ขณะเดินไปบนสะพานลอยคนข้าม
เห็นชายชราวัยราวเจ็ดสิบกว่านั่งอยู่กับพื้นทางเดิน มีกระดาษแผ่นหนึ่่งเขียนด้วยหมึกสีน้ำเงินตัวอักษรไม่ค่อยเป็นแนวเส้นตรง ขนาดตัวเล็กใหญ่ไม่เท่ากันข้อความที่สะดุดตาและน่าสนใจตรงที่ระบุว่า “ครูเพลงลูกทุ่งตกอับขอความช่วยเหลือให้เศษเงินเพื่อยังชีพต่อไป”
เป็นไปได้หรือ
คิดย้อนไปถึงบทเพลงของศิลปินนามกระเดื่องในยุคสมัยหนึ่ง ในชื่อบทว่า ภาษาแห่งหยดน้ำตา ท่วงทำนองน้ำตาแห่งความรู้สึกถวิลใคร่ครวญ ลึกล้ำดื่มด่ำบนสัจจะ ภาษาที่หัวใจหยิบนำมาใช้อย่างสงบงัน ไหลระรินด้วยอารมณ์พลุ่งพล่านสำแดงความรู้สึกเร่งร้อนจากข้างใน พลันหล่นลงอย่างสนุกสนานผสานความเจ็บปวดในห้วงให้ความสูญเสียหรือได้รับความสุข หยาดทุกหยดมีเรื่องราวอ่อนไหวและใสกระจ่างในสิ่งที่เรายึดถือแนบชิดเคียงใกล้
น้ำตาสามารถเปล่งคำพูดในขณะที่ถ้อยคำทำได้แค่เพียงสั้นๆ ในจังหวะนุ่มนวลนั้น เหมือนให้ความสุขสันต์และปรีดิ์เปรมบนร่องแก้มที่เปียกชื้นสว่างไสว สะท้อนเงาโศกสลดและสดใสบริสุทธิ์ ในยามที่ความสุขเต็มล้นปรี่ทะลักหลั่งเหมือนกระแสน้ำหลากท่วมท้นจิตวิญญาณ น้ำตานั้นมันทำให้หัวใจรับความรู้สึกไว้ทั้งหมดทั้งมวล ทั้งการระเบิดเสียงหัวร่อหฤหรรษ์ ในอ้อมกอดแห่งรักที่เดินตามรอยทางบนใบหน้ารุ่มรวยด้วยรอยยิ้มสดชื่น
หากแต่ในห้วงแห่งความเศร้าหมองหม่นมันไหลล่องลอยดุจกระแสในแม่น้ำอันกว้างใหญ่ คือบทพิสูจน์ความรักที่ซ่อนลึกข้างใน ชำระล้างบาดแผลและเยียวยาให้มลายสิ้นอย่างที่กาลเวลาไม่สามารถทำได้ ทั้งยังสำแดงความเจ็บปวดรวดร้าวที่แท้จริงออกมา มันเป็นเสียงก้องกังวานแห่งความขลาดกลัวของตัวเราเอง เหลือทิ้งร่องรอยด้วยความรู้สึกระทมในอกอย่างยาวนาน
สัญญลักษณ์แห่งความกล้าหาญ รอยบากบั่นแห่งความปีติยินดี มันบ่งบอกความจริงที่เราเผชิญเสมอมา ผ่านธารน้ำตาที่เราหยั่งลึกสุดด้วยตัวตนเอง ในสถานที่เร้นลับที่ความหวังบรรเจิด เป็นบ่อเกิดความแข็งแกร่งในที่ซึ่งทุกข์โทมนัสปรากฎ คลื่นอารมณ์ผุดพร่างพราย และความรู้สึกไหลทะลักเป็นระลอก
ดังนั้นจงปลดปล่อยให้น้ำตามันหลั่งรินตามที่มันต้องการ ในห้วงกอดของคืนวัน ด้วยความปรารถนาของมัน ที่จะไหลรื้นชื่นชุ่มเสียงเพรียกแห่งหัวใจอย่างแท้จริง เป็นคำร้องอุทธรณ์อย่างเจ็บปวดรวดร้าว
น้ำตาแต่ละหยดคือเครื่องหมายของการร่ำไห้ของดวงวิญญาณสุดลึกล้ำ เตือนให้ระลึกเสมอว่าเรายังอยู่ เรายังดิ้นรนในความซับซ้อนไร้สรรพสำเนียงของเหล่าเห็บหมัด ห้วงอารมณ์และความรู้สึกทั้งมวลได้รับการปลดปล่อยเป็นอิสระแล้ว
มันเป็นบทเพลงที่เค้นและกลั่นออกมาจากดวงใจของผู้ประพันธ์เพลงอย่างฉกาจฉกรรจ์ หนักแน่นด้วยคำร้องและท่วงทำนองสอดรับได้อย่างลงตัวที่สุดของผลงานชิ้นนั้น
หรือชายบนสะพานลอยคนนั้นคือเจ้าของบทเพลงนี้ ชายชราที่มีหยาดน้ำตาคลอหน่วย เฝ้ารอคอยความเมตตาจากผู้คนที่ผ่านไปมาเกือบทุกๆฝีเท้าก้าวผ่านเฉียดกรายไปมา ด้วยความอ่อนวัยกว่าทั้งสิ้น
ใช่หรือไม่ ไม่อาจรู้ได้ หากไม่ได้นั่งลงซักถามพูดคุยถึงความเป็นมากับชายชราคนนั้นอย่างละเอียดจริงจัง เพียงแต่ความรู้สึกถึงความจริงที่ปรากฏเป็นไปได้ทั้งนั้นกับวิถีชีวิตที่เร่งเร้าของผู้คนในวันนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างมีราคาที่ต้องจ่ายสูงกว่ายุคสมัยที่ครูเพลงลูกทุ่งคนนี้กำลังรุ่งเรืองหลายเท่านัก
หากแต่ชายชราที่บ่งบอกตัวเองว่าเป็นครูเพลงลูกทุ่งตกอับนั้น ไม่ได้ตกอับอย่างที่เข้าใจ ความจริงแท้ท่านกำลังอยู่บนที่สูงบนสะพานลอย รุ่่งเรืองร่ำรวยด้วยรอยอดีตให้ถวิลถึงมากกว่าผู้คนนับร้อยพันที่ก้าวข้ามเฉียดผ่านไปมาอย่างกับไม่เห็นตัวตนของเขา
ข้าพเจ้าได้แต่เดินไปรอรถเมล์ด้วยความคิดแตกต่างสารพันกับครูเพลงลูกทุ่งคนนั้น
หากพอมีเวลาว่างเว้นผู้คนคงได้ทรุดลงนั่งสนทนาไถ่ถามความสำคัญของชายชราผู้นั้นได้บ้างตามสมควร
17/8/2567