หลายชีวิตที่เห็นวันวันหนึ่งมีเรื่องราวไม่ซ้ำกัน ร้อยคนร้อยเรื่องพันคนพันเรื่อง เหมือนกับทุกเช้าที่เขาเธอเหล่านั้น โผผินออกจากรังนอนจรลีไปสู่จุดหมายมุ่งกลางทุ่งหรือแหล่งยุ่งเหยิง หลายคนหลายก้อนสมองย่อมมองอะไรไม่เหมือนกันเลยทีเดียว
บางชีวิตจิตใจเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นดวงตามีประกายสดใสเจิดจ้ากระวีกระวาดอยากให้ไปถึงจุดหมายเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
บางชีวิตเป็นไปอย่างเนือยเนิบนาบไม่เร่งเร้าลุกลี้ลุกลน เสมือนหนึ่งเป็นหน้าที่ประจำต้องทำเพื่อแลกเงินตราหาเลี้ยงปากท้องตัวเองไปจนอีกหลายปากท้องที่รออยู่ข้างหลังในรวงรังและโรงเรียน
ยามเช้าเหมือนเป็นประตูบานแรกของวันวาร บ่งบอกตัวตนผู้คนแต่ละลมหายใจได้ไม่มากก็น้อย หนึ่งลมหายใจหนึ่งเรื่อง แม้เพียงชำเลืองเพียงเศษเสี้ยววินาทีก็มีเรื่องให้เล่าขานได้ทุกลมหายใจหนึ่งหนึ่ง ขึ้นอยู่ว่าคุณจะเก็บละเอียดเกี่ยวลออได้แค่ไหน ดุจดังจิตรกรตวัดปลายพู่กันจุ่มสีได้เชี่ยวชาญชำนาญมืออย่างหยาบภาพร่างหรือประจงประดิษฐ์เส้นสายแสงสีให้งามงดราวภาพถ่ายดิจิทัล
เช่นกันกับนักเล่นกล้องกดชัตเตอร์ให้ชัดแกมเบลอมัวสลัวสลักเสลาเงาศิลป์ฉายาคล้ายดังภาพวาดของจิตรกรบันลือโลกโมเน่ต์, เซซาน, แวนโกะ อีกนานับอนันต์ศิลปินชั้นเอกอุ สร้างภาพอาคารที่พำนักของคนเมืองสีขาวแบ่งเฉดจนมีความลุ่มลึกมุมเงาเหลี่ยมเลื่อมแลละลานมีมิติ
อีกฉากทัศน์บัญญัติศัพท์แสงจากภาษาอังกฤษคำว่าซีนารีโอscenario ที่แปลว่า่สถานการณ์จำลอง บ้างก็ว่ามาจากคำว่าscenery หรือทิวทัศน์ จนหาความหมายที่แท้จริงไม่เจอ บนรถเมล์ครีมแดงที่โลดแล่นคู่เมืองหลวงมายาวนานไม่น้อยกว่าครึ่งศตวรรษ
ถ้าจะเปรียบก็คล้ายลมหายใจที่เข้าออกของชีวิตคนเมืองส่วนใหญ่ที่คล้ายภาพวาดหรือภาพถ่ายของศิลปินทรงคุณค่าแขวนอยู่บนฝาผนังสุดชืดชาราวกับหาค่าไม่ได้ไม่ได้ความใส่ใจสนใจจากใคร ทั้งที่ยังเปรียบได้กับเลือดที่ไหลหล่อเลี้ยงร่างกายให้มีชีวิตได้เช่นกัน สังคมไม่ได้ให้ค่าทั้งที่คุณค่าไม่ได้ยิ่งหย่อนกว่าความทันสมัยราคาแสนแพงอย่างรถไฟฟ้า มันทั้งหมดสามารถขนส่งลำเลียงมดงานไปประกอบกิจปฏิบัติหน้าที่ได้ไม่แพ้ยานพาหนะที่ว่าทันสมัยที่ลงทุนมหาศาลเลย
ศศิธร เก่งกาจกาฬสินธุ์ ชื่อนามสกุลของโชเฟอร์รถเมล์คันหนึ่งบนถนนเมืองกรุง กับเพื่อนร่วมงาน สาวิตรี กวีสุรินทรา กระปี๋หรือหญิงพนักงานเก็บค่าโดยสาร ทำหน้าที่ของอย่างตัวเองอย่างเต็มศักยภาพในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน
เก็บละเอียดผู้โดยสารที่ยืนรออยู่ที่ป้ายรถโดยสารตามรายทางของเส้นทางเดินรถไม่มีตกหล่น เธอทั้งสองก็เหมือนเจ้าชะตาชีวิตควบคุมรถเมล์คันหนึ่ง ผู้คนเบียดแย่งกันขึ้นหรือแหวกฝ่าดงคนบนรถก้าวลงเมื่อถึงที่หมาย ดังความหมายอย่างย่อส่วนของชีวิตก็เหมือนขึ้นรถเมล์ไปเผชิญสุขทุกข์ต่างรสชาติสีสัน จนกระทั่งต้องจากจรเมื่อถึงที่หมายหรือพบจุดจบจากลาผู้กุมชะตาชีวิตทั้งสอง
เป็นอีกหนึ่งชีวิตบนรถเมล์สายนั้นที่ศศิธรถือพวงมาลัยทำหน้าที่สำคัญในฐานะสารถีพาผู้โดยสารไม่ต่ำกว่าสี่สิบชีวิตไปสู่จุดหมายปลายทาง
แต่ละชีวิตของผุู้โดยสารอาจเป็นทั้งพนักงานบริษัทเป็นข้าราชการครู นักวิทยาศาสตร์นักวิจัย นักเรียน พ่อค้าแม่ขายล้วนแต่มีความหมายไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันในฐานะสมาชิกของสังคม
อย่างชายหนุ่มวัยใกล้สามสิบที่นั่งบนเก้าอี้โดยสารติดหน้าต่าง คนหนึ่งมีหญิงสูงวัยนั่งติดกัน แน่นอนเพียงปรายตาแวบมองทั้งสองต่างมาจากคนที่คนละทาง ให้บังเอิญมาร่วมทางชีวิตบนรถเมล์และนั่งติดกัน ไม่แปลกและไม่มีอะไรน่าใส่ใจ
หนุ่มคนนั้นควักโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดดูเหมือนคนอีกหลายคนที่พบเห็นทั่วไป ชีวิตส่วนหนึ่งหรือโลกส่วนหนึ่งของแต่ละคนถูกย่อส่วนลงบนจอแก้วขนาดไม่เกินฝ่ามือ โลกที่เกือบจะเป็นโลกทั้งหมดของคนเหล่านั้น ตั้งแต่ลืมตาตื่นมือคว้าจอสกรีนนั้นมาเปิดดูทันทีก่อนที่จะได้ยลแสงอรุณของวันใหม่ ก่อนทีคลื่นสมองจะคิดใคร่ครวญพิจารณาว่าจะทำอะไรอย่างไรเมื่อไร
เจ้าความทรงจำของกล้ามเนื้อนิ้วมือและเซลล์สมองบางส่วนได้แย่งชิงทำหน้าที่ของมันก่อนที่เจ้าตัวจะคิดได้ด้วยซ้ำไป มันเป็นไปอย่างอัตโนมัติ หรือว่ามนุษย์เรากำลังสละเสรีเข้าสู่วิถีทาสของความล้ำสมัยที่ต้องวิ่งตามทุกวินาทีของวิวัฒนาการใหม่ใหม่
ชายคนนั้นพลันกดปุ่มรับสัญญาณเรียกแบบสั่น แรกแรกข้าพเจ้าคือตัวตนหนึ่งบนรถเมล์คันนั้นเวลานาทีนั้น ไม่ได้คิดจะใส่ใจหรือสอดแทรกอยากรู้อยากเห็น เอาง่ายง่ายคือเสือกเรื่องของคนอื่นหรอก แต่มันจำต้องเป็นไปอย่างนั้น
ข้าพเจ้าเห็นการสื่อสารทางโทรศัพท์มือถือเป็นไปอย่างออกรสออกชาติ มีการออกท่าทางมือไม้เป็นระวิง
ขณะที่หญิงสูงวัยนั่งข้างเคียงกับนิ่งสงบงัน ใช่หล่อนสัปหงกงุดงุดคงเพลียหรือนอนน้อยแล้วจำเป็นต้องตื่นแต่เช้ามืดเพื่อเดินทางไปให้ถึงจุดหมายแต่เนิ่นเนิ่น แปลกพลันที่เห็นภาพหญิงไม่ได้รู้สึกรู้สากับสภาพแวดล้อมของเพื่อนร่วมทางคนไหนเลย
ขณะที่ชายหนุ่มนั่งข้างใช้โทรศัพท์สื่อสารกับปลายทางตลอดเวลา เหมือนมีเรื่องสำคัญโต้ตอบกับคู่สนทนา ซึ่งคนรุ่นใหม่นิยมใช้เรียกว่าวีดิโอคอลล์ เห็นภาพของคู่สนทนาเหมือนคุยกันซึ่งหน้านับเป็นความทันสมัยของเทคโนโลยีที่ก้าวไปอย่างรวดเร็วในปัจจุบันซึ่งคาดการณ์ว่าในอีกไม่กี่เดือนไม่กี่ปีข้างหน้าต้องมีอะไรใหม่ใหม่มาให้มนุษย์ใช้กันอีกอย่างคาดไม่ถึง
การสนทนาของชายหนุ่มคนนั้นกับคู่สายยังคงเต็มไปด้วยความจริงจังหนักแน่นออกรสออกชาติมือไม้เป็นระวิงกวัดแกว่งดูสับสนวุ่นวายไม่หยุดหย่อน
ผู้โดยสารที่อยู่ด้านหน้าด้านหลังกลับไม่มีท่าทีหงุดหงิดรำคาญหรือใส่ใจเหมือนข้าพเจ้าที่ชักจะรู้สึกน่าละอายใจเหลือเกินจากความล้ำเส้นพยายามจะรับรู้ข้อความสนทนาของชายคนนั้นกับปลายสายที่มองเห็นเป็นภาพเลือนเลือนในจอเล็กซ้อนหน้าจอมือถือของชายหนุ่ม
ใช่แล้ว ข้าพเจ้าไม่สามารถจับใจความการสนทนาระหว่างชายหนุ่มกับคู่สนทนาทางโทรศัพท์มือถือบนรถเมล์คันน้้นได้หรอก เพราะชายหนุ่มใช้ภาษามือแทนคำพูดสนทนากับคู่สนทนากันอย่างคล่องแคล่ว แม้จะคุยกันยาวนานนับสิบนาที ข้าพเจ้าก็ไม่มีทางเข้าใจแน่นอน
ข้าพเจ้าได้แต่คิดต่อยอดทอดระยะไปได้เพียงว่า นี่หนอประโยชน์ของเทคโนโลยีอันแสนล้ำสมัยที่สามารถทำให้ผู้พิการทางหูสามารถโทรศัพท์สนทนาทางไกลไปได้ทั่วทุกมุมโลกแล้ว่หากจะตีขลุมว่าเป็นลิขิตของพระผู้เป็นเจ้าได้หรือไม่หนอ หรือว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยีสื่อสารกันแน่นะ
แต่ที่แน่แน่ฝรั่งคิดประดิษฐ์เทคโนโลยีโทรศัพท์ภาพหรือวีดิโอคอลล์นี้มาไม่ต่ำกว่าร้อยสี่สิบปีเศษแล้ว ในยุคที่เซอร์อเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบลล์ ประดิษฐ์โทรศัพท์เป็นครั้งแรกเมื่อปีคริศตศักราช 1876 แล้ว
หลายชีวิตก็หลายเรื่องเล่า เพียงน้อยนิดหนึ่งเดียวก็มีคุณค่าสำหรับข้าพเจ้าแล้ว
เดชา ภู่พิชิต
13/7/2567