมีจมูกโต สวมแว่นตากรอบเหล็กดูเทอะทะ ยิ่งทำให้หน้าตาไม่ค่อยน่าสนใจ
“ผมคิดว่าแม่ชีจะรับบริจาคเงินเสียอีก” ผมบอก “ผมพอจะบริจาคได้บ้างเล็กน้อย แม่ชีเก็บไว้ได้เผื่อถึงเวลาขอรับบริจาคช่วยการกุศล”
“โอ้ ช่างกรุณาจริง “ แม่ชีพูด
ส่วนอีกคนหนึ่งก็ชะเง้อมองผม คนนี้กำลังอ่านหนังสือปกสีดำเล่มเล็ก ขณะที่จิบกาแฟไปพลาง ดูท่าจะเป็นคัมภีร์ไบเบิ้ลแต่เล่มบางมาก ใช่เป็นคัมภีร์ไบเบิ้ลจริงด้วย ทั้งสองต่างกินอาหารเช้ามีขนมปังกับกาแฟเท่านั้น
น่าสลดจัง ผมเกลียดนักถ้ากำลังกินเบคอนกับไข่ดาวหรืออะไร แล้วอีกคนกินแค่กาแฟกับขนมปังเท่านั้น
พวกแม่ชียอมรับเงินบริจาคช่วยการกุศลสิบเหรียญ ทั้งสองถามย้ำว่าแน่ใจหรือที่บริจาคได้ขนาดนั้น ผมบอกแม่ชีทั้งสองว่าผมมีเงินติดตัวพอสมควร แต่พวกเธอก็ดูจะไม่ค่อยเชื่อผม ในที่สุดก็ยอมรับเงินนั้นจนได้ ทั้้งสองเอาแต่ขอบอกขอบใจผมเป็นการใหญ่จนชักจะเขิน ผมเลยเปลี่ยนไปคุยเรื่องทั่วๆ ไปทันที ถามว่าแม่ชีกำลังจะเดินทางไปไหน
พวกเธอบอกว่าเป็นครูและเพิ่งกลับจากชิคาโกเพิ่งเริ่มสอนที่โรงเรียนคอนแวนต์แห่งหนึ่งตรงถนนสาย 168 หรือ186 ที่ไหนสักแห่งนี่แหละ อยู่ทางตอนเหนือของเมือง
คนที่นั่งติดกับผม สวมแว่นตากรอบเหล็กบอกว่า สอนวิชาภาษาอังกฤษ ส่วนเพื่อนแม่ชีอีกคนสอนวิชาประวัติศาสตร์และรัฐบาลสหรัฐอเมริกา
จากนั้นผมเริ่มวิตกกังวลมากตรงที่คนที่นั่งติดกับผมที่สอนวิชาภาษาอังกฤษ ซึ่งการบวชชี เมื่อต้องมาอ่านหนังสือสอนภาษาอังกฤษ แม้หนังสือจะไม่มีเรื่องประโลมโลกมากมาย แต่หนังสืออ่านประกอบวิชามีแต่เรื่องประเภทชู้รักโลกีย์
ลองดูเรื่องของยูสเทเชีย ไวว์ ในเดอะ รีเทิร์น ออฟ เดอะ เนทีฟ ของโทมัส ฮาร์ดี้ ตัวละครไม่ได้เซ็กซี่มากมาย แต่คุณคงอดคิดไม่ได้ว่าแม่ชีจะคิดยังไงเมื่อท่องอ่านเรื่องราวของยูสเทเชีย ไวว์ ผมไม่ว่าอะไรหรอกที่ผมพูดคือวิชาภาษาอังกฤษเป็นวิชาที่ผมชอบที่สุด
“ยังงั้นเหรอ โอดีใจจัง” คนสวมแว่นตาสอนวิชาภาษาอังกฤษเอ่ยขึ้น “ปีนี้เธออ่านอะไรบ้างล่ะ ฉันชักสนใจอยากรู้แล้วสิ” เธอท่าทางใจดีจริง ๆ
“ครับ ผมชอบมาก มีไม่กี่ตอนหรอกที่ผมไม่ชอบ แต่เรืองราวก็เพลิดเพลินดี ตลอดทั้งเรื่อง”
“ตรงไหนที่เธอไม่ชอบล่ะ นึกออกไหม”
ความจริงแล้วมันน่าเขินยังไงก็ไม่รู้ที่มาแสดงความคิดเห็นเรื่องโรมิโอ แอนด์ จูเลียต กับแม่ชี ผมหมายถึงว่า บทละครมันมีตอนที่ยั่วกามารมณ์ในบางองก์ แล้วเธอก็เป็นแม่ชีเสียด้วย แต่กลับถามผมอย่างนี้ ผมเลยจำเป็นต้องคุยกับเธอสักครู่ใหญ่
“เอ้อ ผมก็ไม่ได้หลงใหลกับเรื่องโรมิโออ แอนด์ จูเลียต มาก” ผมบอกไป
“ผมชอบ แต่ยังไงไม่รู้สิ ม้นน่ารำคาญบ้างบ้างครั้ง ผมหมายความว่าผมรู้สึกเสียใจมากกับเมอร์คูโซถูกฆ่ามากกว่าตอนที่โรมิโอกับจูเลียตฆ่าตัวตายเสียอีก เรื่องของเรื่องก็ตรงผมไม่ชอบโรมิโอมากเท่ากับเมอร์คูโซที่ถูกกะซวกจากฝีมือญาติของจูเลียต ชื่ออะไรนะ ”
“ทีโบลต์”
“นั่นแหละ ทีโบลต์” ผมพูด ผมลืมชื่อเจ้าคนนี้เสมอ
“มันเป็นความผิดของโรมิโอ ผมชอบเมอร์คูโซมากที่สุดในละครเรื่องนี้ ไม่รู้สิพวกตระกูลมองตากูส์และคาพิวเล่ต์ ก็ใช้ได้ โดยเฉพาะจูเลียต แต่เมอร์คูโซนั่นใช่เลย มันอธิบายลำบากเหมือนกัน เขาดูท่าทางฉลาดและทำให้รู้สึกเพลิดเพลินได้
เรื่องของเรื่องก็คือมันทำให้รู้สึกคลั่งไคล้มาก ถ้ามีใครสักคนถูกฆ่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งใครบางคนที่ฉลาดปราดเปรียวและสร้างความสุขได้หฤหรรษ์ขนาดนั้น แล้วตายด้วยความผิดพลาดของคนอื่น โรมิโอกับจูเลียตตายด้วยความผิดของตัวเองก็มีส่วนอยู่บ้าง”
“เธอเรียนอยู่โรงเรียนไหนล่ะ”
แม่ชีถามผม เหมือนจะเปลี่ยนเรื่องคุยจากโรมิโอ แอนด์ จูเลียต กระมัง
ผมบอกว่าเรียนที่เพนซี่ เธอบอกเคยได้ยินบ้างเหมือนกัน เป็นโรงเรียนที่ดีแห่งหนึ่ง ส่วนคนที่สอนวิชาประวัติศาสตร์และการเมืองสหรัฐอเมริกา บอกว่าเตรียมตัวขึ้นรถไฟได้แล้ว ผมช่วยจ่ายค่าอาหารให้พวกเธอ แต่ทั้งสองไม่ยอม คนสวมแว่นให้ผมส่งบิลให้เธอ
“เธอดูท่าทางใจดีกว่าที่คาดเสียอีก” เธอพูด “เธอเป็นเด็กน่ารักนะ”
แม่ชีก็เป็นคนดีเหมือนก้น ทำให้นึกถึงแม่ของเจ้าเออร์เนสต์มอร์โรว์ ที่เจอบนรถไฟตอนที่เธอแย้มยิ้ม
“เราสุขใจที่ได้คุยกับเธอมาก ๆ เลย” แม่ชีพูด
ผมก็ตอบว่ารู้สึกสนุกที่ได้คุยกับพวกเธอเช่นกัน จริงๆนะ ผมจะสนุกยิ่งกว่านี้ถ้าผมไม่เกร็ง ตลอดช่วงที่คุยกับพวกเธอ ตรงที่พวกเธออาจจะพยายามอยากรู้ว่าผมนับถือคาทอลิกหรือไม่ ซึ่งชาวคาทอลิกมักพยายามจะล้วงให้ได้ว่าคุณใช่พวกคาทอลิกหรือไม่ผมเจอบ่อย ๆ
ผมรู้ดี ส่วนหนึ่งเพราะนามสกุลผมดูเป็นคนไอริช แล้วเกือบทั้งหมดของชาวไอริชนับถือนิกายคาทอลิก พูดกันตรง ๆ พ่อผมก็เคยนับถือคาทอลิก แต่ก็เลิกนับถือไปแล้ว ตอนที่แต่งงานกับแม่
พวกคาทอลิกมักอยากรู้ว่าคุณเป็นคาทอลิกหรือเปล่า แม้ว่าจะไม่รู้นามสกุลของคุณก่อน
ผมรู้จักเด็กคาทอลิกคนหนึ่งชื่อลูอิส กอร์แมน ตอนเรียนอยู่ที่วูตัน มันเป็นคนแรกที่ผมรู้จักที่นั่น มันกับผมนั่งอยู่เก้าอี้สองตัวแรกนอกห้องพยาบาลวันเปิดเทอมกำลังรอตรวจร่างกาย เราก็คุยกันอย่างออกรสถึงกีฬาเทนนิส มันค่อนข้างสนใจเทนนิส ผมก็เหมือนกัน
มันบอกว่าไปดูการแข่งขันเทนนิสระดับชาติที่ฟอเรสต์ ฮิลล์ส ทุกๆช่วงซัมเมอร์ ผมบอกมันว่าผมก็ไปดูเหมือนกัน แล้วเราก็คุยกันถึงลูกทีเด็ดของนักเทนนิสช่วงหนึ่ง มันรู้เรื่องเทนนิสมากเกินเด็กวัยเดียวกัน แล้วรู้จริงอีกด้วย
พอคุยกันได้สักพักหนึ่ง ช่วงกลางๆของการสนทนา มันถามผมว่า
“นี่นายพอจะรู้มั้ยว่าโบสถ์คาทอลิกอยู่ที่ไหนในเมืองนี้”
เรื่องมันก็อยู่ที่ว่าคุณฟันธงได้เลยวิธีที่มันถามนั้น ก็เพียงเพื่อล้วงให้ได้ว่าผมเป็นชาวคาทอลิกหรือไม่ มันก็เท่านั้นเอง ไม่ใช่ว่ามันอยากรู้อะไรหรอก เพียงแค่อยากรู้ว่าใช่หรือไม่
มันสนุกกับการคุยเรื่องเทนนิสมาก แต่คุณบอกได้เลยเจ้านี่จะยิ่งสนุกมากขึ้นถ้าหากผมเป็นคาทอลิกเหมือนมัน
เรื่องแบบนี้ทำให้ผมประสาทเสีย ผมไม่อยากพูดอะไรที่จะทำให้การสนทนากร่อยหรอก มันไม่ใช่อะไรมากมาย ไม่ทำให้อะไรดีขึ้นเลย นั่นทำไมผมถึงดีใจมากที่แม่ชีทั้งสองไม่ได้ถามว่าผมนับถือคาทอลิกหรือเปล่า มันไม่ทำให้การคุยกันหมดรสชาติหรอกถ้าเธอถามผม แต่ก็อาจแตกต่างกันอยู่บ้าง
ผมไม่ได้ให้ร้ายชาวคาทอลิกหรอกนะ ผมอาจจะเป็นแบบเดียวกันถ้าผมเป็นคนคาทอลิก มันก็เหมือนกับกระเป๋าเดินทางนั่น ที่ผมเล่าให้คุณฟัง ยังไงยังงั้นแหละ ทั้งหมดที่ผมพูดคือ ไม่มีอะไรเหมาะไปหมดสำหรับการสนทนาที่ดี ก็เท่านั้นแหละ
ตอนที่แม่ชีทั้งสองจะเดินทาง ผมทำบางอย่างที่แสนงี่เง่าและน่าอาย ผมจุดบุหรี่สูบแล้วยืนขึ้นกล่าวอำลาทั้งคู่
ด้วยความเลินเล่อผมดันพ่นควันใส่หน้าทั้งสองโดยไม่เจตนาเลย แต่ก็ทำไปแล้ว ผมต้องละล่ำละลักขอโทษเป็นการใหญ่
ทั้งสองก็สุภาพอย่างสุด ๆ ไม่ถือสาอะไร แต่ถึงยังไงมันก็น่าละอายมาก
หลังจากที่แม่ชีทั้งสองจากไปแล้ว ผมเกิดความเสียใจที่บริจาคเงินไปแค่สิบเหรียญเท่านั้น แต่ที่สำคัญอยู่ตอนนี้ก็ผมมีนัดกับแซลลี่เฮย์ส ไปดูละคร แล้วผมก็จำเป็นต้องกันเงินส่วนหนึ่งไว้ซื้อตั๋วด้วย
ผมเสียใจเหมือนกัน เงินสั่ว ๆ มักจบลงด้วยการทำให้คุณหดหู่ใจอย่างบัดซบ.