Tuesday, December 3, 2024
More
    Homeเรื่องสั้น-วรรณกรรมเรื่องเล่าในรถร้อนEP.18

    เรื่องเล่าในรถร้อนEP.18

    บนสะพานลอยช่วงเช้า

    ขณะที่ผู้คนจอแจพลุกพล่านรีบก้าวเท้าจ้ำเดินเพื่อไปต่อรถไปทำงาน หรือนักเรียน นักศึกษาจะไปเล่าเรียน

    เรามักจะไม่ได้เห็นภาพแผงขายสินค้าแบกะทางเท้า คนไร้บ้านนั่งนอนตามปกติ เพราะเจ้าหน้าที่เทศกิจที่ดูแลอำนวยความสะดวกให้ผู้คนทั่วไปจะมาปฏิบัติหน้าที่กวดขันไม่ให้ใครมากีดขวางเกะกะการสัญจรของผู้คนที่เร่งรีบไปให้ทันเวลาทำงานหรือทันเวลาเรียนหนังสือ

    เป็นเรื่องปกติของทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ ยกเว้นเสาร์อาทิตย์หรือวันหยุดราชการ จะไม่เห็นคนของเขตออกมาทำหน้าที่นี้

    เช้าวันหนึ่งได้มีโอกาสพบเจอภาพที่ไม่เคยเห็นหรือคิดว่าจะได้เห็นมาก่อน จนต้องบันทึกไว้ในอีกหนึ่งหน่วยความทรงจำ

    ปกติเมื่อเจ้าหน้าที่เทศกิจหรือราชการออกปฏิบัติหน้าที่ตามสถานที่สถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่ง มักจะมีการถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐานเพื่อรายงานผลการปฏิบัติงานไปตามลำดับประมาณนี้

    ข้าพเจ้าพบเห็นบ่อยๆ ส่วนมากเจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่เป็นชุดอย่างน้อยสองคนหรือสาม เมื่อทำงานสำเร็จก็จะผลัดกันบันทึกภาพผลงานและตัวเจ้าหน้าที่เองไปด้วย

    แต่ครั้งนี้เห็นเจ้าหน้าที่เทศกิจคนหนึ่งเท่านั้นที่มาปฏิบัติงานกวดขันทางเท้าบนสะพานลอยคนข้าม พอทำงานเสร็จคงต้องมีภาพตัวเองในพื้นที่เพื่อรายงานผู้บังคับบัญชา ครั้นจะใช้วิธีถ่ายเซลฟี่เอง เขาคงคิดว่าอาจจะได้ภาพไม่ครบถ้วนหรือมุมมองที่ไม่สมบูรณ์ อาจดูไม่เหมาะสมที่จะส่งรายงานหน่วยเหนือก็เป็นได้

    ข้าพเจ้าจึงได้เห็นภาพชายหนุ่มใหญ่เนื้อตัวมอมแมมกับเสื้อผ้าเก่าคร่ำคร่าที่คุ้นหน้า เขาเป็นคนจรจัดนั่งรอรับเศษเงินจากผู้คนที่เดินผ่านไปมาบนสะพานลอยนั้น กำลังยืนจดจ้องถ่ายภาพด้วยโทรศัพท์มือถืออย่างเก้ๆกังๆ

    เบื้องหน้าเขาคือเจ้าหน้าที่เทศกิจยืนเป็นนายแบบอย่างไม่มีเคอะเขิน ทั้งยังคอยบอกกำกับตากล้องจำเป็นไปพลาง

    จนเมื่อเดินผ่านเลยไป ข้าพเจ้าอดยิ้มในใจไม่ได้ คิดทึกทักเอาเองว่าเจ้าหน้าที่เทศกิจนายนี้คงขอความช่วยเหลือจากหนุ่มจรจัดวณิพกให้บันทึกภาพให้ ด้วยเป็นคนคุ้นเคยเห็นหน้ากันประจำบนสะพานลอยนั้น คงไม่เหลือบ่ากว่าแรง นับได้ว่าเป็นการช่วยราชการอย่างหนึ่งของชายขอทานเร่ร่อนก็ไม่เกินเลยไปนัก

    เมื่อวิถีของชายสองคนที่แตกต่างกันสิ้นเชิง คนหนึ่งทำหน้าที่หลักคอยดูแลเส้นทางสัญจรของคนทั่วไปให้สะดวกคล่องตัว ส่วนอีกคนต้องดิ้นรนหาเลี้ยงปากท้องตัวเองอย่างยากแค้นลำเค็ญอย่างไร้ศักดิ์ศรีตากหน้าขอทานบนสะพานลอย

    ทั้งสองคนมีวิถีชีวิตที่สวนทางกันอย่างไม่มีประนีประนอม แม้ว่าฝ่ายหนึ่งดูด้อยค่าในความเป็นมนุษย์ ด้อยกว่าเสมือนหนูตัวหนึ่งที่คอยเอาแต่วิ่งหนีแมวไล่ล่า ไม่กล้าสบตาเผชิญหน้ากับแมว

    แต่วันหนึ่งได้เห็นแมวต้องพึ่งพาอาศัยหนู ช่างเหมือนกับนิทานอีสปเรื่องราชสีห์กับหนูอย่างแท้จริง

    ข้าพเจ้าย่ำเดินไปรอรถเมล์สีครีมแดงตามเคย ในความคิดยังคงเห็นภาพจำแสนธรรมดาไม่มีความหมายแต่เพื่งเคยพบเห็นครั้งแรก มันเป็นความรู้สึกดีๆแปลกๆอย่างไรไม่รู้

    พอก้าวขึ้นรถเมล์ได้ยินเสียง “สวัสดีค่ะ เชิญค่ะ ข้างหลังยังมีที่นั่งว่างงค่ะ”

    จนเมื่อถึงป้ายจะลง ได้ยินอีกว่า “ขอบคุณค่ะ” นานๆจะเจอพนักงานเก็บค่าโดยสารพูดจาไพเราะเสนาะโสตกับผู้โดยสารรถร้อนสักที

    22/9/2567

    RELATED ARTICLES
    - Advertisment -

    Most Popular

    Recent Comments