สืบนครบาล รวบบัญชีม้า “เอส บางพลูหลวง”หลอกประมูลพระเหรียญหลวงปู่ทิม รุ่นผูกพัทธสีมา ปี 17 ออนไลน์ อ้างเป็นบัญชีสมัครงาน
ชุดลาดตระเวนออนไลน์บก.สส.บช.น. ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนผู้เสียหายผ่านเพจ สืบนครบาล IDMB ให้ช่วยสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายใช้เฟสบุ๊คชื่อ “เอส บางพลูหลวง” หลอกประมูลพระเหรียญหลวงปู่ทิม รุ่นผูกพัทธสีมา ปี 17
เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ,พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก สส.ฯ , พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ผกก.สส.1ฯ, พ.ต.ท.พีรบูรณ์ แก้วดู รอง ผกก.สส.1ฯ ,พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.สส.1ฯ ได้สั่งการให้ พ.ต.ต.คณิตนนท์ ถนอมศรี สว.กก.สส.1ฯ พร้อมชุดปฏิบัติการที่ 4 ร่วมกับ สภ.ไทรน้อย
ร่วมกันจับกุมนายธนบดี อายุ 23 ปี ตามหมายจับศาลแขวงธนบุรี ที่ 129/2567 ลงวันที่ 2 พฤษภาคม 2567ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน“ ฉ้อโกง , โดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือ ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลอันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ” จับกุมได้บริเวณถนนในหมู่บ้าน ต.ทวีวัฒนา อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี
พฤติการณ์ ผู้เสียหายได้เข้าไปประมูลพระเครื่องเหรียญหลวงปู่ทิม รุ่นผูกพัทธสีมา ปี 17 คอยาว (นิยมสุด) และผู้ต้องหาใช้เฟซบุ๊กชื่อ “เอส บางพลูหลวง” รับประกันว่าเป็นพระแท้ ถ้าเป็นพระเก๊มีค่าเสียเวลาให้ 10,000 บาท ต่อมาผู้เสียหายชนะการประมูลในราคา 13,500 บาท โอนเงินไปบัญชีผู้ต้องหา แต่ได้พระปลอมกลับมา ติดต่อไปยังผู้ต้องหาเพื่อขอคืนเงินแต่ผู้ต้องหากลับหลบหนีและบล็อกเฟซบุ๊กไปในที่สุด
จากการซักถามปากคำผู้ต้องหา ให้การรับว่าเคยเปิดบัญชีธนาคารเพียงเพื่อจะไปสมัครงานเท่านั้นและปฏิเสธว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลอกขายพระเก๊ จากนั้นนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.บางมด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.เผยว่า สืบสวนติดตามคนร้ายที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผ่านการหลอกลวงทุกประเภท ขอให้ประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ และสำหรับผู้ที่ขายบัญชีธนาคารนั้น ตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ระบุว่า เจ้าของบัญชีม้า หรือเบอร์ม้า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร.
.
